ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 329+330 นักฆ่ามาเป็นคนงานในร้านขายผัก / ซื้อเนื้อหมู
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 329+330 นักฆ่ามาเป็นคนงานในร้านขายผัก / ซื้อเนื้อหมู
บทที่ 329 นักฆ่ามาเป็นคนงานในร้านขายผัก
อวิ๋นซิ่วชิงยิ้มพลางลูบหัวเสี่ยวเฮย เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เด็กน้อยก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับใบรับสมัครที่ประตู
ต้าเหนียนชุ่ยยี่ หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากผูเว่ยชาง เขาก็ซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและเริ่มฝึกแสดงท่าทาง
สีหน้าของเขาแข็งทื่อ นักฆ่าหนุ่มไม่ได้ยิ้มมาหลายปีแล้ว แต่เขาพยายามที่จะฉีกปากของตัวเองให้เป็นรอยยิ้ม
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเอาชนะใจอวิ๋นซิ่วชิง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคของเขา!
ทันทีที่เขาเข้าไปในร้าน เขาก็ถอดรายชื่อรับสมัครที่ติดอยู่ที่ประตูออก และเดินเข้าไปในร้านด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
อวิ๋นซิ่วชิงเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “เจ้ากำลังมองหางานอยู่หรือ?”
ต้าเหนียนชุ่ยยี่พยักหน้า “ใช่”
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้ว คำตอบของชายหนุ่มนั้นฟังดูดุดันและไร้ความรู้สึก หากมีลูกค้าเข้าร้าน พวกเขาคงตกใจกับสีหน้าของชายหนุ่มคนนี้
อวิ๋นซิ่วชิงไม่มีความประทับใจที่ดีกับต้าเหนียนชุ่ยยี่ แต่ก็ยังคงถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
“ชุ่ยยี่” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินชื่อ อวิ๋นซิ่วชิงก็อดหัวเราะไม่ได้ “น้องชายของเจ้าชื่อชุ่ยเอ้อหรือเปล่า?”
ชุ่ยยี่พยักหน้าอย่างจริงใจ เช่นเดียวกับเขา พี่น้องที่ติดตามผูเว่ยชางล้วนถูกจัดวางในลักษณะนี้ เขาเป็นคนแรกที่เจ้านายตั้งชื่อให้
อวิ๋นซิ่วชิงคิดว่าชุ่ยยี่น่าสนใจ แม้ว่านางจะไม่ประทับใจในคราแรก แต่เขาก็ดูซื่อสัตย์และมีอารมณ์ขัน
ยิ่งไปกว่านั้น ชุ่ยยี่มีไหล่กว้างและมีความแข็งแกร่ง ดังนั้นนางจึงพยักหน้าอย่างพอใจ
ต้าเหนียนชุ่ยยี่ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดาย เขายังจำบทจากชุ่ยเอ้อเกี่ยวกับการแสดงได้ และเขายังไม่ทันได้ใช้บทละครรักที่ว่าครอบครัวของเขาแตกสลายและไร้ที่อยู่อาศัย ไม่สามารถมีอาหารเพียงพอและต้องการเพียงแค่เลี้ยงชีพ ซึ่งนั่นทำให้เขาท่องบทมาเป็นเวลานาน
ไม่เพียงแต่ต้าเหนียนชุ่ยยี่เท่านั้นที่แปลกใจ แม้แต่ผูเว่ยชางเองก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้จะจบลงโดยง่าย
หลังจากลงนามในข้อตกลง อวิ๋นซิ่วชิงก็ให้เงินแก่ชุ่ยยี่ โดยขอให้เขาซื้อเสื้อผ้าและอาศัยอยู่ในห้องรับแขกชั้นบน
หลังจากต้าเหนียนชุ่ยยี่ไปแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็หันมองผูเว่ยชางอย่างสับสน “มีอะไรหรือ?”
