ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 249 บังเอิญเจอกันที่ธนาคาร
บทที่ 249 บังเอิญเจอกันที่ธนาคาร
หลี่เจิ้นกั๋วโทรมาเกี่ยวกับเรื่องของหยก
เขาได้สอบถามเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์แล้ว ก็อยู่ในถนนโบราณในอำเภอผิงอัน
ฟังที่หลี่เจิ้นกั๋วเล่าว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง ฝีมือถูกถ่ายทอดมาจากบรรพชน
จะตรวจสอบหยกโบราณแบบนี้ ก็ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญระดับอาจารย์
เฉินเกอก็เลยตัดสินใจให้เขาช่วยดูก่อน หากไม่ได้ความจริงๆ ตัวเองค่อยไปหาผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ
เพราะตัวตนของเมิ่งซินนั้น ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้คนจะไม่รู้อย่างแน่นอน
หาไม่มีข้อมูลแล้ว จะตามหายังไงกัน?
เพราะฉะนั้น ข้อมูลที่สามารถจะสืบต่อได้ ก็คือหยกชิ้นนี้
เดิมทีหลี่เจิ้นกั๋วจะไปเป็นเพื่อนเฉินเกอ
แต่เพราะคุณพ่อได้กำชับไว้ เรื่องของเมิ่งซินคนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี
บวกกับหลี่เจิ้นกั๋วตอนนี้ก็ยุ่งด้วย เฉินเกอก็เลยไปคนเดียว
เพราะถนนสายนี้เฉินเกอก็รู้ยังจักด้วย
ตลาดโบราณนี้ไม่ได้ใหญ่นัก มีร้านขายวัตถุโบราณไม่กี่ร้าน
หลังจากที่ไปแล้ว รับรู้ได้ว่าหลี่เจิ้นกั๋วได้อำนวยความสะดวกไว้ให้ก่อนแล้ว
ชายคนหนึ่งที่ใส่แว่นตา มีเครายาวสีขาว สวมชุดสมัยราชวังถังกำลังรอเฉินเกออยู่แล้ว
“สวัสดีครับคุณเฉิน ข้าน้อยสวี่โม่เหนียน!”
สวี่โม่เหนียนมองเฉินเกอยิ้มแล้วพูด
“คุณฉวี่เกรงใจไปแล้ว สมคำร่ำลือจริงๆ ครั้งนี้ผมอยากจะให้ท่านช่วยตรวจสอบหยกชิ้นหนึ่ง รวมถึงอายุของหยกชิ้นนี้ และที่มาที่ไปของหยกชิ้นนี้ยิ่งละเอียดยิ่งดี!”
เฉินเกอเข้าประเด็นโดยตรง
พูดจบ ก็ได้นำหยกชิ้นนี้ออกมาอย่างระมัดระวัง
และสวี่โม่เหนียนเห็นหยกชิ้นนี้แล้ว ดวงตาได้กระตุกเล็กน้อย
จากนั้นก็รับหยกไปด้วยความระมัดระวังและสีหน้าที่เคารพ
“หยกชนิดนี้ ร้อยปีก็ไม่อาจจะได้เห็นสักครั้ง หยกชั้นเลิศ หยกชั้นเลิศจริงๆ คุณชายเฉิน คุณได้หยกชิ้นนี้มาได้อย่างไรกัน?”
สวี่โม่เหนียนมีความสนใจที่เปี่ยมล้น ได้ถามขึ้นตอนนั้นเลย
เขาสำรวจเฉินเกอจากหัวจรดเท้า ก็มองไม่ออกอะไรเลย
ต้องรู้ว่าหากมีหยกชนิดนี้ ส่วนมากฐานะจะไม่ธรรมดา
และเฉินเกอนั้นก็มองออก ถึงแม้หลี่เจิ้นกั๋วจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเขา
ก็ได้พูดในขณะนั้น: “ท่านสวี่ ท่านก็อย่าได้ถามอีกเลย ท่านจงบอกที่มาที่ไปของหยกชิ้นนี้ให้ผมเถอะ………”
“ให้อภัยคนแก่ที่นึกไม่ออกเถอะ เวลาสั้นๆให้ข้าพูดที่มาที่ไปของหยกชิ้นนี้มันค่อนข้างที่จะยาก แต่ผิวสัมผัสของหยกชิ้นนี้ให้ความรู้สึกที่ว่า เหมือนจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องอยู่ในคัมภีร์ที่บรรพชนเคยให้ไว้ คุณเฉินไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกที่ทิ้งหยกไว้ที่ร้านหรือไม่ รอให้ผมตรวจสอบแล้ว ค่อยแจ้งคุณอีกที?”
