ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 519+520 โรงเรียน / จ้างคน
บทที่ 519 โรงเรียน
หญิงสาวพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ถ้านางหายจากโรคนี้ นางจะทำอะไรได้หลายอย่างเพื่อตอบแทนอวิ๋นซิ่วชิง
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงและอีเหรินลงไปข้างล่าง พ่อเฒ่าอวิ๋นก็ได้ปลุกเด็ก ๆ แล้ว
“ข้ารอเจ้าอยู่ มาเถอะ” เมื่อเห็นว่าในที่สุดอวิ๋นซิ่วชิงก็ลงไปข้างล่าง พ่อเฒ่าอวิ๋นก็ขอให้นางนั่งลงทันที
“คราวหน้าอย่ารอข้าเลย ข้ากินเองได้น่า”
“ไม่ นี่คือกฎ”
อวิ๋นซิ่วชิงพูดไม่ออก อันที่จริงการเรียนรู้กฎบางอย่างก็ไม่เลว มันง่ายที่จะทำอะไรเมื่อโตขึ้น และนางก็พอใจ
หลังทานอาหาร อวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชาง และต้าเหนียนชุ่ยยี่ก็ไปที่ร้านเพื่อเปิดประตู เนื่องจากเมื่อวานร้านปิดทั้งบ่าย เวลานี้จึงมีคนมาที่ร้านทันทีที่เปิดได้สักพัก
เวลานี้เสี่ยวเฮยเรียกเพื่อนของเขามา บางคนกำลังให้ความบันเทิงแก่แขกและบางคนก็กำลังเติมชั้นวางของ ส่วนคนอื่น ๆ ยืนอยู่นอกประตูเพื่อตะโกนบอกราคาพิเศษของสินค้า
“ข้าคิดว่าเราไปกันได้แล้วแหละ แม้พวกเขาจะยังเด็ก แต่ก็มีความสามารถมากกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผูเว่ยชางพยักหน้าและกำลังจะจากไปพร้อมกับอวิ๋นซิ่วชิง
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงกำลังจะออกไปข้างนอก จู่ ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นได้ นางพบกระดานและเขียนบางอย่างลงบนนั้น จากนั้นนางก็แขวนมันไว้ที่ประตูแล้วพูดว่า “ข้าเกือบลืมไปแล้ว”
ผูเว่ยชางมองไปรอบ ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น และเห็นข้อความบนป้ายที่อวิ๋นซิ่วชิงแขวนอยู่ที่ประตู
หลังจากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็ออกไปพร้อมกับผูเว่ยชาง ทั้งสองคนวางแผนว่าจะไปโรงเรียนในเมืองก่อน มีโรงเรียนเพียงแห่งเดียวในใจกลางเมือง เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางมาถึงโรงเรียน พวกเขาก็เดินไปรอบ ๆ ถึงโรงเรียนที่นี่จะไม่ใหญ่แต่ก็มีเด็กมากมาย
จากนั้นพวกเขาก็ไปที่ร้านอาหารใกล้ ๆ และสั่งขนม ก่อนจะสอบถามเรื่องโรงเรียนจากเสี่ยวเอ้อ
ปฏิกิริยาของเสี่ยวเอ้อที่มีต่อโรงเรียนคือคำว่า แพง
เด็กคนหนึ่งได้รับค่าเล่าเรียน 5 เหวิน และหนังสือสำหรับเด็กต้องจ่ายมากถึงหนึ่งเหรียญทองแดง ซึ่งอวิ๋นซิ่วชิงไม่คิดว่าเงิน 5 เหวินเป็นเรื่องใหญ่ ตราบใดที่เด็ก ๆ ของนางสามารถเรียนหนังสือได้
ในโรงเรียนมีอาจารย์เพียงคนเดียว เขาอายุ 28 ปีและเป็นนักวิชาการหนุ่ม หลังจากสอบได้ไม่กี่ปีก็ได้รับตำแหน่งนักวิชาการ แต่หลังจากสอบอีกครั้งกลับไม่ผ่าน เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวิ๋นซิวชิงก็ไม่ต้องการให้เด็ก ๆ มาที่นี่
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้ว ผูเว่ยชางก็เลิกคิ้วถามว่า “มีอะไร? เจ้าไม่พอใจหรือ?”
