ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] - บทที่ 576 กำลังเสริม
บทที่ 576 กำลังเสริม
บทที่ 576 กำลังเสริม
วันถัดมา เจี่ยงฉีมารดาของเจี่ยงเถิงมาเยือนถึงจวน หิ้วของฝากติดไม้ติดมือมามากมายบ่งบอกถึงความตั้งใจมาเยือนเป็นอย่างดี ครั้นได้ยินคำพูดของสหาย เหยาซูก็มีการตอบสนอง การมาครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อเยี่ยมเยือนเท่านั้น
นางอยากให้เด็กทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน ช่วงนี้เหยาซูไม่ให้อาซือออกไปไหน จึงเป็นกังวลว่านางจะฟุ้งซ่าน แต่คนที่มาอยู่เป็นเพื่อนด้วยคราวนี้คือเจี่ยงเถิง สำหรับเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กคนนี้ นางมีความพอใจอย่างมาก จึงพยักหน้าตอบตกลง ให้เจี่ยงเถิงพาหลินซือออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกด้วยกัน
ครั้งที่แล้วเพราะฝูงชนที่มากเกินไป เกรงว่าทั้งสองคนคงไม่ได้พูดอะไรกันมาก คราวนี้กลับเป็นโอกาสที่ดี
ได้รับการอนุญาตของเหยาซู เรื่องนี้จึงถูกรวมอยู่ในแผนการด้วย
หลินซือรู้เรื่องที่จะได้ออกจากจวนนานแล้ว ดังนั้นหลังจากกลับเรือนวันนั้นก็ให้สาวใช้ช่วยซักเสื้อผ้า ทั้งยังสั่งให้คนไปเดินซื้อเครื่องประดับลายใหม่ตามท้องถนนอีกด้วย
แม้จะรู้ว่าพี่อาเถิงไม่มีทางชอบนาง แต่ครั้นนึกถึงวันที่จะได้ออกไปกับเขา หัวใจก็เต้นตึกตัก ๆ จนควบคุมไม่ได้ เหมือนกับมีบางอย่างจะทะลุออกมา พาให้นางกระวนกระวายใจอย่างอดไม่ได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มาถึงวันที่จะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแล้ว
ดูเหมือนว่า ตั้งแต่กลับมาจากชนบท ความรู้สึกแบบนี้ได้ปรากฏขึ้นไม่น้อย
เจี่ยงเถิงมารอหน้าประตูตระกูลหลินตั้งแต่เข้าตรู่ หลินซือก็วุ่นวายตั้งแต่เช้าตรู่เช่นกัน เดี๋ยวให้สาวใช้มาหวีผมตรงนี้ เดี๋ยวก็ให้มาหวีผมตรงนั้น เปลี่ยนอันนั้นเป็นอันนี้ ไม่พอใจเสียที
สุดท้ายเหยาซูต้องมาเลือกให้ด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องเสียเวลาไปมากเพียงใด
เสื้อผ้าก็ต้องซื้อใหม่ เสื้อท่อนบนเป็นเสื้อสีกลีบบัวปักลายดอกไม้สีทอง ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงจีบรอบลายดอกไม้ เมื่อนำมาใส่รวมกันให้ความรู้สึกสดใสแต่ไม่สูญเสียกิริยาของคุณหนูใหญ่แต่อย่างใด
“ท่านแม่ แบบนี้งามหรือไม่เจ้าคะ?”
