ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] - บทที่ 438 ออกจากวัง
บทที่ 438 ออกจากวัง
บทที่ 438 ออกจากวัง
องค์รัชทายาทภายในห้องหนังสือวันนี้ดูแตกต่างไปจากเดิม เขามาแต่เช้าแต่กลับไม่ได้สนใจต่อการเรียน หนังสือกองพะเนินอยู่บนโต๊ะก็จริง ตัวคนกลับเหม่อลอยมองไปยังประตู
จนกระทั่งรู้สึกเมื่อยล้า
แต่ไม่มีใครสักคนปรากฏกายขึ้นตรงประตู องค์รัชทายาททนไม่ไหวโยนพู่กันลงบนพื้นจนเกิดเสียงดัง และพู่กันที่เต็มไปด้วยหมึกก็ได้สร้างรอยเปื้อนไว้บนพื้น
“ซุ่นจือน้อย!” องค์รัชทายาทดึงมือขันทีน้อยที่กำลังฝนหมึกให้กับตนอยู่ แสร้งทำเป็นโกรธเคือง “ไปหาเซี่ยเซินสิว่าเหตุใดวันนี้เขาจึงยังไม่มา”
ซุ่นจือน้อยกลัวว่าตนจะได้รับผลกระทบจากโทสะขององค์รัชทายาท จึงรับคำสั่งกุลีกุจอออกจากห้องหนังสือที่มีบรรยากาศที่อึมครึมเป็นพิเศษทันที
ครั้นเดินถึงประตูใหญ่ของห้องหนังสือ ซุ่นจือน้อยจึงเห็นว่าเซี่ยเซินกำลังเดินมาทางนี้อย่างเชื่องช้า
“หืม? วันนี้องค์รัชทายาทสมองกลับหรืออย่างไร? เหตุใดจึงมาเช้าเช่นนี้” เซี่ยเซินมองดูซุ่นจือน้อยที่มองตนเองราวกับเป็นผู้ช่วยชีวิต อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “องค์รัชทายาทรอข้าด้วยเหตุใดหรือ?”
“ข้าน้อยจะรู้ได้อย่างไรขอรับ น่าจะเป็นเพราะเมื่อวานคุณชายเซี่ยออกไปตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าเหตุใดองค์รัชทายาทถึงโกรธขึ้นมา วันนี้จึงมารอท่านแต่เช้าขอรับ”
เซี่ยเซินรู้สึกสับสน แต่อดที่จะเร่งฝีเท้าตามซุ่นจือไปไม่ได้ ทั้งสองดื่มชาก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังห้องตำรา
เพียงแต่ในขณะที่ทั้งสองยังไม่ทันจะย่างเท้าเข้าไป ถ้วยชาก็ลอยออกมาจากด้านใน โชคดีที่เซี่ยเซินหูตาไวรับถ้วยชาไว้ทัน ไม่เช่นนั้นชาร้อน ๆ ก็คงจะหกรดร่างกายของพวกเขา
“เพียงแค่ชาหนึ่งถ้วยยังเตรียมไม่ได้ดี แล้วเราจะต้องการพวกเจ้าไปด้วยเหตุใดกัน?!”
บริเวณด้านใน องค์รัชทายาทกำลังระบายอารมณ์ใส่ขันทีและนางกำนัลที่กำลังคุกเข่าตัวสั่นเทิ้ม
เซี่ยเซินไม่เคยเห็นเขาโมโหเช่นนี้มาก่อน เด็กชายจึงรู้สึกไม่แน่ใจ แต่ซุ่นจือน้อยที่กำลังมองเขามาจากทางด้านหลังกลับมีแววตาเต็มไปด้วยความหวัง
เซี่ยเซินทำได้เพียงให้กำลังใจตนเอง กระแอมขึ้นมาหนึ่งครั้งก่อนที่จะเดินเข้าไป “องค์รัชทายาท นี่มันอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยเซิน ความรู้สึกร้อนรนภายในใจขององค์รัชทายาทก็ดีขึ้นมาไม่น้อย สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวออกมาอย่างผ่อนคลาย “ออกไปให้หมด”
อายุเพียงเท่านี้ กลับทำให้ผู้คนไม่อาจคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจได้
ขันทีและนางกำนัลตัวสั่นเทิ้ม รีบออกจากห้องอย่างรวดเร็วราวกับว่าได้รับการอภัยโทษ
เซี่ยเซินนั่งลงด้านหน้าองค์รัชทายาทนั่งอยู่เงียบ ๆ และถามอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “องค์รัชทายาท เหตุใดจึงโมโหได้ถึงเพียงนี้?”
องค์รัชทายาทกำลังจะหาคำแก้ตัวซักไซ้เอาความว่าตนนั้นรอเขามานแล้ว จู่ ๆ ก็เห็นเด็กรับใช้แปลกหน้าข้างกายเซี่ยเซิน จึงขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “เจ้าเปลี่ยนเด็กรับใช้หรือ?”