“ข้าไม่พอใจนิดหน่อย เขาใช้เวลาสองสามปีกว่าจะสอบเป็นนักวิชาการได้ และเขาก็อายุยี่สิบแปดแล้ว ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงเป็นนักเรียนอันดับหนึ่งในวัยนี้ไปแล้ว”
“เรายังไม่เจอเขาเลย อย่าเพิ่งรีบตัดสินเขาสิ อีกอย่าง ทางการตอนนี้ยังไม่สะอาดนัก บางทีอาจารย์คนนี้อาจเป็นคนที่มีความสามารถก็ได้”
อวิ๋นซิ่วชิงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบตกลง นางไม่เคยเห็นคนผู้นั้นมาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่สามารถตัดสินว่าอาจารย์คนนี้ดีหรือไม่เร็วเกินไปได้
พวกเขากำลังรอเวลาเลิกเรียน หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงจ่ายเงินและออกจากร้านอาหาร
ในโรงเรียน อาจารย์กำลังฮัมเพลงโดยมีกาน้ำชาอยู่ในมือและดื่มเป็นครั้งคราว เท้าข้างหนึ่งยังอยู่บนม้านั่งด้านข้าง และขยับเป็นจังหวะ
ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงเข้าไปในห้อง นางก็เห็นบุคลิกของอาจารย์ซึ่งทำให้นางไม่พอใจมากยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่พฤติกรรมของนักวิชาการแล้ว เขาเป็นแค่คนพาลเท่านั้นแหละ
เมื่อได้ยินเสียงดังที่ประตู อาจารย์คนนั้นก็เงยหน้าขึ้นและเห็นชายหนุ่มรูปงามกับหญิงงามเดินเข้ามา
“ขอโทษที่รบกวนนะ” แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะไม่ชอบพฤติกรรมของอาจารย์ แต่เธอก็ยังมีมารยาทที่ดี
บทที่ 520 จ้างคน
อาจารย์คนนั้นรีบลุกขึ้นและพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ได้โปรดนั่งลงเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงกับผูเว่ยชางนั่งลงแล้วเริ่มต้นสนทนา “เรามาที่นี่เพราะอยากให้เด็ก ๆ ได้มาเรียนที่นี่น่ะ กฎของโรงเรียนมีอะไรบ้างหรือ?”
“พูดง่าย ๆ โรงเรียนข้าไม่มีกฎอะไร และข้าเป็นคนสอนเองโดยตรง เด็กหนึ่งคนมีค่าเรียน 5 เหวิน ข้าไม่เพียงแต่สอนพวกเขาให้อ่านออกเขียนได้เท่านั้น แต่ยังสอนภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์ด้วย.. ”
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้ว
“ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับภูมิศาสตร์และดาราศาสตร์หรือ? ด้วยความเคารพ งั้นเมื่อไหร่ที่นี่จะมีหิมะตก?” อวิ๋นซิ่วชิงลองถาม
“อ่า? ก็ใกล้แล้วแหละ” อาจารย์ตอบอย่างเลิกลั่ก เขาจะรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ดาราศาสตร์ได้อย่างไร? เขาแค่พูดขึ้นมาเท่านั้นแหละ
อวิ๋นซิ่วชิงนึกดูถูกอาจารย์คนนี้มากยิ่งขึ้น เขาโกหกหน้าด้าน ๆ บางทีอาจารย์คนนี้อาจไม่ได้รับการยอมรับมากกว่า
อาจารย์หนุ่มเองก็รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงดูมีสีหน้าไม่ค่อยดี เขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที “คุณชาย แม่นาง ลูกของพวกท่านอายุเท่าไหร่? รู้บทกวีและเพลงบ้างไหม?”
“เด็ก ๆ ของข้าไม่รู้อะไรเลย ไม่เหมือนเจ้าที่เข้าใจภูมิศาสตร์และดาราศาสตร์” หลังจากนั้นนางก็ลุกขึ้นและเดินออกจากโรงเรียนไปทันที
อาจารย์คนนั้นพูดไม่ออกเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ทุบโต๊ะแล้วตะโกนว่า “คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!?”
