ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 82 สัญญา
บทที่ 82 สัญญา
”ผูเว่ยชาง เจ้าช่วยเอาใจใส่หน่อยได้ไหม? ต่อให้ไม่เห็นแก่เรื่องอื่นก็ช่วยเห็นแก่มิตรภาพของเราเถอะนะ?” เหยียนเก๋อพูดอย่างกระวนกระวายใจ
”เอาล่ะ งั้นบอกข้ามาสิว่าเจ้าจะทำอะไร?” ผูเว่ยชางพูดอย่างใจเย็น
”ข้าจะไปหาอวิ๋นซิ่วชิง” เหยียนเก๋อพูดอย่างแน่วแน่
”ไม่มีทาง” ผูเว่ยชางตอบกลับอย่างเด็ดขาดเช่นกัน
”ทำไม?” เหยียนเก๋อถามด้วยความสับสน
”ไม่ทำไมหรอก ต่อให้เจ้าไปเอง ข้าก็ต้องพาเจ้าไปอยู่ดี?” มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้ผูเว่ยชางไม่ต้องการให้อวิ๋นซิ่วชิงพบกับเหยียนเก๋อ เพราะวันนั้นที่เขาเข้าเมืองกับอวิ๋นซิ่วชิง เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเหยียนเก๋อ ถ้าเขาไปพบนางตอนนี้นางจะคิดอย่างไรกับเขากันเล่า และตัวตนของเขาก็เป็นปัญหาเช่นกัน
สิ้นเสียงของเขา ชูอีซึ่งซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ ผูเว่ยชางก็ปรากฏตัวขึ้นในห้อง และทำท่าว่าจะออกไปพร้อมกับเหยียนเก๋อ
”ผูเว่ยชาง เจ้าบอกว่าไม่เห็นก็คือไม่เห็น ถึงอย่างไรนางก็ยังอาศัยในหมู่บ้านนี้ ข้าสามารถออกไปถามชาวบ้านรอบ ๆ ได้” เหยียนเก๋อมาที่หมู่บ้านครั้งนี้ไม่ได้จะไปหาอวิ๋นซิ่วชิง เพราะเขาเห็นตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าผูเว่ยชางแอบชอบอวิ๋นซิ่วชิง ยิ่งกว่านั้นผูเว่ยชางยังเป็นผู้กุมชะตาของตนเอง ถ้าเขาไม่มาไถ่ถามผูเว่ยชาง เขาก็คงจะไม่ได้มีชีวิตที่ดี
”เหยียนเก๋อ เจ้าอยากลองก็ลองดู” ใบหน้าของผูเว่ยชางมืดครึ้มลง
เหยียนเก๋อไม่กล้าตะโกนถามในขณะนี้ว่า “ผูเว่ยชาง เจ้าจะทำอะไรข้าหากข้าพบกับอวิ๋นซิ่วชิง? ข้าแค่อยากถามนางว่านางใช้ยาอะไรในการถอนพิษเจ้าเท่านั้น”
ผูเว่ยชางเป็นสหายกับเหยียนเก๋อมาหลายปี เขารู้ว่านิสัยของเหยียนเก๋อเป็นเช่นไร เหยียนเก๋อทำตัวเอ้อระเหยลอยชายกับทุกสิ่งอยู่เสมอ แต่สนใจยาและยาพิษทุกชนิดมาก ตราบใดที่มีสิ่งหนึ่งที่สนใจ เหยียนเก๋อก็จะไล่ตามมันอย่างไม่ลดละจนกว่าจะได้มันมา
”ว่าอย่างไรเล่า?” ผูเว่ยชางกล่าวพลางขมวดคิ้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของผูเว่ยชาง เหยียนเก๋อรู้สึกมีความหวังและพูดว่า: “เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรกับเรื่องนี้ เพียงแค่ต้องพาข้าไปพบอวิ๋นซิ่วชิง ข้าจะบอกนางว่าข้ามาหาเจ้าก่อนแล้วจึงให้เจ้าพาข้าไปหานาง ข้าจะไม่บอกว่ารู้จักเจ้า”
ผูเว่ยชางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเหยียนเก๋อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปนาน เขาก็ลุกขึ้นยืนและยกมือขึ้นสาบาน “จริงๆ นะ ข้าสาบาน ถ้าข้าพูดออกไปแม้แต่คำเดียวก็ขอให้โดนฟ้าผ่าตายแบบไม่ตายดี”
”พอเถอะ เจ้าสาบานแบบนี้มาหลายร้อยครั้งแล้ว จำไว้ว่าถ้าเจ้าเปิดเผยความสัมพันธ์ของเรากับนาง ข้าจะส่งเจ้าไปที่วังหลวง” ผูเว่ยชางไม่ได้ประนีประนอม แต่เขากลัวว่าถ้าเหยียนเก๋อได้พบกับอวิ๋นซิ่วชิงและพูดอะไรบางอย่างออกไป เขาก็คงไม่อาจอธิบายได้ ซึ่งเขาไม่มีวันยอมให้ตัวเองตกเป็นรองแบบนั้นแน่
เหยียนเก๋ออารมณ์ดีเมื่อได้ยินว่าผูเว่ยชางเห็นด้วย แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาเขาก็ถึงกับตัวสั่นสะท้าน พระราชวังเป็นสถานที่ที่ผู้คนห้ำหั่นซึ่งกันและกัน เป็นแบบนั้นเขาขอตายดีกว่าถูกส่งไปที่นั่น
”ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่พูดเรื่องของเจ้า” เหยียนเก๋อให้คำมั่นกับผูเว่ยชาง
ผูเว่ยชางแค่นเสียงดูถูกและโบกมือให้ชูอีที่ยืนอยู่ข้างๆเขา ทันทีที่ชูอีหายตัวไปจากห้อง ผูเว่ยชางก็หยิบตะกร้าขึ้นมาบนโต๊ะแล้วเดินออกจากประตูโดยมีเหยียนเก๋อเดินตาม
ผูเว่ยชางเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์และขมวดคิ้ว เขาโต้เถียงกับเหยียนเก๋อมาระยะหนึ่งจนตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว เมื่อคิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงอาจไม่มีอาหารกินในมื้อเที่ยง เขาก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
หลังจากพูดคุยกับบิดามาระยะหนึ่ง อวิ๋นซิ่วชิงก็พบว่ามันสายแล้ว ถึงเวลาทำอาหารพอดี ” ท่านพ่อรอข้าอยู่ในห้องนะเจ้าคะ ข้าจะทำอาหารให้ท่าน”
พ่อเฒ่าอวิ๋นพยักหน้า อวิ๋นซิ่วชิงจึงบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าออกไปข้างนอกและเขาก็สัญญาครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็ไปที่ห้องครัว
อวิ๋นซิ่วชิงมาที่ห้องครัวและกำลังจะล้างผัก จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงของฮูหยินอวิ๋นที่ประตู
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วและไม่อยากคุยกับนาง แต่นางกลับได้ยินเสียงของผูเว่ยชางดังแว่วมา จึงรีบไปที่ประตู