เซี่ยเซินพยักหน้า “เมื่อวานก่อนจะกลับจากจวนท่านพ่อท่านแม่ จู่ ๆ โจวอวี๋ก็เกิดป่วยขึ้นมา ท่านปู่เซี่ยเลยจัดหาคนใหม่ให้ข้าขอรับ”
องค์รัชทายาทกำมือในแขนเสื้อแน่น พลางครุ่นคิดในใจ เหตุใดจึงบังเอิญเช่นนี้ เมื่อพวกหลินเหรากลับมา ก็จัดหาเด็กรับใช้ใหม่ให้เซี่ยเซิน หรือว่าการที่ตนนั้นถามหลินเหราไปเมื่อวานจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น?
“ฝ่าบาท?” เซี่ยเซินเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นองค์รัชทายาทไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเป็นเวลานาน
“เหตุใดเมื่อวานเจ้าจึงกลับไปเร็วยิ่งนัก?” องค์รัชทายาทถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ท่านพ่อและท่านแม่ของข้ากลับมา ท่านปู่เลยพาข้ากลับบ้าน”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ องค์รัชทายาทก็ดูราวกับว่ากำลังจมน้ำอยู่ต่อหน้าเขา ทำให้เซี่ยเซินอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้
เมื่อมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขของเซี่ยเซิน ความหงุดหงิดภายในใจองค์รัชทายาทก็กลับมาอีกครั้ง
ชัดเจนว่าตนนั้นคือองค์รัชทายาท แต่เพียงแค่ออกจากพระราชวังหนึ่งครั้งยังไม่ได้รับอนุญาต ไม่ต้องกล่าวถึงการพบเจอหลินซือเลย
พระองค์เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่าตนนั้นไร้เดียงสาเกินไป
“งั้นเจ้า ตอนอยู่บ้านเคยพูดถึงข้าบ้างหรือไม่?”
องค์รัชทายาทหมดทั้งแรงกายและแรงใจ ทำได้แค่เพียงมองเซี่ยเซินเท่านั้น
เซี่ยเซินชะงักอยู่ครู่หนึ่ง มองดูองค์รัชทายาทด้วยความประหลาดใจ
องค์รัชทายาทนึกขึ้นมาได้ว่าคำถามของตนนั้นช่างโง่เขลานัก การบุ่มบ่ามถามถึงครอบครัวของผู้อื่นเป็นเรื่องที่เสียมารยาท แม้จะมีคนกล่าวถึงองค์รัชทายาท เซี่ยเซินเองก็คงจะไม่เอ่ยออกมา
“ช่างมันเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว”
องค์รัชทายาทส่ายหน้า ดึงเซี่ยเซินเข้ามากระซิบข้างหู “วันนี้ตอนเย็นข้าจะออกไปข้างนอก เจ้าช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะ”
“ฝ่าบาท!” เซี่ยเซินตกตะลึงจนเผลอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดัง เมื่อเห็นว่าถูกองค์รัชทายาทจ้องเขม็ง เซี่ยเซินจึงลดเสียงลง “ฝ่าบาท ครั้งที่แล้วที่พระองค์ออกวังแล้วถูกจับได้ ก็โดนสั่งห้ามแล้ว ถ้าหากครั้งนี้โดนจับได้อีก เรื่องต้องถึงองค์จักรพรรดิเป็นแน่แท้!”
องค์รัชทายาทไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้จึงได้โบกมือแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าวางใจเถิด แผนการครั้งนี้ของข้านั้นเตรียมการมาอย่างดี ถ้าหากว่าโดนจับได้ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า”
แต่เซี่ยเซินไม่เห็นด้วย ในขณะที่เขากำลังจะกล่าวอะไรออกมา ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มเรียนแล้ว เซี่ยเชียนก็เดินเข้าห้องมา
องค์รัชทายาทโดนเซี่ยเชียนกวาดสายตามองด้วยสายตาที่เรียบเฉย จึงยุติการสนทนาลงรีบนั่งตัวตรง
ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ เขาก็ล้วนจะกันเซี่ยเชียนให้ห่างออกไปราวกับเป็นเสือตัวหนึ่ง
คาบเรียนที่สุดแสนจะน่าเบื่อในตอนเช้าได้ผ่านพ้นไป เซี่ยเซินรู้ดีว่าภายใต้สายตาของเซี่ยเชียน องค์รัชทายาทจะไม่กล้าก่อความวุ่นวาย ดังนั้นเมื่อตอนเลิกเรียนเขาก็แอบก้าวไปอยู่ข้างกายเซี่ยเชียน และออกจากห้องไป
หลังจากที่ทั้งสองออกมาจากห้องเรียน เมื่อเซี่ยเซินเห็นว่าองค์รัชทายาทไม่ได้ตามมา เด็กน้อยก็ถอนหายใจออกมา
“ซานเป่า วันนี้เป็นอะไรไป?”
