ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 601+602 ความสงสัย / ใบสั่งยา
บทที่ 601 ความสงสัย
หลิวหมิงซานไม่พูดอะไร แต่หลับตาจับชีพจรผูเว่ยชาง แต่แล้วหลิวหมิงซานก็ลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า “เปลี่ยนมือ”
ทันทีที่ชายหนุ่มยื่นมืออีกข้างหนึ่งให้หลิวหมิงซาน ชายชราก็ขมวดคิ้วและสัมผัสชีพจรอย่างใกล้ชิด จากนั้นเขาก็ถามอย่างเหลือเชื่อ “เกิดอะไรขึ้น?”
“ก็อย่างที่เจ้าเห็น” เฉิงเซินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองดูหลิวหมิงซานที่มีสีหน้าแบบเดียวกับเขาตอนแรก และหัวเราะออกมา
หลิวหมิงซานหันไปจ้องเฉิงเซิน จากนั้นมองไปที่ผูเว่ยชาง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกว่าอวิ๋นซิ่วชิงว่ากำจัดพิษได้อย่างไร
ในขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงกำลังรินชาอยู่ในครัวนั้น นางก็เหม่อลอยเล็กน้อยจนชาในถ้วยน้ำชาล้นออกมา นางเอาแต่นึกถึงเฒ่าเฉิงกับชายชราที่เพิ่งเข้ามาและผูเว่ยชางที่วันนี้ดูผิดปกติ
ในอดีต ผูเว่ยชางมักจะรักษาระยะห่างจากใครก็ตามยกเว้นนาง แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ทำตัวเหินห่างจากเฉิงเซินและชายชราคนนั้นเลย
ยิ่งไปกว่านั้น สีหน้าของเฉิงเซินและชายชราเมื่อเข้ามาครั้งแรกไม่เหมือนพวกเขามาทำงานเป็นหมอเพื่อหาเงิน แต่เหมือนมาพบเพื่อนเก่า
อวิ๋นซิ่วชิงสงสัยว่าชายชราสองคนนี้ถูกผูเว่ยชางเรียกมาหรือไม่ ชายชราสองคนนี้อายุเยอะและมีประสบการณ์ไม่น้อย ถ้าเป็นนาง นางคงไม่ออกมาหาเงินด้วยอายุที่มากเช่นนั้นแล้ว ชายชราทั้งสองดูไม่เหมือนคนธรรมดา อีกทั้งในแง่ของอารมณ์และตัวตน คนธรรมดาทั่วไปจะไม่สามารถเชิญสองคนนี้มาได้
ทันใดนั้น อวิ๋นซิ่วชิงพลันรู้สึกว่าเท้าของนางกำลังร้อนระอุ นางมองลงไปและพบว่าชาในถ้วยหกออกมาและตกลงไปที่เท้าของนาง มันเป็นน้ำร้อนที่เพิ่งต้ม โชคดีที่นางสวมรองเท้าที่ให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว และรองเท้าจะพองหากโดนความร้อน
อวิ๋นซิ่วชิงรีบเก็บของและออกไปพร้อมกับชาทันที
“ชามาแล้ว” อวิ๋นซิ่วชิงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนี้ หลิวหมิงซานได้รู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงได้ชำระล้างพิษให้ผูเว่ยชางแล้ว เขาตกใจมาก เขาสงสัยว่าหญิงสาวคนนี้ล้างพิษได้อย่างไร นางโชคดีหรือมีพลังจริง ๆ?