“ชิงเหนียง ทำไมเจ้าถึงชอบเขาล่ะ?” ผูเว่ยชางทั้งสับสนและสงสัย
“เป็นเพราะชุ่ยยี่เป็นคนดี แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่ค่อยแสดงออกและไม่ค่อยพูด แต่เราไม่ได้ต้องการคนพูดมาก เราต้องการคนทำงาน และชุ่ยยี่มีร่างกายแข็งแรง เราสามารถใช้เขายกของได้” อวิ๋นซิ่วชิงอธิบาย
ผูเว่ยชางพยักหน้า ปรากฏว่าอวิ๋นซิ่วชิงชอบคนพูดน้อยแต่ทำเยอะ ดูเหมือนว่าทั้งสองจุดนี้ก็ตรงกับตัวเขาด้วย
เสี่ยวเฮยซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเขากะพริบตามอง พี่สาวชอบคนพูดน้อยและมีความสามารถ ดูเหมือนเขาเองก็จะต้องพูดให้น้อยลงและทำงานให้มากขึ้น เพื่อให้พี่สาวชอบเขา
ต้าเหนียนชุ่ยยี่นั้นรวดเร็วมาก เมื่อผูเว่ยชาง อวิ๋นซิ่วชิง และเสี่ยวเฮยไปซื้อของ เขาก็ได้แอบติดตามไปที่มุมถนน เขาคุ้นเคยกับวิธีการซื้อของเป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น เงินที่อวิ๋นซิ่วชิงให้มาก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นเขาจะคืนเงินทันทีที่ซื้อของมาครบ…
หลังจากกลับมาที่ร้าน อวิ๋นซิ่วชิงและเสี่ยวเฮยช่วยกันทำความสะอาดห้อง จากนั้นผู้คนก็เริ่มทยอยมาซื้อผัก
ต้าเหนียนชุ่ยยี่เพิ่มผักลงในชั้นวางอย่างมีสติ และช่วยผูเว่ยชางชั่งน้ำหนักผัก ก่อนที่ผูเว่ยชางจะกลับไปทำบัญชี
ในท้ายที่สุด อวิ๋นซิ่วชิงก็ไม่มีงานอะไรให้ทำต่อ
หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปที่ประตูกับเสี่ยวเฮยเพื่อทักทายลูกค้า แต่เสี่ยวเฮยทำมันคนเดียว และนางก็ไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ
เมื่อทำอะไรไม่ถูก นางจึงไปที่ครัวในสวนหลังบ้านเพื่อเตรียมอาหารเย็นให้ทุกคน
อวิ๋นซิ่วชิงคิดว่าเนื่องจากทุกคนในร้านของพวกเขาอยู่ที่นี่ นางจึงคิดอยากจะออกไปซื้อเนื้อและสุรา
นางจึงบอกผูเว่ยชางและรีบออกไป
…
บทที่ 330 ซื้อเนื้อหมู
อวิ๋นซิ่วชิงพบร้านขายหมูในตรอกนี้ นางซื้อเนื้อหนึ่งจินครึ่ง*[1] และแฮมขนาดใหญ่ นางกำลังคิดจะทำขาหมูหมัก และซื้อขาหมูเพิ่มด้วย
เจ้าของร้านหมูดีใจมากที่ได้พบกับลูกค้ารายใหญ่ในวันนี้
อวิ๋นซิ่วชิงซื้อเนื้อมามาก เมื่อนางกำลังจะกลับ ก็เห็นเจ้าของร้านโยนไส้หมูทิ้งไป
ไส้หมูนั้นอร่อยมาก นางเผลอเลียน้ำลายมุมปาก แล้วถามเจ้าของร้านว่า “เถ้าแก่ ไส้หมูราคาเท่าไหร่?”
“นี่หรือ?” เจ้าของร้านพูดพร้อมขมวดคิ้วชี้ไปยังไส้หมูที่โยนทิ้งไป
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าไม่หยุด “ใช่ ราคาเท่าไหร่?”
“ข้าไม่ขายมัน” เจ้าของร้านส่ายหัว เขาจะกินอาหารที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ทำไมท่านไม่ขายมันล่ะ ราคาเท่าไหร่ ข้าจะซื้อมัน!” อวิ๋นซิ่วชิงกังวลใจเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการขายมัน
“แม่นาง ข้าจะไม่โกหกเจ้า ข้ากินไม่ลงจริง ๆ กลิ่นมันเหม็นมาก มันมีกลิ่นมูลหมู” เจ้าของร้านพูดกับอวิ๋นซิ่วชิงอย่างจริงจัง
“แต่ข้าต้องการซื้อมัน ไส้หมูนี้ราคาเท่าไหร่?” แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะพูดอะไรออกไป แต่อีกฝ่ายก็ไม่เชื่อ
“ข้าจะรับเงินของเจ้าได้อย่างไร?! นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจะทิ้ง เจ้าสามารถเอามันไปได้เลยถ้าเจ้าต้องการ!” เจ้าของร้านตะโกนออกมา เขาไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้เลยจริง ๆ!
