ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 493+494 พ้นจากนรก / สองมาตรฐาน
บทที่ 493 พ้นจากนรก
“เจ้ากลัวที่จะเจอข้างั้นหรือ?” ผูเว่ยชางถาม ดวงตาคมกริบของเขาจ้องตรงไปที่อวิ๋นซิ่วชิง
“ทำไมข้าต้องกลัวด้วย?” อวิ๋นซิ่วชิงไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับผูเว่ยชาง สิ่งที่นางกลัวคือหัวใจที่เต้นแรงของนางต่างหาก
“ถ้าไม่กลัว แล้วทำไมเจ้าต้องหลบหน้าข้าล่ะ?” ผูเว่ยชางถามพลางเลิกคิ้ว
“ข้าไม่ได้หลบหน้าเจ้า ข้าแค่ต้องการไปบางที่เพื่อคิดเรื่องบางอย่าง”
ขณะนี้อวิ๋นซิ่วชิงตระหนักได้ว่าในเมื่อนางชอบเขา เช่นนั้นก็ปล่อยให้ธรรมชาติจัดการไป หากความรู้สึกของนางที่มีต่อเขาไม่เปลี่ยนไปหลังจากผ่านไปสามหรือห้าปี นางก็จะยอมรับความรู้สึกนี้…
ผูเว่ยชางจ้องไปที่อวิ๋นซิ่วชิง แต่เขาไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในแววตาของอวิ๋นซิ่วชิงเลย
ชายหนุ่มไม่เข้าใจจริง ๆ
ทันใดนั้นอีเหรินก็ออกมาจากซ่องชุนโหลว
เมื่อมองดูสัมภาระอันน้อยนิดในมือของอีกฝ่าย อวิ๋นซิ่วชิงก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แค่นั้นเองหรือ?”
หญิงสาวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นั่นคือทั้งหมดที่ข้ามี”
อวิ๋นซิ่วชิงเข้าใจแล้วว่านางหมายถึงอะไร นางจึงถามว่า “เจ้ามีที่ไปไหม?”
“ไม่มี แต่ข้าหาเช่าที่อยู่ได้” ตอนนี้นางอารมณ์ดีแล้ว ในที่สุดนางก็ออกมาจากขุมนรกแห่งนี้ นางย่อมมีความสุขแม้ว่านางจะต้องใช้ชีวิตข้างถนนก็ตาม
“ข้ามีที่อยู่ให้เจ้าแล้ว มากับข้าเถอะ” อวิ๋นซิ่วชิงกลอกตา แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยนางระบายความโกรธ แต่นางก็ต้องช่วยจนถึงที่สุด
ทว่าอีเหรินมองไปที่ผูเว่ยชางและกลัวว่าเขาจะรังเกียจเพราะโรคที่นางเป็น…
แน่นอนว่าอวิ๋นซิ่วชิงเห็นแววตาที่นางมองผูเว่ยชาง แต่นางไม่นึกโกรธเลยแม้แต่น้อย เพราะในแววตาของอีเหรินไม่มีความปรารถนาในเชิงพิศวาสเหมือนมู่เชียนเชียนและหลี่ฟู่หลาน
“ไม่ต้องกลัว ข้ามีอีกที่หนึ่งใกล้กับร้านของข้า เจ้าสะดวกมาที่ร้านข้าทุกวันก็ได้ ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าลำบากใจก็ทำงานให้ข้าหน่อย” อวิ๋นซิ่วชิงตัดสินใจแทนนาง
หญิงสาวพยักหน้าด้วยดวงตาสีแดงก่ำเพราะความซาบซึ้ง ชีวิตนี้นางคงไม่สามารถตอบแทนความเมตตาของอวิ๋นซิ่วชิงได้ทั้งหมด
จากนั้นทั้งสามคนก็หันหลังกลับและออกจากซ่องชุนโหลว
ก่อนหน้านี้ผูเว่ยชางไม่ได้ใช้รถม้าเพื่อมาที่นี่ ดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงต้องเดินไปในขากลับ
ระหว่างทาง อวิ๋นซิ่วชิงก็นึกสงสัยขึ้นมา “ผูเว่ยชาง เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่ที่ซ่องชุนโหลว?”
ใบหน้าของผูเว่ยชางแข็งทื่อ เขาออกมาอย่างรีบร้อนโดยไม่คาดคิดว่าจะมีคำถามนี้ แต่ในไม่ช้าเขาก็คิดคำแก้ตัวได้ “ตอนที่ข้าไปรับเจ้าที่โรงหมอ เหยียนเกอบอกข้าน่ะ”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าเพราะคิดว่าเหยียนเกอบอกจริง ๆ
“ชิงเหนียง เจ้าเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาจากไหน?”