สวี่โม่เหนียนกล่าว
“ได้ครับ หวังว่าผู้เฒ่าจะจัดการใหอย่างด่วน!”
เฉินเกอคิดดูแล้ว ในเมื่อเป็นหลี่เจิ้งกันวที่จัดการให้ คงจะไม่น่ามีปัญหาอะไร
ดังนั้นจึงพยักหน้าตกลง
แล้วคุยกันสักพัก เฉินเกอก็จากไป
จะไปทำอะไรดีละ?
หากไปดูตัวตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่ ตอนนี้เฉินเกอต้องการจะไปถอนเงิน เพราะว่าบ้านที่เฉินเกอซื้อก็อยู่แถวนี้พอดี ในกระเป๋าของเฉินเกอก็มีเอกสารซื้อขายอยู่ ก็เลยอยากจะไปจ่ายส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย
เพราะเฉินเกอไม่สามารถที่จะกู้เงินจริงๆนี่นา!
“เฉินเกอ?”
เวลานี้ มีหญิงสาวคนหนึ่งได้เรียกเฉินเกอไว้ ดูก็รู้ว่าค่อนข้างจะแปลกใจที่เจอเฉินเกอที่นี่
เฉินเกอหันกลับไปดูก็แปลกใจเหมือนกัน
หญิงสาวคนนี้เดินออกมาจากด้านใน
เห็นได้ชัดว่าเธอพักอยู่ที่นี่
นี่มันเพื่อนรักของเจียงหรานหรานที่ชื่อสวี่ซิน เป็นใคร……..
วันนั้นครั้งแรกที่ไปบ้านเจียงหรานหรานนั้น สาวสวยสวี่ซินคนนี้ได้สร้างความประทับใจที่ลึกซึ้งไว้ให้เฉินเกอ
ก็รู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ช่างมีจิตใจที่ดีงาม
“สวี่ซิน ที่นี่คือบ้านของเธอหรอ?”
เฉินเกอถามอย่างยิ้มแย้ม
“อืมๆ ใช่จ้า คนนี้คือปู่ของฉัน! ใช่แล้วเฉินเกอ นายมาที่ร้านของฉันทำไมหรอ!”
สวี่ซินก็ได้เดินมาพูดอย่างยิ้มแย้ม
“เสี่ยวซิน ทำไมหลานพูดจาแบบนี้ละ ต้องเรียกคุณเฉิน!”
สวี่โม่เหนียนตกใจก่อน จากนั้นก็พูดสั่งสอนสวี่ซิน
ประวัติความเป็นมาของเฉินเกอนั้นสวี่โม่เหนียนไม่รู้แน่ชัด แต่ว่าชายวัยกลางคนคนนั้นที่ให้ตัวเองต้องฟังคุณเฉินคนนี้ คนที่สามารถรบกวนผู้ว่าของเมือง และแม้กระทั่งนายกสมาคมวิจัยโบราณวัตถุแห่งชาติได้ ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน นั่นก็แปลว่าเฉินเกอต้องไม่ธรรมดา
ไม่งั้นสวี่โม่เหนียนไม่เคารพเฉินเกอเพียงนี้หรอก
ได้ยินสวี่ซินพูดจาแบบนี้แล้ว อดไม่ได้ที่จะตักเตือน
“ไอ้หยาคุณปู่ เฉินเกอคนนี้คือเพื่อนใหม่ของหนู ยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของหรานหรานด้วย!”