เซี่ยเชียนเห็นมาตั้งแต่ต้นว่าเซี่ยเซินดูผิดปกติไป จึงได้เอ่ยถามขึ้น
เซี่ยเซินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพียงแต่ว่าภายใต้สายตาที่เข้มงวดของเซี่ยเชียน เด็กชายจึงต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จออกจากวัง
เซี่ยเชียนขมวดคิ้วแล้วกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “เจ้าทำถูกแล้ว วันข้างหน้าอย่าทำเรื่องไม่ถูกต้องเช่นนี้กับองค์รัชทายาท”
เซี่ยเซินรู้ดีว่าตนเองมีความผิดในครั้งก่อน จึงฟังเซี่ยเชียนอบรมอย่างเชื่อฟัง
แต่เซี่ยเซียนเองก็รู้ว่าประเด็นสำคัญนั้นอยู่ที่องค์รัชทายาท หลังจากอบรมและกำชับเซี่ยเซินไม่กี่ประโยค เซี่ยเซินก็รีบกลับบ้าน ส่วนตนเองนั้นจะไปที่ห้องตำราเพื่อพบกับจักรพรรดิ
ตัวเซี่ยเซินเองก็กลัวว่าองค์ราชทายาทจะตามเขาทัน จึงรีบออกจากวัง เด็กรับใช้ได้ถือข้าวของรอเด็กน้อยไว้แล้ว ทั้งสองก็ได้ขึ้นรถม้าไปพร้อมกัน
“เฮ้อ เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว”
เซี่ยเซินนั่งลงบนเบาะนุ่ม ๆ เอามือลูบอกดีใจที่รอดพ้นจากเรื่องบังคับขู่เข็ญของวันนี้
“เกือบไปอะไร?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
เซี่ยเซินลืมตาขึ้น จ้องมององค์รัชทายาทที่แต่งตัวเป็นเด็กรับใช้ด้วยความตกตะลึง
“ฝ่า….ฝ่าบาท!”
“ขอบคุณเจ้ามากที่ทำให้ข้ารอดพ้นจากท่านอาจารย์ ไม่อย่างงั้นคงจะไม่ราบรื่นเช่นนี้”
องค์รัชทายาทจัดแต่งเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยให้เรียบร้อย และกล่าวขึ้น
“แล้วเด็กรับใช้ของข้าเล่า?” เซี่ยเซินคาดไม่ถึงว่าตนเองจะตกอยู่ในแผนขององค์รัชทายาท เด็กชายกล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“คนของข้าดูแลเขาอย่างดี พรุ่งนี้ข้าจะคืนให้เจ้า” องค์รัชทายาทโบกมือ “อย่างไรข้าก็ออกมาแล้ว เจ้ารีบพาข้าไปจวนแม่ทัพเดี๋ยวนี้”
“ท่านจะไปจวนแม่ทัพทำไมกัน ฝ่าบาท!” เซี่ยเซินกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “ถ้าหากว่าโดนพบเข้า ท่านปู่ต้องคิดว่าท่านปรึกษากับข้ามาอย่างดีแล้วแน่ ๆ มีหวังข้าต้องโดนลงโทษ”
“ครั้งนี้ต้องไม่มีปัญหาอะไร มันก็แค่ถ้าหากว่าผลออกมาเป็นเช่นไรข้าจะรับไว้เอง”
เนื่องจากไม่มีใครช่วยเหลือ เซี่ยเซินจึงทำได้เพียงเห็นด้วยเท่านั้น หลังจากที่ความตื่นเต้นในใจสงบลง เด็กชายก็นึกคำถามมาได้หนึ่งคำถาม “ฝ่าบาท! เหตุใดท่านจึงต้องไปจวนแม่ทัพให้ได้ อยากไปพบท่านพ่อข้าหรือ?”
องค์รัชทายาทไม่ตอบคำถาม เพียงแค่ตอบอย่างคลุมเครือ “ถึงเวลานั้นเจ้าจะรู้เอง”
ตอนนี้…จวนได้เวลารับประทานอาหารร่วมกันในเรือนจิ้งซือ หลินซือที่กำลังรอนัดเจี่ยงเถิงได้จามออกมาอย่างหนัก
หูเซียงผู้เป็นสาวใช้รีบนำเสื้อผ้าที่เตรียมไว้มาให้ พลางกล่าวหว่านล้อม “คุณหนู กลับห้องเถอะเจ้าค่ะ ข้างนอกอากาศเย็นแล้วนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้หนาวขนาดนั้น”
หลินซือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดึงสายรัดบนเสื้อกันลมเล่น “ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนคิดถึงข้า”
…………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รัชทายาทแก่แดดเอ๊ย วางแผนออกจากวังจะไปสารภาพรักกับพี่สาวอาซือสินะ
ไหหม่า(海馬)