ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 581+582 โอกาสที่หายาก / ใจสั่น
บทที่ 581 โอกาสที่หายาก
“ไปซะ! จัดการให้ข้า!” ฮัวเอ๋อร์โกรธมากจนตะโกนใส่ชายร่างใหญ่ทั้งห้าที่อยู่ข้างหลังนาง
ชายทั้งห้าคนคว้าสิ่งของในร้านและเตรียมที่จะทุบลงกับพื้น แต่ก่อนที่พวกเขาจะทุบของในมือลงกับพื้นก็ถูกชกเข้าที่คอและถูกเหวี่ยงออกไปนอกร้าน เหตุการณ์นี้รวดเร็วมากจนอวิ๋นซิ่วชิงดูไม่ออกว่ากำลังทำอะไรกันอยู่
ร้านที่เคยเงียบเหงาตอนนี้กลับมีคนพลุกพล่าน เมื่อผูเว่ยชางกำลังจะโยนฮัวเอ๋อร์ที่หวาดกลัวออกจากร้าน เขาก็ถูกอวิ๋นซิ่วชิงห้ามไว้
อวิ๋นซิ่วชิงคว้าคอเสื้อของหญิงชราไว้และดึงนางออกจากร้าน นี่เป็นโอกาสที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิตที่ฮัวเอ๋อร์จะได้ประชาสัมพันธ์ให้กับนางเปล่า ๆ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเสียโอกาสนี้ไปได้
อวิ๋นซิ่วชิงผลักฮัวเอ๋อร์ออกจากร้านและมองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมารอบ ๆ ร้านของนางพลางพูดเสียงดังว่า “ถึงจะไม่มีใครมาที่ร้านของเราเพื่อรักษาโรค เราก็จะไม่รักษาคนที่ไม่น่าให้อภัย ฮัวเอ๋อร์ เจ้าทำลายผู้หญิงไปกี่คนแล้ว โรคที่เจ้าเป็นอยู่ตอนนี้คือหายนะของเจ้าเอง แค่อดทนไว้ซะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็กลับไปที่โรงหมออย่างองอาจ
ฮัวเอ๋อร์ชี้ไปที่โรงหมออวิ๋นผูและสาปแช่งด้วยความโกรธเกรี้ยว “อวิ๋นซิ่วชิง อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถรักษาข้าให้หายได้นะ! คอยดูเถอะ!!”
เมื่อฮัวเอ๋อร์พูดชื่อของอวิ๋นซิ่วชิงออกมา ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็ตกตะลึง “นี่คือโรงหมอของอวิ๋นซิ่วชิงงั้นรึ? นางเป็นหญิงสาวธรรมดา แต่นางเคยช่วยแม่และลูกชายให้รอดพ้นจากความตายมาแล้วนะ”
หลังจากที่พวกเขาออกไป ผู้ป่วยรายแรกก็มาที่โรงหมอของอวิ๋นซิ่วชิง
“หมออวิ๋น ข้าขอโทษ ข้ามาสายไปหน่อย” อู๋เหวินเจี๋ยเดินเข้าไปหานางและกล่าวขอโทษ
อวิ๋นซิ่วชิงตกตะลึง นางมองไปที่ชายตรงหน้าแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้าคือ นายน้อยอู๋?”
