ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 41 แก้ไขความเข้าใจผิด
บทที่ 41 แก้ไขความเข้าใจผิด
“อาชิง เจ้าเข้ามาก่อน ข้าว่าเดี๋ยวสามีข้าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้แล้วล่ะ” นางจ้าวเอ่ยแล้วเปิดประตูรับอวิ๋นซิ่วชิง
อวิ๋นซิ่วชิงเดินตามนางจ้าวเข้าไปและเห็นว่าเสี่ยวรุ่ยกำลังกินข้าวอยู่
เมื่อเห็นอวิ๋นซิ่วชิงมองลูกชายของนาง นางจ้าวก็แนะนำลูกชายด้วยรอยยิ้ม “อาชิง นี่คือลูกชายของข้า เสี่ยวรุ่ย”
“ข้ารู้จัก เขาชื่อเสี่ยวรุ่ย” อวิ๋นซิ่วชิงเหลือบมองเสี่ยวรุ่ย
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจับผิดอะไรบางอย่างจากอวิ๋นซิ่วชิง นางจ้าวก็คิดได้ว่าลูกชายของนางอาจไปสร้างปัญหาอะไรไว้ข้างนอก จึงรีบดึงหูลูกชายของนางข้างหนึ่ง “เสี่ยวรุ่ย! เจ้าไปก่อเรื่องอะไรข้างนอกมาใช่ไหม?!”
เสี่ยวรุ่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “ท่านแม่!! ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลย! ปล่อยข้า!!!”
“ป้าจ้าว ท่านอย่าตีเสี่ยวรุ่ยเลย เขายังเด็กอยู่” อวิ๋นซิ่วชิงยิ้มและมองดูสีหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของเสี่ยวรุ่ย ทว่าแม้นางจะเอ่ยปากห้าม แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดนางจ้าว
เมื่อนางจ้าวได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งลงมือเฆี่ยนตีแรงขึ้น กระทั่งนางตีจนพอใจแล้ว จึงไล่เสี่ยวรุ่ยออกไปข้างนอก “อาชิง เสี่ยวรุ่ยเป็นลูกชายคนเดียวของข้าและผู้ใหญ่บ้าน ก็เลยจะมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองสักหน่อย เจ้าอย่าถือสาเขาเลยนะ”
“ข้าจะไปถือสาหาความกับเด็กได้อย่างไร?” อวิ๋นซิ่วชิงพูดยิ้ม ๆ “ป้าจ้าว วันนี้ข้ามีเรื่องที่จะบอกท่าน”
นางจ้าวนั่งลงตรงหน้าอวิ๋นซิ่วชิงด้วยความสับสน “เจ้าไม่ได้มาหาสามีข้าหรือ?”
“ตอนแรกก็ว่าจะมาพบผู้ใหญ่บ้าน แต่เรื่องนี้ข้าก็พูดกับป้าจ้าวได้เหมือนกัน” อวิ๋นซิ่วชิงเอ่ยเสียงขรึม
นางจ้าวเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายก็รีบถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
อวิ๋นซิ่วชิงถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า “ใช่ ตอนนี้ในหมู่บ้านมีข่าวลือว่าข้าคบชู้กับสามีท่าน จริง ๆ ข้าก็ไม่ได้สนใจ เพราะผู้หญิงอย่างข้าก็ไม่มีใครต้องการอยู่แล้ว ดังนั้นข่าวลือนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องเหลวไหลใช่หรือไม่? ทว่าผู้ใหญ่บ้านกับป้าจ้าวก็ยังรักกันดี ข่าวลือแบบนั้นจะทำให้พวกท่านเสียหาย และมันจะทำลายความสัมพันธ์ของท่านทั้งสอง ดังนั้นข้าจึงปล่อยไว้ไม่ได้ จนต้องมาพบพวกท่านในวันนี้”
อวิ๋นซิ่วชิงบอกป้าจ้าวเกี่ยวกับข่าวลือในหมู่บ้าน เพราะนางไม่อยากให้ผู้ใหญ่บ้านและภรรยาเดือดร้อน…
ข่าวลือนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่หากปล่อยเอาไว้โดยไม่มีการแก้ต่างอะไรเลย ชาวบ้านก็จะเชื่ออย่างสนิทใจว่าเป็นเรื่องจริง ต่อให้นางจะมาแก้ต่างทีหลังก็ตาม และนางก็อาจไม่มีที่ยืนในหมู่บ้านแห่งนี้
“อะไรนะ! มีข่าวลือต่ำช้าแบบนั้นหรือ?!” ป้าจ้าวโกรธมากทันทีที่รู้เรื่อง
อวิ๋นซิ่วชิงยิ้มแบบบิดเบี้ยว ทั้งที่นางไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลยแท้ ๆ ทว่าปัญหากลับวิ่งเข้ามาหานางตลอดเวลา “ข้าเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ รู้จากปากของเสี่ยวรุ่ย”
นางจ้าวมองเสี่ยวรุ่ยที่กำลังเล่นอยู่นอกสนามด้วยความตกใจ “เสี่ยวรุ่ยหรือ?”