ผูเว่ยชางอยากจะถามคำถามนี้นานแล้ว เมื่อเขาเข้าไปในซ่องชุนโหลว เขาเห็นอวิ๋นซิ่วชิงในชุดสีแดงตั้งแต่แรกเห็น แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะดูดีในชุดสีแดง แต่เขาก็ไม่ชอบให้คนอื่นมองนาง ดังนั้นเขาจึงได้แต่เก็บอาการไม่พอใจนี้ไว้
“ข้าได้มาจากเหยียนเกอ” อวิ๋นซิ่วชิงตอบไปตามตรง
ผูเว่ยชางจึงคิดว่าถึงเวลาต้องจัดการเหยียนเกอตัวแสบแล้ว เขาจึงกล่าวออกมาว่า “ไปโรงหมอกันก่อนเถอะ!!”
“อืม” อวิ๋นซิ่วชิงตอบรับ ตอนนี้นางเพิ่งสังเกตเห็นว่าผู้คนบนถนนต่างมองมาที่นางราวกับว่านางเป็นลิงหรือตัวประหลาดอะไรสักอย่าง
เมื่อทั้งสามมาถึงโรงหมอก็พบว่าที่นี่นั้นเงียบมาก จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็พาพวกเขาไปยังห้องที่เหยียนเกอพักอยู่
เหยียนเกอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้โยกเพื่อย่อยอาหาร ทันใดนั้นก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงประตูถูกผลักเปิดออก
ใครกันช่างไม่รู้จักมารยาท!
ครั้นเหยียนเกอเงยหน้าขึ้นก็เห็นผูเว่ยชางเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดมน
อวิ๋นซิ่วชิงโบกมือขอโทษ เดิมทีนางอยากจะเคาะประตู แต่ก่อนที่นางจะได้ยกมือขึ้นเคาะ ผูเว่ยชางก็ผลักประตูเปิดออกแล้ว
เมื่อสังเกตเห็นบรรยากาศแปลก ๆ ในห้อง อวิ๋นซิ่วชิงก็กระแอมไอและพูดว่า “พวกเจ้าคุยกันเองนะ ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“ให้ข้าช่วยเจ้านะ” อีเหรินอายเกินกว่าจะอยู่ในห้องเดียวกันกับชายสองคน นางจึงเดินตามอวิ๋นซิ่วชิงเข้าไปในห้องด้านใน
…
บทที่ 494 สองมาตรฐาน
แม้ว่าใบหน้าของผูเว่ยชางจะมืดมน แต่เหยียนเกอก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น
“มีความสุขมากนักหรือ?” ผูเว่ยชางถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
“ข้ามีความสุขมาก!”
“เหยียนเกอ อย่าคิดว่าเจ้าสามารถทดสอบข้ากับชิงเหนียงได้” ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนี้ยังมีประโยชน์กับอวิ๋นซิ่วชิง เขาคงจัดการอีกฝ่ายไปแล้ว
ทันใดนั้นเหยียนเกอก็รู้สึกเย็นยะเยือกที่สันหลัง ผูเว่ยชางคนนี้ไร้ยางอายและมักจะขู่เขาแบบนี้ แต่ถามว่าพอรู้แบบนี้แล้วเขาจะกลัวหรือไม่?
คำตอบก็คือไม่!
ทันใดนั้น อวิ๋นซิ่วชิงซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้องด้านใน
ครั้นนางเห็นทั้งสองขมวดคิ้วจ้องหน้ากัน นางก็ถามด้วยความสับสน “เจ้าสองคนเป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร” เหยียนเกอตอบแบบเป็นกันเอง แต่จริง ๆ แล้ว เขากำลังคิดว่าหลังจากนี้จะตามติดอวิ๋นซิ่วชิงอย่างไรต่อไปดี
เขาต้องการเห็นผูเว่ยชางเป็นบ้า
ทว่าผูเว่ยชางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาจึงหันไปหาอวิ๋นซิ่วชิงแล้วถามว่า “ชิงเหนียง เจ้าทานข้าวเที่ยงหรือยัง?”
