ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 36 ตัวตนของนางคือใครกันแน่?
บทที่ 36 ตัวตนของนางคือใครกันแน่?
ผูเว่ยชางนั่งลงบนเก้าอี้มองไปยังกระดาษที่เขียนข้อมูลของอวิ๋นซิ่วชิง
เรื่องราวปูมหลังแต่กำเนิดของนางจนถึงปัจจุบันถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน
ปีนี้อวิ๋นซิ่วชิงอายุยี่สิบเอ็ดปี ช่วงชีวิตของนางก่อนหน้านั้นไม่ได้มีเรื่องราวใด ๆ เป็นพิเศษ นางมักจะอยู่แต่ในคฤหาสน์และมีชีวิตที่สุขสบายเฉกเช่นเดียวกับบุตรสาวคนโตจากตระกูลที่ร่ำรวยทั่วไป แต่ก็มักจะโดนดูถูกเหยียดหยามอยู่เสมอเพราะความด้อยในรูปลักษณ์ที่นางเป็นอยู่
จะมีความแตกต่างเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ เมื่อตอนอายุสิบแปดปี อวิ๋นซิ่วชิงเริ่มเข้าสู่วัยที่สมควรออกเรือน มีผู้ชายมากมายถูกแนะนำให้นางรู้จัก
ทว่าผู้ชายเหล่านั้นไม่ชอบอวิ๋นซิ่วชิงเพราะนางทั้งอ้วนฉุและอัปลักษณ์ จนกระทั่งนางอายุยี่สิบเอ็ดปี จึงเท่ากับเป็นผู้หญิงขึ้นคานที่ไม่มีใครต้องการ
ด้วยความอัปยศอดสู อวิ๋นซิ่วชิงจึงกระโดดลงแม่น้ำเพื่อฆ่าตัวตาย
แม้นางจะเป็นผู้หญิงอ้วน แต่ก็เป็นคนที่เขารู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้ ทว่าเหตุใดกลับไม่มีใครต้องการ?
หลังจากอวิ๋นซิ่วชิงฟื้นจากการพยายามกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ดูเหมือนว่านางจะเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
เพราะแต่เดิมที่หญิงสาวมักจะขี้ขลาดอยู่เสมอ บัดนี้กลับกล้าพอที่จะทุบตีพี่ชาย พี่สะใภ้ และแม่ของนางเอง รวมถึงกล้าสู้กับคนที่พยายามจะให้ร้ายรังแกนางอีกด้วย
ผูเว่ยชางขมวดคิ้ว เขาไม่สงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เลย อวิ๋นซิ่วชิงออกจากประตูนรกมาระยะหนึ่งแล้ว และตระกูลอวิ๋นของนางเองก็พบเจอกับมรสุมชีวิตอย่างใหญ่หลวง ทั้งปัญหาการเงินที่ลูกชายตระกูลอวิ๋นอย่าง อวิ๋นหมิงเซียว ได้ล้างผลาญเงินไปกับการพนัน และเมื่อฐานะของตระกูลเปลี่ยนไป ผู้คนที่เคยนอบน้อมต่อตระกูลอวิ๋นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงท่าทีเป็นดูถูกเหยียดหยาม
ประกอบกับความเก็บกดที่ถูกกดขี่ข่มเหงมาตลอดชีวิตยี่สิบเอ็ดปีของนาง มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อวิ๋นซิ่วชิงผู้เคยขี้ขลาดกลายเป็นคนสติแตกได้
ผูเว่ยชางยกมือขึ้นนวดคิ้ว ก่อนจะมอบซองกระดาษคืนให้ต้าเหนียนชุ่ยยี่
“แต่ปูมหลังที่พวกเจ้าไปสืบมา อวิ๋นซิ่วชิงไม่น่าจะเข้าใจทักษะทางการแพทย์ได้…”
ผูเว่ยชางกล่าว เมื่อตัวเขาเคยไปรบกับพวกเมียวเจียง เขาถูกพวกมันวางยาพิษทั้งเจ็ดชนิด นั่นทำให้ชายหนุ่มมีความทรมานยิ่งนัก และจำเป็นต้องแก้พิษทั้งเจ็ดเหล่านั้นเพื่อความอยู่รอด ซึ่งหากแก้เพียงชนิดเดียว ตัวเขาก็อาจตายได้
ผูเว่ยชางพยายามตามหาหมอที่มีชื่อเสียงเพื่อล้างพิษ เขายังเคยพบกับหมอเทวดาแห่งหุบเขาทางการแพทย์มาแล้ว แต่กลับได้ความเพียงว่า พิษทั้งเจ็ดชนิดที่ชายหนุ่มรับเข้าไปนั้นทำได้เพียงบรรเทาเท่านั้น แต่ไม่สามารถล้างได้ และไม่อาจรู้ได้ว่าตัวเขาจะมีอายุยาวนานเท่าใด?