หลังจากหลินซือแต่งกายเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นแม่ เหมือนกับมีบางส่วนที่ยังไม่พอใจอย่างไรอย่างนั้น
“อาซือของแม่งดงามที่สุด” ครั้นเห็นท่าทางจริงจังของลูกสาว เหยาซูก็ได้แต่ส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา
เกรงว่าลูกสาวคงจะตระหนักไม่ได้ว่าความรู้สึกที่นางมีต่อเจี่ยงเถิงนั้นไม่เหมือนเดิม
“ฮิๆ งั้นก็ดีเจ้าค่ะ” หลังจากเก็บข้าวของแล้ว หลินซือก็เดินตามเหยาซูไปยังประตูด้วยกัน
ครั้นเห็นเจี่ยงเถิงมารออยู่ก่อนแล้ว หลินซือจึงอดเร่งฝีเท้าไม่ได้ กระทั่งวิ่งด้วยความเร็วสูงไปยังข้างกายของเจี่ยงเถิง โผเข้ากอดเจี่ยงเถิงทันที
“พี่อาเถิง วันนี้ข้างามหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่ว่าตอนไหนอาซือก็งดงามทั้งนั้น แต่วันนี้งามยิ่งกว่าทุกวัน”
ครั้นสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายของหลินซือ ในใจของเจี่ยงเถิงก็อบอุ่นขึ้น
“โต ๆ กันแล้ว ยังจะเกาะแกะพี่อาเถิงของเจ้าเหมือนเด็ก ๆ อยู่อีก จริง ๆ เลยนะ เจี่ยงเถิง วันนี้ข้าฝากอาซือของข้ากับเจ้าด้วยนะ เจ้าต้องดูแลนางดี ๆ ถ้านางกลับมามีเส้นผมขาดแม้เพียงเส้นเดียว ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า”
หลังจากส่งยิ้มให้หลินซือแล้ว เหยาซูก็หันกลับมาพูดกับเจี่ยงเถิง ด้วยความรักที่เจี่ยงเถิงมีต่อหลินซือ นางไม่เป็นห่วงว่าหลินซือจะโดนรังแก ตรงกันข้ามแค่หลินซือไม่รังแกเจี่ยงเถิงก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่คำพูดที่สมควรพูดก็ยังต้องพูด
“ท่านอาซูวางใจได้เลยขอรับ ข้าจะไม่ให้อาซือได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายก้อย”
“อื้อ งั้นก็ดี สายมากแล้ว พวกเจ้ารีบออกไปเถอะ”
เมื่อได้รับการอนุญาตจากเหยาซู เจี่ยงเถิงก็บังคับรถม้าทันที
เนื่องจากชายหญิงต้องไม่อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง เจี่ยงเถิงจึงให้หลินซือนั่งบนรถม้า ส่วนตัวเองก็นั่งอยู่ด้านนอก เหยาซูเห็นภาพนี้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจในตัวเจี่ยงเถิงมากขึ้น
หลินซือไม่ได้ออกมาข้างนอกแบบนี้นานมากแล้ว หลังจากขึ้นรถม้าก็ยังตื่นเต้นไม่หาย เปิดม่านหน้าต่างมองดูสถานการณ์ข้างนอกตลอดเวลา
ได้ยินเสียงตะโกนจากข้างนอกบ้างก็ดี
เจี่ยงเถิงสังเกตการเคลื่อนไหวของหลินซือตลอดเวลา ครั้นได้ยินเสียงของหลินซือจากด้านใน ก็อดยิ้มไม่ได้ อาซือช่างน่ารักยิ่งนัก
“พี่อาเถิงวันนี้เราจะไปไหนกัน?”
เสียงของหลินซือดังออกมาจากในตัวรถ
“เจ้าอยากไปที่ใด?”