เมื่อพูดถึงการกิน ท้องของอวิ๋นซิ่วชิงก็ส่งเสียงดังทันที
อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ยังเลย ไปหาร้านอาหารใกล้ ๆ กันดีกว่า พ่อและคนอื่น ๆ ที่นั่นคงจะพักผ่อนกันแล้ว จะได้ไม่ต้องไปรบกวนพวกเขา”
ผูเว่ยชางจึงพยักหน้าและกลับออกไปพร้อมกับอวิ๋นซิ่วชิงและอีเหรินทันที
อวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชาง และอีเหรินไปที่ร้านอาหาร และหลังอาหารพวกเขาก็แวะไปยังบ้านที่เพิ่งซื้อใหม่
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงกำลังจะกลับไปที่ร้านของนางก็พบว่าเป็นเวลาค่ำแล้ว นางวางแผนที่จะพาอีเหรินกลับไปที่ร้านเพื่อทานอาหารเย็น แต่อีเหรินปฏิเสธที่จะมา สุดท้ายนางจึงต้องกลับไปที่ร้านคนเดียว
ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงเดินจากประตูหลังบ้านไปที่สวนหลังร้าน นางก็ได้ยินเสียงโหยหวนของผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมาจากร้าน
“ตอนนี้มีคนมาซื้อผักหรือเปล่า?” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกสับสน เพราะปกติเวลานี้ไม่น่าจะมีลูกค้ามาอีก
อวิ๋นซิ่วชิงเดินเข้าไปในร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทันทีที่เขาเข้าไปในร้าน เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้และคุยกับพ่อเฒ่าอวิ๋น โดยที่ด้านข้างผู้หญิงคนนั้นคือหลี่ฟู่หลาน ส่วนชุ่ยยี่ก็จัดวางสินค้าอยู่ในร้าน ในขณะที่เสี่ยวเฮยกำลังกวาดพื้น
คราวนี้อวิ๋นซิ่วชิงสับสนมากยิ่งขึ้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“ชิงเหนียง เจ้ากลับมาแล้ว! เข้ามาสิ” พ่อเฒ่าอวิ๋นหันกลับมาเห็นอวิ๋นซิ่วชิงยืนอยู่ที่ประตูหลังร้านพอดี
หลี่ฟู่หลานมองไปในทิศทางที่พ่อเฒ่าอวิ๋นจ้องมองและเผยสีหน้าเหยียดหยาม
คราวนี้หลี่ฟู่หลานได้โอกาสแล้วจริง ๆ นางฉวยโอกาสที่มู่เชียนเชียนชอบผูเว่ยชาง ทำให้ตัวเองกลายเป็นสาวใช้ส่วนตัวของมู่เชียนเชียนได้แล้ว ตอนนี้นางได้รับเงินเดือนจำนวนมากกว่าเดิม หลังจากนั้นเมื่อนางออกจากตระกูลมู่ นางก็สามารถเปิดร้านแข่งกับอวิ๋นซิ่วชิงได้เช่นกัน
อวิ๋นซิ่วชิงรีบเดินไปหาพ่อของนางและถามอย่างสับสน “ท่านพ่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
หญิงชราที่อยู่อีกด้านหนึ่งยืนขึ้นและยิ้มออกมา “ข้าเป็นแม่นมของคุณหนูมู่ คุณหนูของข้ารู้ว่าคุณชายผูช่วยชีวิตคุณหนูไว้ จึงได้ขอให้ข้านำของขวัญมาแสดงความขอบคุณแก่คุณชายผู”
ทันใดนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็เห็นของขวัญบนโต๊ะที่อยู่ข้าง ๆ นาง
เห็นได้ชัดว่ามู่เชียนเชียนมองข้ามนางอย่างชัดเจน ทั้งที่นางก็ได้เข้าไปช่วยชีวิตมู่เชียนเชียนด้วย แต่อีกฝ่ายกลับขอบคุณแค่ผูเว่ยชางเพียงคนเดียว
คงหลงใหลเขามากสินะ นี่มันสองมาตรฐานชัด ๆ!
“เนื่องจากของขวัญนี้มีไว้ให้ผูเว่ยชาง เช่นนั้นก็คงต้องรอให้เขามารับมันไปเอง” อวิ๋นซิ่วชิงพูดจบก็ประคองพ่อของนางขึ้นมาและพากันเดินเข้าไปในห้อง
“อวิ๋นซิ่วชิง นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?!” เมื่อเห็นสีหน้าและคำพูดที่เย่อหยิ่งของอวิ๋นซิ่วชิง หลี่ฟู่หลานก็ถึงกับโกรธจัด