สวี่ซินพูดอย่างยิ้มแย้ม
“ไม่เป็นไรครับท่านสวี่ ท่านไปทำงานก่อนเถอะ!”
เฉินเกอยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด
“อา? เฉินเกอ นายยังไม่ได้บอกเลยว่ามาหาปู่ฉันทำไมหรอ?”
สวี่ซินถามขึ้น
“มารบกวนคุณปู่เธอให้ช่วยหน่อย! ก็ไม่ได้มีอะไรมาก!” เฉินเกอกล่าว
“อ้อๆ เข้ามานั่งในบ้านฉันก่อนสิ ฉันจะชงชาให้นายดื่ม!”
“ครั้งหน้าละกัน ยังไงฉันก็ต้องมาอีก ตอนนี้ฉันจะไปถอนเงินที่ธนาคารฝั่งโน้นก่อน!”
เฉินเกอยิ้มๆ
“พอดีเลย ฉันก็เตรียมตัวจะไปธนาคาร จะเอาโทรศัพท์ไปให้แม่น่ะ! งั้นก็ไปพร้อมกันเลย!”
สวี่ซินพูดไปพลางเดินออกไปกับเฉินเกอ
ครั้งนี้ที่เฉินเกอถอนเงิน เดิมทีอยากจะมาถอนเงินอย่างเงียบๆเสร็จแล้วจะได้รีบไป แต่ไม่คิดว่าจะมาพบเจอกับสวี่ซิน
พยักหน้าอย่างอึดอัดเล็กน้อย
“แม่เธอลืมโทรศัพท์หรอ?” เฉินเกอไม่มีอะไรจะพูดก็เลยหาเรื่องพูด
“เห่อๆ ไม่ใช่ เป็นโทรศัพท์อีกเครื่องน่ะ เอ่อ ธนาคารที่แม่ฉันทำงานอยู่ ต้องการดึงดูดนักลงทุน แม่ฉันเป็นรองหัวหน้า ก็ต้องทำยอดเหมือนกัน ต้องใช้โทรศัพท์หลายเครื่องในการติดต่อลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน แม่ยุ่งจนจะแย่แล้ว!”
สวี่ซินกล่าว
คุยไปคุยมา ก็ได้เข้าไปในธนาคารแล้ว
“แม่คะ โทรศัพท์ของแม่!”
ในธนาคาร ผู้หญิงวัยกลางคนมารอสวี่ซินแล้ว
เวลานี้เธอเห็นเฉินเกอที่เดินมากับลูกสาว ต้องตกตะลึงทันที
“เสี่ยวซิน คุณคนนี้คือ?”
แม่ของสวี่ซินได้ถามขึ้น
“คนนี้คือเพื่อนหนูชื่อเฉินเกอ คนที่หนูเคยบอกแม่ครั้งก่อนไงคะ เคยเลี้ยงอาหารฝรั่งเศสหนูไง เห่อๆ เขากำลังจะมาถอนเงินน่ะ!”
สวี่ซินกล่าว
“ห๊า? ที่แท้เป็นพ่อหนุ่มคนนี้นี่เอง ไม่เลวไม่เลว หน้าตาหล่อไม่เบา ทำไมหรอ พวกเธอจะไปเที่ยวหรอ?”
เฉินเกอคิดในใจ คงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นแฟนของสวี่ซินมั้ง
“อ้อๆ ผมมาถอนเงินครับ จากนั้นจะไปชำระค่าบ้านน่ะ!”
“ยะ ซื้อบ้านแล้วหรอเนี่ย!”
แม่ของสวี่ซินพูดอย่างดีใจ
เธอคิดดูแล้ว คืนนั้นลูกสาวได้บอกกับตัวเองแล้ว ร้านอาหารฝรั่งเศสที่แพงขนาดนั้น ก็หมายความว่าพ่อหนุ่มคนนี้ฐานะต้องไม่เลว
ตอนนี้ได้ยินว่าซื้อบ้านแล้วยิ่งถูกใจเข้าไปใหญ่
“โอ้ รองหัวหน้าหลิน ใครซื้อบ้านแล้วหรอ?”