“หมออวิ๋น ข้าขอโทษจริง ๆ เดิมทีข้ามีนัดกับเจ้าอีกเจ็ดวันหลังรักษา แต่ข้ามีเรื่องต้องจัดการที่บ้านก็เลยยังไม่ได้มาจนถึงตอนนี้น่ะ” อู๋เหวินเจี๋ยออกไปเที่ยว จนเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเขาถึงนึกถึงมันได้อีกครั้ง
“ให้ข้าดูแผลของเจ้าก่อน” อวิ๋นซิ่วชิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว หากไม่นำไหมออกหลังจากเจ็ดวัน อาจทำให้เป็นหนองและติดเชื้อได้ง่าย มันร้ายแรงกว่าโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบเฉียบพลันซึ่งจะคร่าชีวิตผู้คนเสียอีก
“หมออวิ๋น ด้ายที่เจ้าเย็บแผลถูกดึงออกหมดแล้ว” อู๋เหวินเจี๋ยพูดขณะที่ยกเสื้อขึ้น
“โชคดีที่เจ้าเอาออกเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นป่านนี้ชีวิตเจ้าคงถึงวาระไปแล้ว” อวิ๋นซิ่วชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินว่าอู๋เหวินเจี๋ยดึงออกด้วยตัวเอง
“ข้ารู้สึกอึดอัดเมื่อไหมฝังอยู่ในเนื้อของข้าน่ะ ดังนั้นข้าจึงดึงมันขึ้นมา ข้าไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าถูกแล้วที่ทำเช่นนี้” อู๋เหวินเจี๋ยดีใจที่เขาดึงไหมออก ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาจะต้องจบลงแน่
จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็จับชีพจรของอู๋เหวินเจี๋ยและพูดว่า “นายน้อย เจ้าหายดีแล้ว เจ้าแข็งแรงมากด้วย”
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะหมออวิ๋น ไม่เช่นนั้นข้าคงตายไปแล้ว” อู๋เหวินเจี๋ยจึงยืนขึ้นและคำนับเก้าสิบองศาแก่นางเพื่อขอบคุณ
อวิ๋นซิ่วชิงรีบพยุงอู๋เหวินเจี๋ยขึ้นมาและพูดว่า “เราทุกคนเป็นคนธรรมดา ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้หรอก มันจะทำให้ชีวิตของเราสั้นลงนะ”
หลังจากคุยกับอู๋เหวินเจี๋ยสักพัก อวิ๋นซิ่วชิงก็ส่งอู๋เหวินเจี๋ยออกไป หลังจากส่งเขาออกไปแล้วก็มีหลายคนมาที่โรงหมอ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอี้เหริน อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางคงยุ่งจนไม่ได้ทำอะไรแน่
อวิ๋นซิ่วชิงยุ่งจนหัวหมุนเหมือนลูกข่างในตลอดสามวันที่ผ่านมา จำนวนคนในโรงหมอไม่ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพราะโรงหมอของอวิ๋นซิ่วชิงไม่ต้องการค่าปรึกษามากมายนัก ทั้งยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ดีอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงเหนื่อยมากจนต้องลูบเอว ผูเว่ยชางก็รู้สึกสงสาร “อวิ๋นซิ่วชิง พักผ่อนเถอะ”
“กลางวันแสก ๆ เจ้าพูดไร้สาระอะไรน่ะ? คนยังเยอะอยู่เลย” อันที่จริงอวิ๋นซิ่วชิงไม่เหนื่อย เพราะนางกลับไปที่บ่อน้ำพุจิตวิญญาณทุกคืนและดื่มมัน เพียงแต่เอวของนางแข็งเล็กน้อยหลังจากนั่งเป็นเวลานานเท่านั้นเอง
บทที่ 582 ใจสั่น
ผูเว่ยชางรอจนถึงเที่ยง จากนั้นเขาก็ดึงอวิ๋นซิ่วชิงเข้าไปในห้องรับแขกและนวดเอวที่แข็งทื่อของนาง
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกสบายอย่างมากเมื่อผูเว่ยชางนวดให้ “เจ้าดีที่สุดเลย”
“ชิงเหนียง จ้างคนมาสักสองคนเถอะ ไม่งั้นเจ้าจะเหนื่อยเอานะ”
“ข้าก้คิดเช่นนั้น คนจัดยาสองคน และหมอสองคน ถ้ามีอาการปวดธรรมดาก็ให้หมอสองคนรักษาไป ถ้ามีบางอย่างที่รักษาไม่ได้ก็ให้ข้าทำ” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกว่านางยุ่งเกินไปแล้ว หากไม่จ้างคนอื่นมานางต้องแย่แน่ ๆ
“แต่น้อยคนนักที่รู้เรื่องยา หาหมอก็ยาก จะมีคนสักเท่าไหร่กันที่เรียนหมอมา” อวิ๋นซิ่วชิงถอนหายใจ
