ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 51 โกรธเคือง
บทที่ 51 โกรธเคือง
ผูเว่ยชางตอบอีกฝ่ายเสียงเรียบ “พิษในตัวข้าถูกล้างออกไปหมดแล้ว ดังนั้นข้าจึงดีขึ้น”
“อะไรนะ?!” เหยียนเกอมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ “ท่านกำลังล้อข้าเล่นแน่ ๆ?!”
“หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าสามารถลองตรวจร่างกายของข้าดูได้” ผูเว่ยชางกล่าวขณะวางแขนไว้บนโต๊ะเล็ก ๆ
เหยียนเกอใช้นิ้ววางบนแขนของผูเว่ยชาง ผลปรากฏว่าชีพจรของอีกฝ่ายเสถียรมาก!
เขามองผูเว้ยชางแล้วถามด้วยความตกใจ “ใครเป็นคนล้างพิษให้ท่าน?”
เหยียนเกอไม่สามารถยอมรับได้ เขาพยายามหาทางล้างพิษให้ผูเว่ยชางมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ว่าจะทำสักกี่ครั้งหรือวิธีใดก็ไม่เคยได้ผล อย่างมากที่สุดเขาทำได้เพียงระงับพิษในร่างกายอีกฝ่ายไม่ให้ลุกลามจนถึงแก่ชีวิตก่อนเวลาอันควร
เขาต้องเดินทางไปยังภูเขาโอสถ เหยียนเกอและผูเว่ยชางไม่ได้เจอกันมาครึ่งเดือน…แต่พิษในร่างกายของอีกฝ่ายกลับถูกล้างออกไปได้
“ผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้เป็นคนล้างพิษให้ข้า” ผูเว่ยชางตอบอย่างภาคภูมิใจ
“เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือ?” เหยียนเกอไม่เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา อวิ๋นซิ่วชิง หญิงอ้วนคนนั้นดูไม่น่าจะเป็นหมอได้เลย
ผูเว่ยชางจ้องมองเขาและพูดว่า “เจ้าเชื่อเถอะ”
ตอนนี้อวิ๋นซิ่วชิงเดินเข้ามาพร้อมกรงที่มีงูอยู่ด้านใน
เมื่อนางเห็นใบหน้าที่กำลังตกใจของเหยียนเกอ อวิ๋นซิ่วชิงก็ขมวดคิ้วและถามว่า “มีอะไรหรือ?”
ผูเว่ยชางหันมาแสดงความอ่อนโยนกับอวิ๋นซิ่วชิง “ไม่มีอะไร ข้าเพิ่งบอกกับเหยียนเกอว่าเกิดอะไรขึ้น?”
อวิ๋นซิ่วชิงอารมณ์เสียขึ้นมาทันที ในสายตาของนาง เหยียนเกอดูเหมือนกำลังละลาบละล้วงเพื่อนร่วมทางของนาง นางไม่สามารถปล่อยให้เขาถูกรังแกเช่นนี้ได้
ท่านเหยียนเกอ ท่านไม่อยากได้งูของข้าจนถึงกับต้องเล่นแง่กับเราเพียงนี้เชียวหรือ? เช่นนั้นเราก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดอีกต่อไป! ไปกันเถอะ ผูเว่ยชาง”
อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างไร้อารมณ์ เพราะนางเองก็ขายโสมออกไปแล้ว จะเหลือก็แต่งูตัวนี้ที่ยังคงนอนอยู่ในกรง แม้นางจะไม่สามารถขายมันออกไปได้ แต่จะเป็นการดีที่นางจะนำมันกลับไปทำอาหารเพื่อบำรุงร่างกายของตัวเองแทน
เมื่อมองดูใบหน้าของเหยียนเกอ ผูเว่ยชางก็เดินเข้าไปหาอวิ๋นซิ่วชิง
เมื่อเห็นหญิงสาวกับผูเว่ยชางเตรียมจะเดินออกจากห้อง เหยียนเกอก็รีบร้องเรียกนาง “เดี๋ยวก่อน! ข้าจะซื้องูของเจ้า!”
อวิ๋นซิ่วชิงหันหลังกลับมาพูดว่า “ขอโทษนะ แต่ข้าไม่ขายมันแล้ว”
ทันทีที่พูดจบ อวิ๋นซิ่วชิงก็เดินออกจากประตูทันที
ผูเว่ยชางมองไปที่เหยียนเกอพลางแย้มยิ้ม และนั่นทําให้เหยียนเกอโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
ผูเว่ยชางเดินออกจากโรงหมอพร้อมกับกรงในมือ
เมื่อมองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงซึ่งยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาก็ถามว่า “เจ้าอยากไปเดินเล่นในตลาดไหม?”
อวิ๋นซิ่วชิงขึ้นนั่งบนเกวียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เราจะสามารถกลับที่พักได้หลังจากที่ได้ขายของของเจ้าแล้ว”
ผูเว่ยชางวางกรงไว้บนเกวียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สถานที่ที่ข้าขายเนื้อกับขนสัตว์อยู่แถวนี้ ใกล้จะถึงแล้วล่ะ”
หลังจากพูดเช่นนั้น ผูเว่ยชางก็ขึ้นเกวียนไปโรงเตี๊ยมเพื่อขายเนื้อ จากนั้นเขาก็ไปยังร้านขายผ้าเพื่อขายหนังสัตว์ที่เหลือ
หลังจากขายสินค้าแล้ว ผูเว่ยชางโบกเงินในมือของตัวเองและพูดขึ้น “อวิ๋นซิ่วชิง ไปตลาดกันเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าหลังจากจอดเกวียนไว้ในร้านขายผ้าชั่วคราว จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็ไปที่ตลาดบนถนนสายถัดไป
ตลาดแห่งนี้เต็มไปด้วยความคึกคักและเร่งรีบ มีสินค้าทุกประเภทที่นำมาขาย อวิ๋นซิ่วชิงถูกชายหนุ่มจูงไปตลาดด้วยกัน
ผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิงเดินเคียงข้างกัน
ทันใดนั้น พวกเขาก็เห็นสีชาดทาปากซึ่งขายอยู่บนแผงลอย ผูเว่ยชางหันไปมองใบหน้าอวบอ้วนของอวิ๋นซิ่วชิงและถามว่า “อวิ๋นซิ่วชิง เจ้าใช้สีชาดแบบไหน?”
อวิ๋นซิ่วชิงที่กําลังมองไปยังคอกไก่ใกล้ ๆ ถึงกับหันกลับมามองชายหนุ่ม ทันทีที่ได้ยินคําถาม ก่อนจะตอบออกมาว่า “ข้าไม่ได้ใช้ และไม่ต้องการด้วย มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้า”
ผูเว่ยชางกำลังคิดจะซื้อสีชาดทาปากให้อวิ๋นซิ่วชิง แต่เขาไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะไม่แตะต้องมันเลย อีกทั้งยิ่งฟังจากน้ำเสียงที่ตอบกลับเขาแล้ว ชายหนุ่มจึงรู้ได้ทันทีว่านางไม่สนใจสีชาดทาปาก
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสีชาดต่อ แต่สิ่งที่นางสนใจในตอนนี้คือ ลูกไก่จากแผงขายของที่อยู่ใกล้ ๆ นี้
อวิ๋นซิ่วชิงเดินไปยังคอกไก่ที่ห้อมล้อมด้วยผู้คนมากมาย และมีคนขายซึ่งกำลังแนะนำไก่ของตัวเองให้กับลูกค้าที่เดินผ่านไปมา