“ใช่ค่ะป้าจ้าว ท่านก็รู้ว่าตระกูลอวิ๋นของข้าแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ก่อนหน้านั้นก็มีแม่ลูกตระกูลหลู่พยายามปรักปรำข้า โชคดีที่ผู้เฒ่าอาวุโสประจำหมู่บ้านให้ความยุติธรรมกับข้า แต่ต่อมาก็กลับกลายเป็นว่ามีข่าวลือเช่นนี้…”
อวิ๋นซิ่วชิงอธิบายเรื่องนี้กับครอบครัวผู้ใหญ่บ้าน เพราะทันทีที่ได้ยินข่าวลือนี้ออกมา นางก็สงสัยว่าแม่ลูกตระกูลหลู่ต้องเป็นคนปล่อยข่าวลือเสียหายนี้ใส่นางแน่นอน เพราะในหมู่บ้านแห่งนี้คนที่เกลียดนางและตระกูลอวิ๋นที่สุดก็คือพวกเขา
นางจ้าวหน้าแดงด้วยความโกรธ นางไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องต่ำช้าเช่นนี้จะเกิดขึ้น สามีของนางทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลหมู่บ้านมาตลอดหลายปี แต่กลับต้องมาถูกใส่ร้ายให้เสียชื่อเสียงแบบนี้
“ป้าจ้าว อันที่จริงคนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องนี้คือเสี่ยวรุ่ย วันนี้เสี่ยวรุ่ยมองมาที่ข้าแล้วร้องไห้ ข้าถามอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเขาไปได้ยินข่าวลือต่ำทรามเช่นนี้ และเรื่องนี้ทำร้ายจิตใจเสี่ยวรุ่ยมาก”
ส่วนหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ก็คือการที่เด็กไร้เดียงสาต้องมาเจอกับเรื่องโกหกเหลวไหลที่ใส่ร้ายพ่อตัวเอง
นางจ้าวตบไหล่อวิ๋นซิ่วชิง “อาชิง เจ้าไม่ต้องกังวลนะ เมื่อสามีข้ากลับมา ข้าจะบอกเรื่องนี้กับเขา และให้เขาช่วยจัดการให้”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า นางจ้าวเห็นว่าหญิงสาวเป็นคนจิตใจดี ไม่ได้เลวทรามต่ำช้าแบบที่พวกชาวบ้านนินทากัน
และเมื่อนางได้พูดคุยกับอวิ๋นซิ่วชิงเพียงเล็กน้อย ก็รู้ว่าอีกฝ่ายแทบไม่มีของกิน นางจึงเอากะหล่ำปลีมามอบให้อวิ๋นซิ่วชิง
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงออกจากบ้านของผู้ใหญ่บ้าน ในอ้อมแขนของนางมีกะหล่ำปลีเล็ก ๆ อยู่
หญิงสาวไม่คิดว่าจะได้ผักกลับไปมากมายเช่นนี้ เมื่อคิดแล้วนางก็ยิ่งอารมณ์ดี จึงฮัมเพลงตลอดการเดินทางกลับบ้าน