ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 509+510 การแบ่งงาน / ความผิดหวัง
บทที่ 509 การแบ่งงาน
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะเบา ๆ อันที่จริงการเลี้ยงหัวไชเท้าที่เชื่อฟังและฉลาดไว้แบบนี้ก็ไม่เลว
“เสี่ยวเฮย ใส่เสื้อผ้าซะ แล้วเจอกันข้างล่างนะ”
เสี่ยวเฮยพยักหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยทันที
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงลงไปข้างล่าง ผูเว่ยชาง ชุ่ยยี่ และพ่อเฒ่าอวิ๋นก็กำลังรอนางอยู่
หลังจากที่เสี่ยวเฮยลงมา อวิ๋นซิ่วชิงก็เริ่มมอบหมายงานให้ทุกคน “ท่านพ่อ ข้าจะให้ท่านพ่อช่วยหน่อย ท่านไปซื้อเนื้อแล้วกลับมานะ ช่วงบ่ายท่านต้องทำงานหนักมาก ต้องทำอาหารหม้อใหญ่เชียวล่ะ เดี๋ยวข้าไปบอกอีเหรินเอง ท่านไปทำอาหารที่ครัวของลานนะ ส่วนชุ่ยยี่ เจ้าไปจัดการที่ร้านตัดเสื้อ ผูเว่ยชางไปกับข้า เสี่ยวเฮยดูร้านและดูแลเสี่ยวเที่ยว เอาล่ะ แบ่งงานกันเรียบร้อย”
หลังจากแจกแจงจบสิ้น อวิ๋นซิ่วชิงก็ขอให้ผูเว่ยชางนำเงินมาให้พ่อของนาง ขณะที่นางดึงเสี่ยวเฮยออกไปแล้วพูดว่า “หลังจากที่เราไปแล้ว ไม่ว่าใครจะมาเคาะประตู เจ้าก็ห้ามเปิดเด็ดขาด จนกว่าข้าจะกลับมา เข้าใจไหม?”
เสี่ยวเฮยพยักหน้าและตอบว่า “ข้ารู้ พี่สาว ไม่ต้องกังวล ข้าจะดูแลร้านเอง”
อวิ๋นซิ่วชิงยิ้มออกมาและไปที่ลานหลังร้านกับผูเว่ยชาง
ทันทีที่อีเหรินหลับไป นางก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู นางพักอยู่ชั้นบน ทันทีที่นางเปิดหน้าต่างก็มองเห็นได้ว่าใครยืนอยู่ข้างนอก
เมื่อเห็นว่าเป็นอวิ๋นซิ่วชิง นางจึงสวมเสื้อคลุมแล้ววิ่งออกไป
“แม่นางอวิ๋น ข้าขอโทษที่เผลอหลับไปนะ” อีเหรินเปิดประตูและพูดด้วยลมหายใจหอบสั่น
“ไม่เป็นไรอีเหริน พ่อข้าออกไปซื้อเนื้อแล้วจะมาทำอาหารที่ลานน่ะ พอเขากลับมา เจ้าช่วยเปิดประตูให้หน่อยนะ จากนั้นเจ้าก็ไปนอนเถอะ”
หญิงสาวพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
“เอาล่ะ กลับห้องไปรอนะ ข้าจะหาเพื่อนให้เจ้าเอง” อวิ๋นซิ่วชิงโบกมือให้นาง ก่อนจะกระโดดขึ้นรถม้าแล้วออกไปทันที
อีเหรินอยากรู้ว่าเพื่อนคนไหนจะมาอยู่ที่นี่ นางจึงไม่กลับไปที่ห้อง แต่รออยู่ที่ประตูรั้วบ้านแทน
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงกับผูเว่ยชางมาถึงวัดที่ทรุดโทรมทางตอนใต้ของเมือง พวกเขาก็พบว่ามีผู้คนจำนวนมากอยู่ในนั้น ขอทานที่พวกเขารู้จักมาก่อนไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว และคนเหล่านี้ล้วนเป็นหน้าใหม่ ยกเว้นเด็กเหล่านั้น
“ทำไมถึงมีขอทานมากมายแบบนี้? มีเป็นร้อยคนเลยหรือเปล่าเนี่ย?” อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้ว ถ้านางพาคนจำนวนมากขนาดนี้กลับไป ลานบ้านของนางคงไม่พอสำหรับพวกเขาแน่นอน ดูเหมือนว่านางจะต้องหาซื้อพื้นที่จากหยาหลางเพิ่มอีกสักสองสามหลาแล้ว
“ข้าได้ยินมาว่าเกิดภัยพิบัติหิมะทางตอนเหนือ คนแปลกหน้าเหล่านี้คงจะมาจากทางเหนือ” ผูเว่ยชางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ค่อยรู้ข่าวคราวอะไรมากนัก นางจึงไม่รู้ว่าทางเหนือกำลังทุกข์ทรมานจากหิมะ