ครั้งนี้อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลิวหมิงซานมีทัศนคติต่อนางแตกต่างออกไป เหมือนกันกับตอนที่เฉิงเซินมาที่นี่ครั้งแรก ซึ่งทำให้หญิงสาวสงสัยว่าอะไรทำให้ชายชราทั้งสองเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนาง
“ท่านผู้เฒ่า แซ่ของข้าคือ อวิ๋น และข้าชื่อ ซิ่วชิงเจ้าค่ะ” อวิ๋นซิ่วชิงระงับความสงสัยในใจและค่อย ๆ บอกชื่อของนาง
หลังจากรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงเป็นคนช่วยชีวิตผูเว่ยชาง หลิวหมิงซานก็เคารพนางขึ้นมา “ข้าชื่อ หลิวหมิงซาน ข้าได้ยินจากเฒ่าเฉิงว่าเจ้าเป็นหมอที่ดี”
อวิ๋นซิ่วชิงสังเกตว่าหลิวหมิงซานเรียกเขาว่าเฒ่าเฉิง ในตอนนี้นางก็จำได้ว่าผูเว่ยชางเรียกเขาว่าเฒ่าเฉิงเช่นกัน ตอนแรกนางไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอนึกตอนนี้ก็เหมือนเพื่อนเก่าเรียกกันเลย
“ข้าเพียงรู้เรื่องนี้นิดหน่อยเท่านั้นเอง” แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะสับสน แต่นางก็ไม่ได้แสดงออกมาทางใบหน้า ไม่มีใครสามารถบอกอารมณ์ของนางได้
“เจ้าช่างถ่อมตัวนัก คนที่เฒ่าเฉิงยกย่องต้องเป็นหมอที่ดีแน่นอน” หลิวหมิงซานไม่เชื่อคำพูดถ่อมตนของนาง เพราะผู้ที่สามารถล้างพิษเจ็ดสีจะต้องมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี
อวิ๋นซิ่วชิงยิ้ม “ไม่หรอก ก็แค่ทั่วไปน่ะ”
“งั้นให้ข้าทดสอบเจ้าได้หรือไม่?” หลิวหมิงซานเลิกคิ้วขึ้น
อวิ๋นซิ่วชิงตกตะลึง หลิวหมิงซานต้องมาโรงหมอเพื่อหารายได้จากการเป็นหมอสิ และควรจะเป็นนางที่ทดสอบเขา แต่ตอนนี้กลายเป็นหลิวหมิงซานทดสอบนางเสียเอง นอกจากนี้ ชายชราทั้งสองไม่สนใจว่าพวกเขาจะหาเงินได้เท่าไหร่ แต่กลับขึ้นอยู่กับความสามารถของนาง
ผูเว่ยชางนั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเขาถึงกับขมวดคิ้ว คำพูดของเฒ่าหลิวทำให้อวิ๋นซิ่วชิงเกิดความสงสัย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตอนที่นางวางชาเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าเขาต้องคิดถึงวิธีที่จะขจัดความสงสัยของนางที่มีต่อเขา
บทที่ 602 ใบสั่งยา
“เสี่ยวหลี่ ยืนตรงนี้นะ” หลิวหมิงซานบอกผู้ช่วย เขามองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงพลางพูดอย่างเฉยเมยว่า “แม่นางอวิ๋น เจ้าช่วยตรวจสอบชายคนนี้ให้ข้าได้ไหม?”
อวิ๋นซิ่วชิงเงยหน้าขึ้นมองผู้ช่วยของหลิวหมิงซานซึ่งซีดเซียวและซูบผอม เมื่อพิจารณาจากชีพจรแล้ว ระบบการย่อยอาหารของผู้ช่วยคนนี้ไม่ดีนัก แถมยังมีปัญหาเรื่องท้องร่วงอีกด้วย
จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็ตรวจดูเปลือกตาของเขา เขาเป็นโรคโลหิตจางและเป็นขั้นรุนแรงด้วย มันคงไม่ใช่อาการท้องร่วงธรรมดา
“เจ้าท้องร่วงวันละกี่ครั้ง” อวิ๋นซิ่วชิงถามอย่างเฉยเมย
“บางครั้งสามหรือสี่ครั้ง บางครั้งก็เจ็ดหรือแปด” เสี่ยวหลี่มองไปที่เจ้านายของเขาและตอบไปตามจริง
“ทุกวัน?” นางรู้ว่าเสี่ยวหลี่ท้องเสีย แต่การท้องเสียนั้นมีหลายประเภท
“ไม่ใช่ทุกวัน บางครั้งก็ครึ่งเดือน บางครั้งก็หนึ่งเดือน” เมื่อเสี่ยวหลี่พูดกับหญิงสาวแสนสวยอย่างอวิ๋นซิ่วชิง ใบหน้าซีด ๆ ของเขาก็แดงก่ำขึ้นมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวหมิงซานก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ดูเหมือนว่านางจะมีความสามารถจริง ๆ
“ยืนขึ้น” อวิ๋นซิ่วชิงสงสัยว่าเสี่ยวหลี่เป็นโรคท้องร่วงที่ติดเชื้อ ซึ่งมันสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ นางต้องตรวจสอบอีกครั้ง
เขายืนขึ้นอย่างเชื่อฟัง อวิ๋นซิ่วชิงถามขณะที่รีบกดรอบ ๆ ตำแหน่งลำไส้ใหญ่ของเสี่ยวหลี่ “เจ็บหรือไม่?”