ปีนี้ชายหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีแล้ว สหายของเขาหลายคนต่างพากันแต่งงานและมีลูกสืบสกุลกันถ้วนหน้า มีเพียงเขาเท่านั้นที่ยังคงโสดสนิทมาตลอด
แม้ว่ายามค่ำคืนจะรู้สึกเหงาอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังคงไม่กล้าแต่งงานเมื่อคิดถึงผลกระทบจากพิษที่ไม่มีวันล้างได้ ดังนั้นจึงเลือกที่จะครองตัวโสดมาตลอด เพื่อที่เวลาตายไปจะได้ไม่ต้องมีห่วงอันใดอีก
ทว่าผูเว่ยชางก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้พบกับอวิ๋นซิ่วชิง
เขาไม่รู้ว่านางทำได้อย่างไร นางสามารถล้างพิษที่ทรมานร่างกายเขามาหลายปีแล้ว และนั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขมาก
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็สงสัยว่าอวิ๋นซิ่วชิงเป็นใครกันแน่?
“นายท่าน บรรพบุรุษตระกูลอวิ๋นทำธุรกิจค้าขายสมุนไพรและวัตถุดิบสำหรับปรุงยา พวกเขาอาจจะมียาดีอยู่แน่ ๆ” ต้าเหนียนชุ่ยยี่กล่าวรายงานเสียงเรียบ
ผูเว่ยชางลืมตาขึ้นและเหลือบมองอีกฝ่าย “ชุ่ยยี่ ถ้าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอะไรเมื่ออวิ๋นซิ่วชิงให้ยาแก้พิษกับข้า?”
ต้าเหนียนชุ่ยยี่คิดว่านายของเขาสงสัยในความจริงใจของตัวเอง จึงรีบอธิบาย “นายท่าน วันนั้นข้าก็เห็นว่าอาการของท่านเกิดการกำเริบจากพิษ ข้าเองก็ต้องการจะเข้าไปช่วยท่าน แต่อวิ๋นซิ่วชิงอยู่ข้าง ๆ ท่าน ท่านไม่ให้ข้าปรากฏตัว ข้าจึงต้องรีบกลับมาเอายา แต่เมื่อย้อนกลับไปถึง ท่านก็ฟื้นแล้ว”
“แต่อย่างไรก็ตาม พิษของข้าได้ถูกล้างจนหมดแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็ไม่ใช่คนที่น่าสงสัยอีกต่อไป นับเป็นเรื่องดี”
ผูเว่ยชางพยักหน้าอย่างไร้ความรู้สึก จากนั้นก็ถามต่อว่า “แล้วมีอะไรเกิดขึ้นในเมืองหลวงอีกไหม?”
ต้าเหนียนชุ่ยยี่รายงานกับผูเว่ยชางทันที “ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในเมืองหลวงตอนนี้”
ผูเว่ยชางมองดูท้องฟ้าสีครามนอกลานบ้าน ” ไม่เป็นไร หากไม่มีการเคลื่อนไหว”
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงแยกจากผูเว่ยชาง เมื่อนางกลับถึงคฤหาสน์ เฒ่าอวิ๋นกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงและคิดอะไรบางอย่างอยู่
อวิ๋นซิ่วชิงเดินขึ้นไปหาเฒ่าอวิ๋น และถามด้วยเสียงต่ำว่า ” ท่านพ่อ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?”
เฒ่าอวิ๋นตื่นจากภวังค์ และมองไปที่อวิ๋นซิ่วชิง “นางจางไปไหนแล้ว?”
“ข้าสั่งสอนนางไปแล้ว ท่านพ่อ ผู้คนมาที่บ้านของเราเพื่อด่าว่าใส่ร้ายท่าน แต่ทำไมท่านไม่โต้กลับบ้างล่ะ?”
เมื่อเฒ่าอวิ๋นถามถึงนางจาง มันทำให้อวิ๋นซิ่วชิงนึกถึงภาพที่นางจางชี้นิ้วไปที่เฒ่าอวิ๋นและด่าว่าเขาที่ห้องโถง