ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 349 ประสงค์ร้าย
ตอนที่ 349 ประสงค์ร้าย
หลังจากที่จางซิ่วเอ๋อพูดจบ นางก็ก้าวขาออกเดินจากไป
“เดี๋ยว! ซิ่วเอ๋อ!” รุ่ยเซียงร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
จางซิ่วเอ๋อหันกลับมามองรุ่ยเซียง “มีอะไรอีกงั้นหรือ?”
รุ่ยเซียงกล่าวคำ “อย่าบอกผู้ใดนะว่าเจ้าเห็นข้าที่นี่”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “ย่อมได้”
นางไม่ใช่สตรีปากยื่นปากยาว เหตุใดจึงต้องบอกกล่าวเรื่องนี้กับผู้อื่นด้วย?
รุ่ยเซียงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าทราบดีว่าเราต่างเป็นเหมือนกัน เจ้าเองไม่ต้องกังวลนะ เพราะข้าก็จะไม่พูดเรื่องของเจ้าเช่นกัน”
จางซิ่วเอ๋อ “…”
นางไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เพียงแค่นิ่ง หากกล่าวไปคงต่อความยาวสาวความยืดไม่จบสิ้น
“ว่าแต่ เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย เมื่อครู่นี้คนผู้นั้นเป็นใครหรือ?” รุ่ยเซียงถามด้วยความสงสัย
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้ว “คนไหน?”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ไม่คิดสนใจรุ่ยเซียงอีกต่อไป นางไม่เปิดโอกาสให้รุ่ยเซียงคาดเดาใด ๆ เพียงก้าวขาออกและเดินจากไปทันที
ขณะที่จางซิ่วเอ๋อจากไปแล้ว ใบหน้าของรุ่ยเซียงจึงได้เผยความขุ่นเคืองเล็กน้อย นางรู้สึกไม่พอใจยิ่ง
ขณะนั้นหวังกลากเกลื้อนก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่นึกเลยว่าจางซิ่วเอ๋อจะเป็นคนดี ไม่ใช่ผู้คนกล่าวบอกหรือว่านางอยู่กับท่านหมอเมิ่ง? เหตุใดข้าไม่มองคนเช่นท่านหมอเมิ่งนะ?”
รุ่ยเซียงหันกลับมามองหวังกลากเกลื้อน “เหตุใดเจ้าจึงสนใจนางมากเช่นนั้น?”
หวังกลากเกลื้อนรีบตอบกลับ “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าย่อมห่วงใยเจ้ามากที่สุด!”
เมื่อกล่าวจบ หวังกลากเกลื้อนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสร่างกายของรุ่ยเซียง
ในขณะนี้ จางซิ่วเอ๋อยังไม่ได้ไปไหนไกล นางซุ่มเงียบอยู่ในความมืดและเห็นฉากนี้เข้า สายตาของนางเผยแววรังเกียจออกมา
เหตุใดรุ่ยเซียงจึงคบหากับหวังกลากเกลื้อน?
ไม่ว่ารุ่ยเซียงจะเป็นอย่างไร นางก็รู้สึกได้ว่าในอนาคตนางจะต้องอยู่ให้ห่างจากรุ่ยเซียง
หวังกลากเกลื้อนผู้นี้เป็นคนนอกรีต แล้วเขาก็มีครอบครัวแล้ว พฤติกรรมของรุ่ยเซียงในตอนนี้มันมากเกินไป
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าทัศนคติสามประการของตนเป็นเรื่องยากจะยอมรับ
และรู้สึกว่าหากนางยังรับชมเรื่องพวกนี้มากเกินไปก็คงจะระคายสายตามากกว่านี้ เช่นนั้นจึงหันหลังและก้าวเดินออกไป
หลังจากเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว เนี่ยหย่วนเฉียวก็โผล่มาจากด้านข้าง
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะ “เหตุใดจึงเคลื่อนไหวเร็วเช่นนั้น?”
ใบหน้าของเนี่ยหย่วนเฉียวผิดปกติเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะบอกว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่มีสิ่งใดต่อกัน แต่เขาไม่รู้เช่นกันว่าทำไมจึงต้องหลบซ่อน ราวกับตนเองกำลังมีชู้กับใครสักคนและกลัวจะถูกค้นพบ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เนี่ยหย่วนเฉียวก็รีบปฏิเสธตนเองในใจ
การถูกจับได้ว่าเป็นชู้คืออะไร
“โชคดีที่พวกเราไม่ถูกค้นพบ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีข่าวติฉินนินทาแพร่กระจายออกไปเพียงใด” จางซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างผ่อนคลาย
เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อ “มีการติฉินนินทาบ่อยงั้นหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกหดหู่ใจอยู่นาน เมื่อมีคนถามเช่นนี้นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ในหมู่บ้านมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องของข้ามากมาย ว่าเหตุใดข้าจึงต้องใช้เงินของบุรุษ ข้ากำลังคบหากับผู้ใด พวกเขาเหล่านั้นเกี่ยวอะไรด้วย…”
เนี่ยหย่วนเฉียวไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่รู้จักใครในหมู่บ้านเลย
คนเดียวที่เขารู้จักคือพี่น้องของจางซิ่วเอ๋อและตระกูลจ้าว
บัณฑิตจ้าวไม่ค่อยพูดคุยกับคนในหมู่บ้านเท่าใดนัก แม้บัณฑิตจ้าวจะทำเช่นนั้น แต่เขาก็จะไม่บอกกล่าวกับเนี่ยหย่วนเฉียวว่าสตรีปากยื่นปากยาวเหล่านั้นกล่าวถึงสิ่งใด
นี่เป็นครั้งแรกที่เนี่ยหย่วนเฉียวได้ยินเรื่องนี้ เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน ใบหน้าเผยความเย็นชาออกมา “แล้วเหตุใดพวกเขาจึงมุ่งร้ายต่อเจ้า?”
เนี่ยหย่วนเฉียวรู้ดีว่าจางซิ่วเอ๋อเป็นอย่างไร เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับจางซิ่วเอ๋อทุกวัน ดังนั้นเขาจะไม่รู้เรื่องราวของจางซิ่วเอ๋อได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะชื่นชอบผู้ใดอยู่ก็ตาม เขาก็เข้าใจได้ว่าทั้งหมดคืออิสระของนาง
แม้กระทั่งตัวของเขาเอง ก็ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง!
แล้วทำไมคนพวกนี้จึงนินทากาเลเกี่ยวกับนางไม่หยุด?
เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของจางซิ่วเอ๋อ เนี่ยหย่วนเฉียวรู้สึกว่าหัวใจของเขาพลันเศร้าโศกไปด้วย
จางซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างกระชับ “ข้าเป็นม่าย ข้ามีชีวิตที่ดี คนเหล่านั้นล้วนอิจฉา!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อด้วยแววตาวูบไหว
แม่ม่าย… นางไม่ควรจะเป็นแม่ม่าย
“เจ้ากังวลหรือไม่ที่ตนเองเป็นม่ายเช่นนี้? แล้วเจ้าอยากมีสามีไหม?” จู่ ๆ เนี่ยหย่วนเฉียวก็ถามขึ้น
เมื่อจางซิ่วเอ๋อได้ยิน นางโต้กลับทันที “เป็นม่ายนั้นอิสระยิ่ง และข้าก็ไม่สนว่าคนเหล่านั้นจะพูดอะไร!”
เมื่อจางซิ่วเอ๋อกล่าวเช่นนี้ นางก็อดนึกถึงสตรีบางคนในหมู่บ้านไม่ได้
ผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีสิทธิใด ๆ ในชีวิตเลย
หากใช้ชีวิตดั่งเช่นแม่โจว คงจะดีกว่าหากได้เป็นม่ายไปเสีย!
จางซิ่วเอ๋อกล่าวต่อ “ข้าสามารถหารายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองได้ และยังสามารถทำงานเองได้ ข้าจะต้องมีสามีทำไมกัน?”