ในเวลานี้ใบหน้าของเสี่ยวหลี่เจ็บปวดจนยับย่น อวิ๋นซิ่วชิงรู้ว่าเขาเจ็บปวดมากโดยไม่ต้องตอบ
“แลบลิ้นออกมา” อวิ๋นซิ่วชิงต่อ
เสี่ยวหลี่แลบลิ้นออกมาทันที
“ลิ้นสีแดงเคลือบมันสีเหลือง” อวิ๋นซิ่วชิงชำเลืองมองเสื้อผ้าเนื้อบางของเสี่ยวหลี่ ซึ่งเขาสวมเพียงสามชั้นเท่านั้นเอง ขนาดนางที่แช่น้ำพุวิญญาณทุกวัน นางยังรู้สึกหนาวทั้งที่ใส่ชุดหนาสี่ชั้น อีกทั้งยังอยู่ในช่วงที่มีลมหนาวแรงเช่นนี้อีก
“เจ้ายังมีเลือดอยู่ในอุจจาระด้วยหรือไม่? เจ้ามีอาการปวดท้องและท้องอืดบ่อยไหม?” อวิ๋นซิ่วชิงมั่นใจมากว่าเสี่ยวหลี่เป็นโรคบิดที่ติดเชื้อ
เสี่ยวหลี่มองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงด้วยความประหลาดใจและพูดติดอ่างเล็กน้อย “ชะ ใช่”
“เจ้าเป็นโรคบิด และเป็นโรคบิดที่ติดเชื้อ ข้าจะสั่งยาให้เจ้า หลังจากดื่มไปเจ็ดวันแล้วเจ้าจะดีขึ้น” ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงพูดจบ นางก็ไปที่โต๊ะและเขียนใบสั่งยาลงบนกระดาษ
หลิวหมิงซานตามไปดูใบสั่งยาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เหตุผลที่เสี่ยวหลี่มาเป็นผู้ช่วยของเขาคือเขาเป็นโรคบิด และมันไม่หายขาดเป็นเวลาสามเดือนแล้ว จึงเขาต้องพาเสี่ยวหลี่ตามมาด้วยทุกวัน
อวิ๋นซิ่วชิงมอบใบสั่งยาให้หลิวหมิงซาน แล้วพูดอย่างสุภาพว่า “ลุงหลิวโปรดดูใบสั่งยาได้เลย ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่”
หลิวหมิงซานดูใบสั่งยาแล้วบ่นพึมพำ “สายน้ำผึ้ง เช่อเสา โสมตังกุย หวงเหลียน ทั้งหมดนี้ใช้เพื่อล้างความร้อนและล้างพิษ”
เฉิงเซินเองก็รับใบสั่งยาของอวิ๋นซิ่วชิงมา “เขาไม่ได้เป็นโรคบิดรึ? ถ้าเขาดื่มยาล้างความร้อนและล้างพิษ อาการท้องเสียของเขาจะไม่แย่ไปกว่านี้หรือ?”
อวิ๋นซิ่วชิงพูดว่า “ยาที่ข้าสั่งนั้นมีไว้สำหรับล้างความร้อนและล้างพิษ แต่มันสามารถกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและระบายหนองได้ เขาท้องเสียท้องร่วงหนักเพราะติดเชื้อ การติดเชื้อนั้นมีหลายชนิด และสิ่งที่เสี่ยวหลี่ได้รับคือพิษร้อนชนิดหนึ่ง ต้องระบายความร้อนออก และล้างพิษให้หายร้อน ดื่มยาแก้ปวดไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ถ้าไม่เชื่อก็ให้เขาดื่มไปก่อนหนึ่งวันก็ได้ ยาจะออกฤทธิ์ในหนึ่งวัน” อวิ๋นซิ่วชิงแนะนำให้เขาดื่มมันก่อนหนึ่งวันเพราะเกรงว่าเสี่ยวหลี่กับหลิวหมิงซานจะไม่เชื่อ
“ข้าไม่กล้าดื่มหรอก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้าจะทำยังไง ข้าเป็นลูกคนเดียวในครอบครัวนะ” เสี่ยวหลี่ขมวดคิ้ว
อวิ๋นซิ่วชิงมองดูเขาและพบว่าชายคนนี้ดื้อรั้นนัก นางเกลียดคนไข้ที่ไม่เชื่อฟังที่สุด “ถ้าเจ้าไม่ดื่มก็อย่าดื่ม คนที่ป่วยคือเจ้าไม่ใช่ข้า”