ในเวลานี้ น้ำเสียงที่เยือกเย็นเยาะเย้ยได้ถูกส่งออกมา
ก็เป็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
เห็นผู้หญิงวัยกลางคนท่านนี้เดินมาถึงที่ห้องโถง เฉินเกอตกตะลึงทันที
เป็นแม่ของเจียงหรานหราน ถังหรานน้าถาง
ใช่แล้ว ก็ทำงานอยู่ธนาคารเหมือนกัน และที่สำคัญยังเป็นหัวหน้าด้วย ก็เป็นรองหัวหน้าเหมือนกัน ระดับเดียวกันกับแม่ของสวี่ซิน
เพียงแต่มาถึงก็เจอกับน้าถาง เฉินเกอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เฉินเกอ? นายทำที่นี่ทำไม?”
เวลานี้ถังหรานก็ได้มองทางเฉินเกอแวบหนึ่ง ก็ถามอย่างแปลกใจ
ผมมาถอนเงิน
เฉินเกอพูดอย่างเรียบเฉย
ถึงตอนนี้แม้แต่น้าก็ยังไม่อยากจะเรียกเลย
“ฮึ ไม่เลวนะเฉินเกอ ตอนนี้เห็นฉันแล้วแม้แต่น้าก็ไม่เรียกแล้วนะ ทำไม? ไม่หยิ่งแล้วใช่มั้ย? ไม่มีเงินแล้วนี่? ถอนเงินไปใช้จ่ายชีวิตประจำวันหรอ? ช่างเหลือเกินจริงๆ ถูกหวยนิดหน่อยก็ทำเป็นโอ้อวดอะไรล่ะ?”
ยังมีเรื่องงานของนาย เงินที่นายบริจาคห้าแสน เดิมทีหากบริจาคเยอะหน่อยก็จะให้จัดให้นายเข้าทำงานในแผนกนั้น แต่ว่าตอนนี้มีคนบริจากเงินเยอะกว่า ความหมายก็คือ ของนายรอไปก่อน หากมีโอกาสค่อยหางานให้นายทำ
ถังหรานก็ได้แยกความสัมพันธ์ให้ชัดเจนก่อน
อะไรนะรองหัวหน้าถาง เธอพูดอะไรหรอ? อะไรคือไม่มีเงินหรอ?
สวี่ซินได้ถามอย่างประหลาดใจ
“เธอคงยังไม่รู้สิ? อ้อๆ ถึงว่าละ สวี่ซินก็คงยังไม่รู้แน่เลย เฉินเกอตอนนี้………..”
แล้วถังหรานก็เล่าเรื่องที่เมื่อก่อนบ้านของเฉินเกอยากจน รวมถึงเรื่องที่ตอนนี้ขายรถซื้อบ้านก็เล่าออกมาทั้งหมด
ยังพยายามย้ำแล้วย้ำอีกเรื่องที่เฉินเกอเหลือแต่ตัวเปล่า
ทำให้แม่ของสวี่ซินรู้สึกเย็นไปทั้งตัว
แม่งเอ๊ย เกือบจะผลักลูกสาวเข้าถ้ำเสื้อแล้ว!
“แม่คะ โทรศัพท์ที่แม่ต้องการหนูเอามาให้แม่แล้วค่ะ!”
ในเวลานี้ ได้ยินเสียงเบรกของรถดังขึ้น จากนั้นก็มีเงานของกลุ่มก็ได้เดินเข้ามาในธนาคาร
ก็คือเจียงหรานหรานและยังมีหลินตง และเพื่อนรักสองคนที่เจียงหรานหรานอยู่กับเมื่อวาน ดูท่าแล้ว พวกเขาเหมือนจะออกไปเที่ยวกันอีกแล้ว
ก็เลยแวะมาส่งโทรศัพท์ให้กับถางหราน
“เฉินเกอ? นายมาทำอะไรที่นี่? “ เจียงหรานหรานแวบแรกที่เห็นเฉินเกอ ก็อดไม่ได้ที่จะถาม!