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงกับผูเว่ยชางมาถึงวัดอันทรุดโทรม ทั้งสองก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก เพราะพวกเขาแต่งกายเรียบร้อยดูดี ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนนุ่งผ้าขี้ริ้ว ผมเผ้ารุงรัง และใบหน้าสกปรกมอมแมม
เมื่อเห็นฝูงชนที่รายล้อม อวิ๋นซิ่วชิงจึงพูดขึ้นมาเสียงดังว่า “สวัสดี ข้าชื่ออวิ๋นซิ่วชิง ข้าไม่รู้ว่าเจ้ารู้จักข้าไหม แต่ข้ามาที่นี่เพื่อพาเจ้าไปยังสถานที่ที่เจ้าสามารถ กิน นอน นุ่งห่มให้อุ่นได้ หากผู้ใดต้องการ ไปกับข้าได้เลย”
“ข้า ข้า” คนที่พูดคำเหล่านี้เป็นเพื่อนของเสี่ยวเฮย ทุกคนล้วนเคยเห็นอวิ๋นซิ่วชิงเลี้ยงเสี่ยวเฮยจนอ้วนพี ถ้าพวกเขาไม่กลัวว่าเสี่ยวเฮยจะอับอาย พวกเขาคงจะวิ่งไปหาอวิ๋นซิ่วชิงทีละคนและอ้อนวอนให้นางรับพวกเขาไปทั้งหมดแล้ว
“เอาล่ะ ตามข้ามา” อวิ๋นซิ่วชิงพูดด้วยรอยยิ้ม สายตามองเด็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง
หลังจากนั้น หญิงสาวก็มองไปที่ผู้ใหญ่อย่างลังเล เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงกำลังจะเกลี้ยกล่อม จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากฝูงชน “ใครจะเชื่อ ระวังจะถูกขายหมดทุกคนนะ”
“เราเชื่อ ข้าเต็มใจไปกับนาง” แต่เพื่อน ๆ ของเสี่ยวเฮยต่างแย่งกันพูด พวกเขากลัวว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะไม่พาพวกเขาไปด้วย
บทที่ 510 ความผิดหวัง
เมื่อมองไปที่คนคัดค้าน อวิ๋นซิ่วชิงก็นึกได้ว่าอีกฝ่ายคือใคร
ที่แท้ก็ต้าเว่ย เจ้าสารเลวนั่น!
“ใครก็ตามที่รู้จักข้าย่อมรู้ดี ข้ารักษาคำพูดและคำสัญญาเสมอ ข้าบอกว่าจะพาพวกเขาไปสู่ชีวิตที่ดี ข้าก็จะทำเช่นนั้น”
“จริง ๆ หรือ?” เห็นได้ชัดว่าคนรอบข้างรู้สึกประทับใจกับคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง พวกเขาทั้งหมดมองมาที่นางด้วยดวงตาที่สดใส
“แน่นอน มันเป็นความจริง ข้าสามารถให้อาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัยแก่เจ้าได้ และข้าจะให้งานที่ดีแก่เจ้าด้วย เพื่อที่เจ้าจะได้มีชีวิตที่ดี” อวิ๋นซิ่วชิงเป็นคนอารมณ์ร้อน นอกจากทักษะทางการแพทย์ของนางแล้ว นางแทบจะไม่มีความอดทนเลย
“ดูนางสิ ข้ารู้ว่านางมาที่นี่เพื่อหาคนไปทำงานให้เปล่า ๆ นั่นแหละ ยังบอกจะหางานให้เราอีก มันเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น” ต้าเว่ยไม่เชื่อสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิงพูด เขาเกลียดอวิ๋นซิ่วชิงมากจนไม่ยอมให้นางประสบความสำเร็จ
ผูเว่ยชางยืนอยู่ข้าง ๆ อวิ๋นซิ่วชิง เขาเคยเจอต้าเว่ยเมื่อนานมาแล้ว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้าเว่ยจะดวงแข็งใช้ชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้ และยังสร้างอุปสรรค์ให้กับอวิ๋นซิ่วชิงอีกด้วย เวลานี้เขาจึงโกรธขึ้นมาทันที
ไม่ต้องพูดถึงผูเว่ยชาง เพราะแม้แต่อวิ๋นซิ่วชิงก็ยังโกรธ นางไม่เพียงโกรธคำพูดของต้าเว่ยเท่านั้น แต่ยังโกรธกลุ่มผู้ใหญ่เหล่านั้นด้วย พวกเขาทั้งหมดไร้สมอง เมื่อต้าเว่ยกล่าวเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดก็เชื่อและถอยกลับทันที ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นางจะเปิดประตูสวรรค์เพื่อช่วยคนเหล่านี้ แต่คนเหล่านี้กลับไม่เห็นคุณค่า
หากพวกเขาไม่เห็นคุณค่า นางย่อมไม่มีความอบอุ่นมอบให้
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าก็ลืมมันไปเถอะ ไปกันเถอะ ผูเว่ยชาง” พูดจบนางก็หันหลังกลับและกำลังจะจากไป
“รอเดี๋ยว” จู่ ๆ ต้าเว่ยก็พูดออกมา เขาจะไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ นางทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานมามาก ถ้าไม่ใช่เพราะนาง เขาคงไม่ลงเอยแบบนี้
แต่มีบางอย่างทำให้เขาตกใจ ถ้าเขาพูดดังกว่านี้ เขาคงจะฉี่ราดอย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่สามารถแม้แต่จะยกชามที่แตกด้วยมือทั้งสองข้างได้ ทั้งหมดเกิดจากอวิ๋นซิ่วชิง
“เจ้าต้องการอะไรอีก?” อวิ๋นซิ่วชิงได้ปิดประตูสวรรค์แล้ว และความกระตือรือร้นของนางก็ดับลง น้ำเสียงของนางจึงฟังดูค่อนข้างแย่ นางรู้สึกผิดหวังในตัวคนเหล่านี้มาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีชีวิตอยู่บนความเจ็บปวด แต่กลับไม่ปีนขึ้นไปแม้ว่าจะได้รับการช่วยชีวิตก็ตาม ซึ่งมันไร้ประโยชน์กับพวกเขามาก
“ถ้าสนใจเราแค่เรื่องกิน ดื่ม อยู่ และเสื้อผ้า เราจะไปด้วย ส่วนเรื่องงานที่จะหาให้ ข้าสงสัยว่าท่านผู้ใจดีจะทำได้จริงหรือ?” คำพูดของต้าเว่ยทำให้อวิ๋นซิ่วชิงหงุดหงิด
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ใช่คนโง่ นางย่อมไม่ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบใจ นางไม่ใช่พระแม่มารี และตอนนี้นางรู้สึกผิดหวังอย่างมาก “ข้ารู้สึกเสียใจกับเจ้าจริง ๆ ข้าขอคืนสิ่งที่ข้าพูดไปในตอนแรก ข้าเสียใจกับสิ่งที่ข้าทำในวันนี้นัก ผูเว่ยชาง ไปกันเถอะ”
หลังจากมองไปที่ต้าเว่ยอย่างเย็นชาแล้ว ผูเว่ยชางก็หันหลังกลับและเดินออกจากวัดที่พังยับเยิน
อวิ๋นซิ่วชิงอยู่ในอารมณ์บูดบึ้ง นางต้องการทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่นางไม่คาดคิดว่าจะไม่มีใครเชื่อนาง ถ้านางรู้ก่อนหน้านี้ นางน่าจะบริหารโรงหมอของตัวเองไปเสียดีกว่า
“ชิงเหนียง อย่าโกรธไปเลยนะ คนพวกนั้นมันอกตัญญู” ผูเว่ยชางลูบหลังอวิ๋นซิ่วชิงเพื่อปลอบโยน
หญิงสาวถอนหายใจและกำลังจะพูดบางอย่าง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงคนเรียกนางจากด้านหลัง
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปด้วยความงงงวย ก่อนจะเห็นเพื่อนของเสี่ยวเฮยวิ่งมาหานางทีละคน “พี่สาว ท่านเพิ่งสัญญาว่าจะพาเราไปไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้อง ท่านผิดสัญญาไม่ได้นะ เราเต็มใจไปกับท่าน” เด็ก ๆ มารวมตัวกันอยู่ข้างหน้าอวิ๋นซิ่วชิงซึ่งกำลังจะจากไป
และสิ่งเหล่านี้ทำให้ความรู้สึกของหญิงสาวกลับมาอบอุ่นระคนอ่อนโยนอีกครั้ง