“หาไม่ยากหรอก วางป้ายก่อนก็ได้ พรุ่งนี้อาจจะมีคนมาหาเรานะ ตราบใดที่มีหมอมาหาและจ่ายเงินมากขึ้น พวกเขาก็จะมาหาเอง” มีผู้สมัครสองคนในใจผูเว่ยชางแล้ว และพวกเขาจะมาที่นี่แน่นอน
อวิ๋นซิ่วชิงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบตกลง คนที่มาหานางล้วนขาดแคลนเงิน ถ้านางให้เงินมากขึ้นอีกหน่อย พวกเขาจะมาหานางแน่นอน “แต่เราจะหาคนจัดยาได้อย่างไร? อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้วัตถุดิบยาบ้างนะ”
ขณะที่นวดเอวของอวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชางก็กล่าวว่า “ง่ายมาก เรามีเด็กมากมายในลานบ้านของเรา เจ้าเลือกเด็กสักคนสองคนสิ”
อวิ๋นซิ่วชิงหรี่ตาและพยักหน้า “เจ้าพูดถูก แต่ข้าต้องทดสอบบางอย่างก่อน ถ้าพวกเขาผ่าน ข้าจะพาพวกเขามาโรงหมอด้วย”
“ยังไงก็เถอะ เจ้าคงเหนื่อยมาสองวันแล้ว ผูเว่ยชาง” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยเมื่อนึกถึงตอนที่ผูเว่ยชางยืนอยู่หลังโต๊ะยา จัดยา และชำระบัญชี
“ข้าไม่เหนื่อย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับข้า” ผูเว่ยชางรู้สึกถึงความกังวลในคำพูดของนาง จึงปลอบโยนนางด้วยรอยยิ้ม
อวิ๋นซิ่วชิงรู้ว่าผูเว่ยชางคงต้องเหนื่อยมากในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาไม่เพียงต้องทำงานหนักในโรงหมอเพื่อรับยาเท่านั้น แต่เขายังต้องตรวจสอบบัญชีของร้านอาหารด้วย เมื่อนางตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นางเห็นว่าเชิงเทียนในห้องของผูเว่ยชางยังเปิดอยู่เลย
“ผูเว่ยชาง หยุดนวดข้า” อวิ๋นซิ่วชิงลุกขึ้นนั่ง จากนั้นนางก็เขากดลงบนเตียงแล้วพูดว่า “ถึงตาข้าแล้วที่จะนวดเจ้า”
เมื่อมือเรียวของอวิ๋นซิ่วชิงแตะที่เอวของเขา เขาก็หายใจแรงและรู้สึกร้อนไปทั้งตัว เอวของเขาซึ่งถูกอวิ๋นซิ่วชิงถูไถนั้นไม่คลายตัวเลย แต่กลับแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ…
“ชิงเหนียง เจ้าหิวไหม? ข้าจะไปทำอาหารให้เจ้า” ผูเว่ยชางรู้สึกว่าถ้าอวิ๋นซิ่วชิงยังนวดต่อไป เขาคงจะระเบิดออกมา ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองทำอะไรโง่ ๆ ต่อหน้าอวิ๋นซิ่วชิง เขาจึงรีบออกจากห้องโดยไม่มองนางแม้แต่น้อย
อวิ๋นซิ่วชิงเกาหัวด้วยความสับสน เขาก็สบายดีนี่ เกิดอะไรขึ้นกัน?
หลังจากออกมาจากห้องรับแขก ผูเว่ยชางยืนอยู่ที่ประตูโรงหมอและปล่อยให้ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดผ่านไป
“คุณชายผู ทำไมมายืนตรงนี้ ไม่หนาวหรือ?” อี้เหรินมาส่งอาหารให้อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง แต่นางไม่คาดคิดว่าจะเห็นผูเว่ยชางยืนนิ่งอยู่ที่ประตูโรงหมอเช่นนี้ หูของเขาแดงอย่างน่าสงสัย
ผูเว่ยชางหันไปหาอี้เหรินและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่เป็นไร นำอาหารเข้าไปเถอะ”
นางตอบรับด้วยความงุนงง จากนั้นก็วางอาหารไว้บนโต๊ะแล้วเดินกลับไป
ผูเว่ยชางเดินกลับเข้าไปในโรงหมอและนำอาหารไปที่ห้องรับแขก แต่ก็รอจนกว่าความร้อนรุ่มในร่างกายของเขาจะลดลง
แต่ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องรับแขก เขาก็เห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังหลับอยู่
ผูเว่ยชางวางอาหารลงบนโต๊ะอย่างเบามือแล้วเดินไปที่เตียง เมื่อมองดูปลายจมูกสีชมพูของอวิ๋นซิ่วชิง หัวใจของเขาก็เต้นรัวขึ้นมา
“ชิงเหนียง ลุกขึ้นไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยนอนเถอะ วันนี้ลุงอวิ๋นทำซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานของโปรดเจ้าด้วยนะ” ผูเว่ยชางเอ่ยเรียกอวิ๋นซิ่วชิงด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล