ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 503+504 การสนทนา / ระวังตัวด้วย
บทที่ 503 การสนทนา
“เหยียนเกอ ข้าอยากเปิดโรงหมอ” เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงพูดเช่นนี้ นางก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ครั้งนี้นางรู้สึกผิดจริง ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็เปิดสิ ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าสามารถซื้อโรงหมอได้ทั้งหมดด้วยซ้ำไป หากเจ้ากังวลเกี่ยวกับแหล่งของสมุนไพร ไม่ต้องกังวล ข้าจัดการให้เจ้าได้อย่างดีเลย” เหยียนเกอพูดโดยไม่ลังเล และไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด
เมื่อได้ยินคำตอบของเหยียนเกอ อวิ๋นซิ่วชิงก็ตกตะลึงและถามว่า “แล้วเจ้าไม่เป็นไรหรือ?”
“แล้วทำไมข้าต้องไม่ชอบด้วย?” ก่อนหน้านี้ศีรษะเหยียนเกอถูกกระทบกระเทือนมาก่อน ซึ่งตอนนี้นางถามคำถามที่ต้องใช้สมอง มันก็ทำให้เขาเวียนหัวมากขึ้น
“แต่ข้าจะดูแลโรงหมอคนเดียวนะ อีกอย่างข้าก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเจ้าด้วย” อวิ๋นซิ่วชิงไม่รู้ว่าเหยียนเกอคิดอย่างไร นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“แล้วมันยังไงล่ะ ก็แค่เจ้าเปิดโรงหมอเอง เจ้าจะไปสนใจทำไม มีโรงหมอมากมายในโลกนี้ ถ้าข้าคิดเล็กคิดน้อยไปทั้งหมด ข้าคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้หรอก” เหยียนเกอคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติสำหรับนางที่จะบริหารโรงหมอ มิฉะนั้นทักษะทางการแพทย์ที่ดีของนางคงจะไร้ประโยชน์
“ข้าแค่รู้สึกไม่สบายใจ” อวิ๋นซิ่วชิงปฏิบัติต่อเหยียนเกอแบบเพื่อน หากนางเปิดโรงหมอ มันจะส่งผลกระทบต่อมิตรภาพของนางกับเหยียนเกอหรือไม่? เพราะหากเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่อยากเปิดโรงหมอแล้ว การมีเพื่อนที่ดีและครอบครัวที่มีความสุขนั้นหาได้ยากกว่าสิ่งใด
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าเจ้าไม่เปิดโรงหมอ ทักษะทางการแพทย์ที่ดีของเจ้าก็จะไร้ค่า อีกอย่าง โรงหมอของข้าไม่ใช่ว่าจะมีแห่งเดียว ถ้าแค่มีโรงหมอเพิ่มขึ้นมาอีก ข้าก็ไม่อดตายหรอก” เหยียนเกอพูดอย่างไม่แยแส
ตอนนี้อวิ๋นซิ่วชิงเข้าใจแล้ว
“แต่ข้าอยากรู้ ถ้าข้าไม่ยอมให้เจ้าเปิดโรงหมอ เจ้าจะทำอย่างไร?” เหยียนเกอเลิกคิ้วและมองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ข้าก็จะไม่เปิดไงล่ะ เจ้าอยากรู้ทำไม?”
เมื่อเหยียนเกอได้ยินสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิงตอบ เขาก็ยิ้มออกมา นางช่างห่วงใยเพื่อนอย่างเขามาก มิตรภาพที่ลึกซึ้งเช่นนี้ดีกว่าผูเว่ยชางนัก
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มที่มุมปากของเขา นางก็เดาว่าสมองของเหยียนเกอคงอาจจะเสียหาย และนางไม่รู้ว่าในอนาคตเขาจะสามารถไปพบแพทย์ได้หรือไม่
ขณะที่เขากำลังคุยกับอวิ๋นซิ่วชิง จู่ ๆ ประตูก็เปิดออก หญิงสาวมองไปที่ประตูด้วยความสับสน และเห็นผูเว่ยชางเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ผูเว่ยชาง” อวิ๋นซิ่วชิงไม่คาดคิดว่าเขาจะมาที่นี่ นางไม่ได้บอกเขาก่อนหน้านี้
“ทำไมเจ้าไม่บอกก่อนว่าเจ้ามาที่นี่?” แม้ว่าผูเว่ยชางตำหนิอวิ๋นซิ่วชิง แต่แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เหยียนเกอที่นอนอยู่บนเตียงขนลุกทันทีที่ได้ยินเสียงของผูเว่ยชาง ตอนที่เขาล้างพิษให้ผูเว่ยชาง อีกฝ่ายไม่เคยทำสีหน้าดี ๆ ให้เขาเลย เขาเคยคิดว่าผูเว่ยชางเป็นคนใจร้าย แต่พอได้รู้จักกับอวิ๋นซิ่วชิง เขาก็ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่ที่นี่?” อวิ๋นซิ่วชิงสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงตามหานางจนพบเสมอ
แน่นอนว่าผูเว่ยชางรู้เรื่องนี้ผ่านองครักษ์ลับที่เขาส่งไปดูแลอวิ๋นซิ่วชิง แต่เขาไม่ยอมพูดออกไป “มีแค่ที่นี่เท่านั้นที่เจ้าจะมา”
ผูเว่ยชางพูดถูก เขารู้ว่าเวลาบ่ายโมงนั้นอวิ๋นซิ่วชิงจะอยู่ที่ไหน
“เอาล่ะ กลับกันเถอะ ตอนที่ข้าออกไป ลุงอวิ๋นบอกข้าว่าให้พาเจ้ากลับโดยเร็วที่สุด” ผูเว่ยชางพูดด้วยรอยยิ้ม
เหยียนเกอรู้สึกเบื่อขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังจะกลับ แต่เขายังจำได้ว่าวันนี้เขาถูกผูเว่ยชางเตะจนเจ็บตัวไปแล้ว “โอ๊ย อยากอาเจียนอีกแล้ว เวียนหัวอีกแล้ว ชิงเหนียง ลองจับชีพจรสิ ยาได้ผลไหม”
บทที่ 504 ระวังตัวด้วย
“มันจะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร เมื่อครู่เจ้ากินยาหยุดอาเจียนแล้ว ทำไมยังอยากอาเจียนอีกล่ะ” อวิ๋นซิ่วชิงลองแตะหน้าผากของเขาแต่ก็พบว่าเขาไม่มีไข้
ผูเว่ยชางรู้ว่าเหยียนเกอแกล้งป่วย ดูเหมือนว่าเมื่อเช้านี้เขาจะยังสั่งสอนเหยียนเกอไม่พอสินะ
“อาจเป็นเพราะว่าไม่สบายท้องหรือเปล่า? ข้าคิดว่าควรดื่มอะไรให้อาเจียนออกมานะ เผื่อมีอะไรย่อยยากในท้องอยู่” ผูเว่ยชางเอ่ยขณะยืนอยู่ข้างหลังอวิ๋นซิ่วชิงด้วยสีหน้าเฉยเมย
เมื่อเหยียนเกอเงยหน้าขึ้น เขาก็พบกับสายตาคม ๆ ของผูเว่ยชาง ตอนนี้เขาแทบจะสำรอกน้ำดีออกมา ถ้าเขายังคงอาเจียนต่อไป เขาอาจได้อาเจียนจนตายแน่นอน
“ไม่ ทำไม่ได้ คงแค่อาการอยากอาเจียนน่ะ ถ้าเขายังอาเจียนต่อไปจะเป็นโรคกระเพาะเอาได้ แต่เจ้าเคยเตือนข้าไว้ว่าจำเป็นต้องให้ยาผ่านทางช่องปากเท่านั้น ห้ามผ่านทางอื่น งั้นเจ้าควรดื่มยาระบายนะ” อวิ๋นซิ่วชิงพูดกับเหยียนเกออย่างจริงจัง
เหยียนเกอแสดงสีหน้าพึงพอใจที่หญิงสาวเอ่ยในประโยคแรก ทว่าเมื่อเขาได้ยินประโยคครึ่งหลังจากอวิ๋นซิ่วชิง ใบหน้าซีดเซียวของเขาก็แทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“ไม่ มันไม่ร้ายแรงขนาดนั้น แค่นอนพักสักครู่ก็พอ ข้าไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร” เหยียนเกอรีบพูดออกมา
อวิ๋นซิ่วชิงแน่ใจแล้วว่าเหยียนเกอแกล้งป่วย
เมื่อถูกอวิ๋นซิ่วชิงจ้องเขม็ง เขาก็ถึงกับเหงื่อแตกและพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “อย่ากังวลไป ชิงเหนียง ข้าสบายดี หลังจากนอนไปสักพัก ข้าคงจะดีขึ้น กลับไปเถอะ พ่อของเจ้ากำลังรอกินข้าวอยู่”
“ไม่ ทำแบบนั้นไม่ได้ เวลานี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเจ้าอาจมีพิษไข้ได้ เจ้าต้องกินยาระบาย รอสักครู่นะ ข้าจะจัดยาให้เจ้า ”
จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็ออกไปจากห้องทันที
แท้จริงแล้วอวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้สั่งยาระบายให้เหยียนเกอ นางสั่งยาระงับประสาทเพียงชุดเดียวแทน หากได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง จำเป็นต้องนอนหลับให้เพียงพอเพื่อฟื้นตัว ตอนนี้นางทำเพื่อข่มขู่เขาเท่านั้น นางจะปล่อยเหยียนเกอมาแกล้งป่วยให้นางกลัวได้อย่างไร…นี่นางกลายเป็นคนอาฆาตแค้นไปแล้วใช่หรือไม่?
เหยียนเกอไม่คิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะนำยามาให้เขาจริง ๆ เขาอาเจียนไปหมดไส้หมดพุงแล้ว ถ้าเขากินยาระบายเข้าไปอีก เขาคงจะไม่สามารถลุกจากเตียงได้ภายในเจ็ดวันแน่
ในทางกลับกัน ผูเว่ยชางนั่งมองอย่างสบาย ๆ ด้วยสีหน้าชื่นมื่น
“เห็นพอหรือยัง?” เขากัดฟันและจ้องไปที่ผู้กระทำความผิด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่งกังฟูเท่าผูเว่ยชาง เขาคงบีบคอเจ้าบ้านั่นไปแล้ว
“ไม่ กรุณาแสดงต่อเถอะ” ผูเว่ยชางพูดอย่างใจเย็น
เหยียนเกอคิดว่าทำไมเขาต้องมาคอยคร่ำครวญอย่างทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ด้วย!
หลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นซิ่วชิงก็เข้ามาพร้อมชามยา เหยียนเกอจ้องมองชามในมือของอวิ๋นซิ่วชิง ซึ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
อวิ๋นซิ่วชิงรู้ว่าจมูกเหยียนเกอไวพอที่จะได้กลิ่นยาทุกชนิด ดังนั้นเพื่อไม่ให้พบว่าเป็นยาระงับประสาท อวิ๋นซิ่วชิงจึงเพิ่มยาหลายชนิดเป็นพิเศษเพื่อกลบกลิ่นของยา และในขณะเดียวกันก็ทำให้ยาไม่มีรส ไม่ว่าลิ้นและจมูกจะไวแค่ไหน เขาก็คงจะไม่รู้ว่ามันคือยาระงับประสาทชนิดหนึ่งแน่นอน
“ดื่มสิ ไม่ขมหรอก” อวิ๋นซิ่วชิงเอ่ยพลางกลั้นหัวเราะ
เหยียนเกอต้องการบอกอวิ๋นซิ่วชิงว่าเขาแค่แกล้งป่วย แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่มีความสุขของผูเว่ยชาง เขาก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ เขาจึงกัดฟันรับยามาจากมือของอวิ๋นซิ่วชิง ก่อนจะหลับตา และดื่มมันทั้งหมด
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะเบา ๆ แล้วหยิบชามมาวางไว้ด้านข้าง “อืม กินยาไปเดี๋ยวก็ดีขึ้น หลับตาเถอะ”
เขาไม่ขัดขืนและหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง เขาจำเป็นต้องเก็บแรงไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นจะไปรบกับผูเว่ยชางอีกได้อย่างไร?
อวิ๋นซิ่วชิงเห็นว่าเขาหลับตาแน่นแล้วจึงยิ้ม หลังจากนั้นไม่นานนางก็ได้ยินเสียงลมหายใจปกติของเขา “ช่างเป็นคนดื้อรั้นจริง ๆ กลับกันเถอะ ผูเว่ยชาง”
ผูเว่ยชางพยักหน้าและยืนขึ้น ก่อนจะกลับออกไปพร้อมกับอวิ๋นซิ่วชิง