“ชิงเหนียง ช้าลงหน่อย ข้าตามเจ้าไม่ทัน” เมื่อมองใบหน้าที่โกรธเคืองของอวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชางก็รีบพูดขึ้นทันที
อวิ๋นซิ่วชิงโกรธมากจนหันไปมองเขาแล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าก้าวของเจ้าใหญ่แค่ไหนรึ?”
“เอาล่ะ ชิงเหนียง อย่าโกรธนะ เราจะหาอาจารย์ดี ๆ ให้กับเด็ก ๆ ได้แน่” ผูเว่ยชางปลอบโยนอวิ๋นซิ่วชิงด้วยเสียงอันนุ่มนวล
ผูเว่ยชางทำงานได้ดีมาก อวิ๋นซิ่วชิงไม่โกรธเลย “อาจารย์คนนี้แย่มาก เขามีแต่เรื่องโกหกมากมาย เขาสอบไม่ผ่านด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับนักวิชาการอันดับหนึ่ง”
ผูเว่ยชางพยักหน้าและพูดว่า “อาจารย์คนนี้ไม่ดีจริง ๆ เราไปถามหยาหลางกันเถอะ หยาหลางรู้ทุกอย่าง เราสามารถขอให้เขาช่วยหาอาจารย์ได้”
“ใช่แล้ว เราไปหาเขากันเถอะ” อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างเร่งรีบ
จากนั้นทั้งสองก็ไปที่ศาลาทางตอนใต้ของเมืองเพื่อตามหาหยาหลาง ทันทีที่หยาหลางทำธุระเสร็จและนั่งบนเก้าอี้นั่งเล่นเพื่อพักผ่อน เขาก็เห็นอวิ๋นซิ่วชิงกับผูเว่ยชางเดินมาจากระยะไกล หยาหลางจึงลุกขึ้นยืนต้อนรับทั้งสองอย่างรวดเร็ว
“แม่นางอวิ๋น คุณชายผู เชิญนั่งก่อน” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ ขอบคุณ วันนี้ข้ามีเรื่องจะไหว้วานเจ้าน่ะ” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกอายมากที่จะขอความช่วยเหลือโดยไม่ทำอะไรให้เลย
“เกิดอะไรขึ้นรึ? ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเจ้าเลย” หยาหลางตบหน้าอกของเขาและพูดขึ้น
“ข้าอยากหาอาจารย์สักคน หวังว่าเจ้าคงช่วยข้าหาคนที่มีการศึกษาและเป็นคนดีได้นะ” อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้ขอให้อาจารย์เป็นถึงจวี่เหริน[1]หรือจิ้นซื่อ[2] นางขอแค่อาจารย์ผู้นั้นมีความรู้ ความประพฤติดี และไม่โกหก
“อย่างนี้เอง ข้ารู้จักชายชราคนหนึ่ง เขาอยู่ในเมืองและเข้าศึกษาระดับจวี่เหริน แต่ด้วยฐานะทางบ้านที่ยากจน เขาจึงสอบไม่ผ่าน ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาร่ำรวยแต่ก็เอื่อยเฉื่อยทั้งวัน เมื่อสองสามวันก่อนก็ขอให้ข้าหาอะไรให้เขาทำ”
อวิ๋นซิ่วชิงเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ไม่ต้องกังวล ไปเชิญชายชราคนนั้นมาก็ได้”
“แบบนั้นจะดีรึ?” คนที่หยาหลางจะแนะนำให้อวิ๋นซิ่วชิงรู้จักเป็นชายชราที่เอื่อยเฉื่อยมาก เขาจึงลังเล
[1] จวี่เหริน (举人) คือ ชื่อตำแหน่งเมื่อสอบผ่านเข้ารับราชการในระดับกลาง
[2] จิ้นซื่อ(进士)คือ ชื่อตำแหน่งเมื่อสอบผ่านเข้ารับราชการในระดับบัณฑิตชั้นสูง