“ข้าไม่รู้ แต่ข้าอยากไปในที่ที่มีภูเขาและแม่น้ำ”
“ได้สิ” เมื่อได้ยินความต้องการของอาซือ เจี่ยงเถิงก็มีเป้าหมายในใจ ที่แห่งนั่นห่างจากในเมืองไม่ไกลนัก เดินทางไปกลับเพียงหนึ่งวันนับว่าเหมาะสม
ทางนี้หลินซือและเจี่ยงเถิงกำลังท่องเที่ยวอย่างเบิกบานใจ แต่องค์รัชทายาทที่ประทับในวังกลับไม่ได้สบายใจเช่นนั้น
เขาถูกจับได้หลังจากที่แอบย่องออกจากวังในวันนั้น องค์จักรพรรดิที่โอบอ้อมอารีกับเขามาตลอดกลับบันดาลโทสะ ทรงมีรับสั่งให้ทหารลงกลอนตำหนักของเขาไว้ แล้วบอกให้เขาคิดทบทวนตัวเอง
เช่นนี้ อย่าว่าแต่จะออกจากวังไปหาหลินซือเลย ต่อให้อยากได้ข่าวคราวจากข้างนอกก็ยังต้องใช้เงิน
ส่วนลู่เหยากลับไม่รู้ว่าใช้วิธีการใด ถึงสามารถเข้ามาในตำหนักของเขาได้โดยไร้อุปสรรค ไม่ได้รับการขัดขวางแต่อย่างใด
องค์รัชทายาทเข้าใจความคิดคนในตระกูลของลู่เหยาดี จึงอดขบขันไม่ได้ หรือพวกเขาคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่เด็กที่ไม่รู้จักโตหรือ? ทั้งยังใช้กลยุทธ์สาวงามกับเขา แต่สาวงามคนนี้กลับไม่มีความงดงามเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ต้องมาทุกวันไม่เพียงแต่จะไม่เข้าไปเจอเขาแล้ว ทั้งยังแอบเฝ้ามองเขาจากในมุมทุกครั้ง ความระแวดระวังของรัชทายาททำไมเขาจะไม่สังเกตเห็น แต่เด็กสาวผู้นี้กลับไม่ได้มีความคิดเหมือนกับคนในครอบครัวของนาง เขาเลยปล่อยนาง ถือว่าเป็นความอภิรมย์เล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างที่ถูกขังอยู่ในตำหนัก
ลู่เหยาไม่รู้ความคิดของคนในตระกูล หลังจากที่นางรู้ว่าองค์รัชทายาททรงถูกกักขัง ก็เป็นห่วงมาตลอด หลังจากที่มารดาของตนรู้เรื่องนี้กลับไม่ได้ดุด่านางแต่อย่างใด ทั้งยังช่วยคิดหาวิธีให้กับนาง ยอมติดสินบนคนในวัง จนทำให้นางได้เข้าวัง
นางคิดว่าองค์รัชทายาทจะต้องโศกเศร้าที่ตนถูกกักขังแน่นอน แต่ครั้งแรกที่นางมาถึงกลับเห็นสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกขององค์รัชทายาท ในใจก็รู้ทันทีว่าองค์รัชทายาทไม่ได้ใส่ใจมากนัก
แต่การได้เห็นเขา ทำให้นางเบิกบานใจมาก
ไม่เพียงแค่นี้ ทุกครั้งที่นางจะกลับจวน ก็มักจะนำเงินส่วนตัวของตัวเองออกมาหนึ่งกอง เพื่อซื้อใจขันทีในวังหลวง ให้พวกเขาเตรียมอาหารอร่อย ๆ ถวายแด่องค์รัชทายาท
เพราะการกินอิ่ม จะทำให้อารมณ์ดี ลู่เหยาคิดเช่นนี้
ลู่เหยาในวันนี้ไม่ได้มารบกวนองค์รัชทายาทเฉกเช่นเดิม แต่ตัวเองกลับแอบนั่งยองหลบมุมเพียงลำพัง แต่องค์รัชทายาทไม่อยากปล่อยนางไว้แบบนี้ จึงค่อย ๆ เดินไปยังที่ซ่อนตัวของลู่เหยา
“ซ่อนมาหลายวันแล้ว ทำไมไม่ยอมออกมาเสียที?”
ลู่เหยาไม่คิดว่าองค์รัชทายาทจะพบตนเร็วขนาดนี้ จึงตื่นตระหนกตกใจจนทรุดตัวลงไปกองกับพื้น
เนื่องจากลู่เหยานั่งอยู่ด้านหลังของก้อนหินใหญ่ พื้นด้านล่างเป็นโคลน ชายกระโปรงของนางจึงเปื้อนไปด้วยคราบดิน ไม่น่ามองเอาเสียเลย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อาซือก็ยังไม่รู้ใจตัวเองเอาเสียเลย อาการแบบนี้เขาเรียกว่าหึงจ้ะลูก
น้องเหยาใจสู้มาก พยายามให้เขารู้สึกดีขึ้นทุกวิถีทางเลย
ไหหม่า(海馬)