ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] - บทที่ 593 แผนการของตู้เหิง
บทที่ 593 แผนการของตู้เหิง
บทที่ 593 แผนการของตู้เหิง
เมื่อตู้เหิงคิดว่าเมื่อคืนลูกสาวของตัวเองถูกส่งตัวกลับมาโดยองค์รัชทายาท ทำให้ความมั่นใจในใจเพิ่มขึ้นไม่น้อย
อย่างน้อยจากเรื่องที่นางรู้มา องค์รัชทายาทไม่เคยเป็นห่วงสตรีคนใดนอกจากหลินซือ แม้ลูกสาวของตัวเองจะดูภายนอกเหมือนคนโง่เขลาเบาปัญญา แต่ตอนนี้กลับสามารถดึงดูดความสนใจขององค์รัชทายาทได้
นางสั่งให้คนในครัวยกน้ำแกงที่ต้มไว้เข้ามาในห้องของลู่เหยา ครั้นเห็นลู่เหยายังไม่ตื่น ตู้เหิงจึงไม่ร้อนใจนัก แล้วปลุกลู่เหยาด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“เหยาเหยา ตื่นได้แล้ว สายมากแล้ว”
“ท่านแม่” เสียงงัวเงียบ่งบอกได้ว่าลู่เหยายังไม่ตื่นเต็มที่
เมื่อวานนางและองค์รัชทายาทออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ต่อมาก็เจอกับพี่หลินซือ เลยอยู่คุยกันยาว ตอนที่ออกมาจากโรงน้ำชาก็ไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากนัก
องค์รัชทายาทได้กล่าวลากับพี่หลินซือ แล้วมาส่งตน
บางทีอาจเพราะไม่เคยมีช่วงเวลาอดนอนมาก่อน วันนี้ลู่เหยาจึงค่อนข้างหลับลึก กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงใกล้เที่ยง ความง่วงก็ยังไม่จางหาย
“ลูกรัก แม่รู้ว่าเมื่อคืนเจ้าคงเหนื่อยมาก แต่เพื่อองค์รัชทายาท เจ้าต้องเอาชนะมันให้ได้ เจ้าดูสิ ก่อนหน้านั้นองค์รัชทายาทไม่เคยมาส่งเจ้า เมื่อวานองค์รัชทายาททรงเสด็จมาส่งเจ้าด้วยตัวเอง นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าองค์รัชทายาทรู้สึกดีกับเจ้า เจ้าต้องพยายามขึ้นอีกหน่อย”
ตู้เหิงพูดพลางนึกถึงภาพที่องค์รัชทายาทเสด็จพาลู่เหยากลับมาส่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีโอกาส
“ท่านแม่ มันไม่ใช่แบบนี้เจ้าค่ะ”
ลู่เหยารู้สึกปวดใจไม่น้อย ก่อนหน้านั้นองค์รัชทายาทไม่เคยมาส่งนาง เมื่อวานเป็นเพราะพี่หลินซือเอ่ยปาก องค์รัชทายาทจึงเสด็จมาส่งตนกลับจวน นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าพี่หลินซือคงได้ครอบครองพื้นที่ในหัวใจขององค์รัชทายาทไปทั้งดวงแล้ว
แต่นางกลับไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับท่านแม่ มิเช่นนั้นนางคงรุดหน้าเข้ามาต่อว่าไม่ยั้งแน่นอน
“แล้วแบบไหนเล่า?” ครั้นเห็นลูกสาวพูดปฏิเสธ ตู้เหิงก็หยุดชะงัก แล้วมองลูกสาวอย่างเงียบ ๆ
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”
“นั่นนะสิ ลูกสาวแม่ แม่ไม่มีวันทำร้ายเจ้า เจ้าก็รู้ว่าในเมืองหลวง นอกจากฮ่องเต้แล้วก็ยังมีตำแหน่งสูงสุดอย่างองค์รัชทายาทอีกตำแหน่ง ถ้าต่อไปเจ้าอยากเป็นคนที่อยู่เหนือผู้อื่น ก็มีแต่องค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถยื่นข้อเสนอนี้ให้เจ้าได้ เข้าใจไหม?”
“อื้อ ข้าเข้าใจ ท่านแม่”
“นี่สิถึงจะสมเป็นลูกสาวของแม่ รีบลุกขึ้นเร็วเข้า แม่เลือกจี้หยกสองชิ้นให้เจ้าแล้ว เดี๋ยวเจ้านำไปถวายแด่องค์รัชทายาทเสีย”
“ท่านแม่ แบบนี้เป็นการถวายแบบส่วนตัว คงดูไม่ดีกระมังเจ้าคะ?”
ครั้นได้ยินคำพูดของตู้เหิง ลู่เหยากลับรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมารดาตรงหน้าของตนเสียอย่างนั้น
ก่อนหน้านั้นมารดามักบอกเสมอว่าตัวเองเป็นบุตรสาวตระกูลมั่งมี ห้ามทำเรื่องนอกรีตผิดประเพณีเหล่านั้นเด็ดขาด
แต่ตอนนี้ต้องการให้นางถวายจี้หยกแด่องค์รัชทายาท ต่อให้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับพี่หลินซือ ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครยอมรับมันได้โดยง่ายเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตอนนี้ลู่เหยามักถูกเปรียบเทียบกับหลินซืออยู่เสมอ เหมือนกับกำลังหาจุดที่ตัวเองเหมือนกับหลินซือก็มิปาน
แต่เรื่องที่ทำให้ลู่เหยาคาดไม่ถึงก็คือ แม้ว่านางจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีทางหาจุดที่เหมือนกันระหว่างตัวเองกับพี่หลินซือได้ เพราะพวกนางสองคนคือคนละคนกัน สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือบุรุษที่นางชอบกลับไปชอบหลินซือก็เท่านั้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ลู่เหยาจึงต้องเตือนสติตัวเองอย่างอดไม่ได้
ทำไมถึงได้คิดเช่นนี้กับพี่หลินซือ พี่หลินซือดีกับตนเสมอ นางไม่ควรทำเช่นนี้
“ไม่ดีตรงไหน นั่นคือองค์รัชทายาท ลูกรัก ถ้าเจ้าพลาดองค์รัชทายาทไป เจ้าจะมานั่งเสียใจไปตลอดชีวิตนะ”
ตู้เหิงไม่สังเกตเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของลูกสาวเลยแม้แต่น้อย เอาแต่พูดเออออห่อหมกกับตัวเอง
นางลุ่มหลงอยู่ในภาพเพ้อฝันที่จะได้เป็นพระสัสสุของว่าที่องค์จักรพรรดิในอนาคต ถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ เหยาซูจะต้องเสียใจที่ไม่ยอมให้ลูกสาวคว้าตัวองค์รัชทายาท แต่กลับมอบโอกาสนั้นมาให้กับลูกสาวของตัวเอง
ตู้เหิงเกลียดชังเหยาซูมาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าตัวเองก็เป็นคนที่ต้องพึ่งบุรุษ ต้องทำตัวให้สูงส่งเหมือนกับไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่เหยาเคยชินกับการเชื่อฟังมาตั้งแต่เด็ก นางไม่รู้ว่าควรจะโต้แย้งมารดาของตนอย่างไร
ภายใต้การเร่งเร้าของตู้เหิง ลู่เหยาจึงต้องลุกจากเตียงนอน จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงเข้าวังหลวง
อาจเพราะช่วงนี้นางมักจะไปมาหาสู่ในวังหลวงอยู่บ่อยครั้ง เมื่อองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูวังเห็นลู่เหยาจึงไม่ขัดขวาง ปล่อยให้นางเดินเข้าวังไปอย่างง่ายดาย
เพราะทุกครั้งก็ล้วนแต่เดินในเส้นทางเดิม ดังนั้นลู่เหยาจึงไม่หลงทางอีก เส้นทางในวังนางรู้เพียงแค่เส้นทางไหนตรงไปยังตำหนักขององค์รัชทายาท
ในตอนที่เดินมาถึงตำหนักขององค์รัชทายาทนั้น เวลานี้องค์รัชทายาทกำลังฝึกฝนการต่อสู้ เมื่อเขารู้ว่านางมา จึงให้นางกำนัลยกชาเข้ามา
ประสบการณ์จากอดีตชาติทำให้เขาได้เข้าใจ ว่าบางครั้งวิทยายุทธ์ก็สำคัญ
กระทั่งบางช่วงเวลาก็ต้องปกป้องชีวิตของตัวเอง ดังนั้นเรื่องนี้ เขาจึงไม่เคยให้อาจารย์อ่อนข้อให้ ตรงกันข้ามเขากลับขอให้อาจารย์เข้มงวดกับตัวเองมากขึ้น
ลู่เหยาได้ยินเสียงขององค์รัชทายาทมาจากสนามฝึก กระทั่งเดินมาถึงข้างสนามฝึกภายใต้การนำทางของนางกำนัล เห็นองค์รัชทายาทกำลังฝึกซ้อมกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ทั้งถูกเตะถูกต่อย จากนั้นก็ยังกัดฟันสู้ต่อ ครั้นเห็นภาพนั้นจึงรู้สึกปวดใจ ก่อนหน้านั้นนางมักรู้สึกว่าการเป็นองค์รัชทายาทมันช่างง่ายแสนง่าย มีคนปรนนิบัติในทุกวัน ไม่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นห่วงของฮ่องเต้
……………………………………………………………………….