หากมีคนเห็นด้วยกับนาง ก็ไม่เป็นไร แต่หากนางเจอคนที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน… นางก็ต้องการเป็นม่ายเช่นเดิม
“เฉกเช่นคุณชายเนี่ยผู้ล่วงลับไป หากเขายังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าข้าจะไม่ได้เป็นม่าย แต่ข้าคงไม่โชคดี!” จางซิ่วเอ๋ออดไม่ได้ที่จะนึกถึงเนี่ยหย่วนเฉียว
เมื่อคิดถึงสภาพแวดล้อมของตระกูลเนี่ย จางซิ่วเอ๋ออดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน นั่นคือทางตัน…
เนี่ยหย่วนเฉียวได้ยินถ้อยคำเช่นนั้น เขาจึงกล้ำกลืนถ้อยคำของตนเองลงกระเพาะไป
“เจ้า… เกลียดคุณชายเนี่ยมากอย่างนั้นหรือ?” เนี่ยหย่วนเฉียวอดไม่ได้ที่จะถาม
จางซิ่วเอ๋อยิ้มตอบ “เขาตายแล้วอย่างไร ตายเป็นเรื่องใหญ่ก็ใช่ แต่ข้าไม่อาจสนใจเขาเหมือนดังคนที่ยังมีชีวิต แต่หากจนถึงวันนี้เขายังมีชีวิต… ข้าก็ไม่อาจมั่นใจว่าจะหาทางสังหารเขาจนกลายเป็นแม่ม่ายเช่นนี้ต่อหรือไม่”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าถ้าเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ตายในวันนั้น นางก็คงไม่อาจทำอย่างทุกวันนี้ได้
แม้จะฟังดูโหดร้าย แต่หากว่าเจ้าไม่ได้ใจดี ก็อย่ากล่าวโทษว่าข้าไร้ปรานี!
เนี่ยหย่วนเฉียวกำลังจะตาย และนางต้องแต่งงาน นี่ไม่ใช่การถีบหญิงสาวผู้หนึ่งตกลงไปในหลุมไฟงั้นหรือ? แล้วฮูหยินเนี่ยก็ไม่ใช่คนดี สำหรับนายท่านเนี่ยที่สามารถยอมให้ครอบครัวตนเองทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้ เขาจะเป็นคนดีเพียงใดกัน?
จางซิ่วเอ๋อไม่ต้องการถูกกักขังอยู่ในตระกูลเนี่ยในตลอดชีวิตที่เหลือ
เนี่ยหย่วนเฉียว “…”
“หือ เหตุใดข้าต้องพูดถึงผีตนนี้ด้วย? เจ้าฟังแล้วก็เงียบไว้นะ!” จางซิ่วเอ๋ออดไม่ได้ที่จะนึกถึงซิ่วเอ๋อคนเก่า
นางยังมีชีวิตอยู่และสบายดี แต่จางซิ่วเอ๋อคนเก่าตายตกไปแลวจริง ๆ
แล้วชีวิตของนางในคราวนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเนี่ยหย่วนเฉียว
เนี่ยหย่วนเฉียว “…”
ในวันนี้เองที่เขารู้ตัวแล้วว่าตนเองน่าขยะแขยงแพงใด
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกได้จึงเปลี่ยนเรื่องกล่าว “ที่จริงแล้วข้าไม่กลัวสิ่งที่คนในหมู่บ้านพูดถึงข้า แต่ข้าเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ชื่อเสียงข้าไม่ดี มันจะส่งผลต่อน้องสาวทั้งสองคนของข้าแน่นอน…”
“ทั้งยังมีคนพูดกล่าวว่าข้าและท่านหมอเมิ่งมีสัมพันธ์ต่อกัน เรื่องนี้ก็ส่งผลต่อท่านหมอเมิ่งด้วยเช่นกัน” จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ
“ท่านหมอเมิ่ง?” เนี่ยหย่วนเฉียวรู้สึกว่าสามคำนี้ช่างละเอียดอ่อนนัก
จางซิ่วเอ๋อโบกมือพร้อมกล่าวตอบ “ช่างมันเถอะ เราอย่ากล่าวถึงเรื่องนี้เลย รีบกลับบ้านกันดีกว่า”
“อืม” เนี่ยหย่วนเฉียวไม่คิดจะคัดค้านใดกับคำขอของจางซิ่วเอ๋อเสมอ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มันเจ็บกระดองใจ เหมือนโดนมีดกรีดซึ่ง ๆ หน้าเลยอะคุณชายเนี่ย
ไหหม่า(海馬)