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก” อวิ๋นซิ่วชิงนำไส้หมูใส่ลงตะกร้าอย่างมีความสุข
ในขณะที่เจ้าของร้านรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้น นางไม่เพียงต้องการซื้อสิ่งนี้ แต่ยังเอาสิ่งที่เขาโยนทิ้งไปด้วย
เขารู้สึกเสียใจมากจึงแถมหางหมูอีกชิ้นให้อวิ๋นซิ่วชิง
หญิงสาวมีความสุขมากที่ได้หางหมูมาด้วย ซึ่งมันสามารถนำมาทำเป็นอาหารว่างสำหรับเสี่ยวเฮยได้
ระหว่างทางกลับไปที่ร้าน อวิ๋นซิ่วชิงซื้อไก่และคิดจะทำน้ำแกงไก่ในหม้อ
นางกลับไปที่ร้านพร้อมกับตะกร้าใส่ของ มีคนมากมายมาซื้อของที่ร้าน นางจึงเบียดเสียดฝูงชนไปที่สวนหลังบ้าน
อวิ๋นซิ่วชิงทำความสะอาดเนื้อ เท้าหมู ไส้หมู และหางหมูอย่างเรียบร้อย
เมื่อฟ้ามืด ร้านของนางก็ปิด
ผูเว่ยชางปิดประตูร้าน ส่วนต้าเหนียนชุ่ยยี่และเสี่ยวเฮยทำความสะอาดร้าน
ชายหนุ่มไปที่สวนหลังบ้านเพื่อดูว่าตัวเองจะสามารถช่วยอวิ๋นซิ่วชิงทำอะไรได้บ้าง
หญิงสาวได้เตรียมอาหารอร่อยไว้แล้วหลายจาน เมื่อผูเว่ยชางมาถึง นางก็ทำเสร็จแล้วทั้งหมด แค่ขอให้เขาช่วยยกจานเท่านั้น
ผูเว่ยชางช่วยนางยกถาดอาหารมาวางที่โต๊ะ
ในเวลานี้ ต้าเหนียนชุ่ยยี่และเสี่ยวเฮยได้ทำความสะอาดร้านเสร็จแล้ว
หลังจากที่ทั้งสี่คนนั่งลงที่โต๊ะ ผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิงก็หยิบตะเกียบขึ้นมา คนที่เหลือจึงเริ่มทานอาหาร
ทั้งสองคนตระหนักในสถานะของตัวเองอย่างดี ไม่ว่าเจ้านายทั้งสองจะดีต่อพวกเขาแค่ไหน พวกเขาก็ยังเป็นเพียงคนรับใช้เท่านั้น
“วันนี้ ข้าคิดว่าเจ้าสามคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ข้าจึงตัดสินใจไปโรงหมอในเช้าวันพรุ่งนี้และเริ่มที่จะเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากเหยียนเกอ ดังนั้น ข้าขอขอบคุณทั้งสามคนมากนะ” อวิ๋นซิ่วชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“พี่สาว ไม่ต้องกังวล เราจะเฝ้าร้านให้ท่านเอง” เสี่ยวเฮยตอบรับอย่างเชื่อฟัง
“เด็กดี” อวิ๋นซิ่วชิงยิ้มและบีบใบหน้าของเสี่ยวเฮย จากนั้นพวกเขาก็ชนแก้วกัน
หลังจากมื้ออาหารเย็น พวกเขาก็เก็บโต๊ะและกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
ก่อนที่จะกลับห้องไป อวิ๋นซิ่วชิงได้ให้หางหมูที่ทำมาอย่างดีแก่เสี่ยวเฮย และพูดว่า “เสี่ยวเฮย ข้าทำมาเพื่อเจ้า ถ้าตอนกลางคืนเจ้าหิวก็เอาไปกิน”
เสี่ยวเฮยพยักหน้าด้วยดวงตาสีแดงก่ำ “พี่สาว ท่านใจดีมากเหลือเกิน”
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะและลูบหัวของเสี่ยวเฮย “นี่มันดึกแล้วนะ กลับห้องไปนอนซะ”
เสี่ยวเฮยพยักหน้าและกลับไปที่ห้อง
วันนี้อวิ๋นซิ่วชิงไม่เหนื่อยเกินไป หลังจากกลับมาที่ห้องของนาง นางเป่าเทียนออก รอสักครู่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาเคาะประตู จากนั้นจึงเข้าไปในพื้นที่มิติส่วนตัวของนาง
[1] 500 กรัมขึ้นไป