ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 325+326 ความโปรดปรานอันท่วมท้น / รับสมัครคนงาน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 325+326 ความโปรดปรานอันท่วมท้น / รับสมัครคนงาน
บทที่ 325 ความโปรดปรานอันท่วมท้น
“ท่านลุงมีคนสองคนมาร้องเรียนที่ศาลเมื่อวานนี้หรือไม่? คนหนึ่งชื่ออวิ๋นซิ่วชิง และอีกคนชื่อผูเว่ยชาง?”
เคอซิ่วไฉเป็นชายผู้มีดวงตาที่เฉียบแหลม เมื่อรู้ว่าอู๋เลี่ยงกำลังจะเล่นพนันกับนายอำเภอ เขาจึงไม่อาจเสียเวลา บัณฑิตหนุ่มจึงถามเขาเข้าประเด็นทันทีโดยไม่อ้อมค้อม
“ใช่…” เมื่อวานนี้ มีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่มาร้องเรียนที่ศาล และนายอำเภอยกย่องสองคนนี้เป็นพิเศษ อู๋เลี่ยงจำได้อย่างดี “เป็นอะไรไป? สองคนนี้ทำให้เจ้าขุ่นเคืองหรือ?”
“พวกเขาไม่ได้ทำให้ข้าโกรธ แค่ทั้งสองคนเปิดร้านขายผัก ท่านลุง ท่านก็รู้ว่าข้าก็ขายผักด้วย พวกเขาจะมาแย่งลูกค้าไปจากข้า” เคอซิ่วไฉกล่าวด้วยความคับข้องใจ
“ลืมมันซะ ข้าขอเตือนเจ้าก่อนเลยว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนที่เจ้าควรไปยุ่งด้วย แม้แต่นายอำเภอก็ยังต้องประจบประแจงสองคนนี้!”
เมื่อเห็นว่าหลานชายของเขาไม่ได้ขัดแย้งกับผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิง อู๋เลี่ยงก็รู้สึกโล่งใจ
อู๋เลี่ยงเป็นคนฉลาด ถ้าเขาไม่มีความคิด เขาคงไม่อยู่กับนายอำเภอมาได้หลายปีเช่นนี้
เมื่อวานนี้เขาเห็นว่านายอำเภอยกยอคนทั้งสอง พวกเขาต้องเป็นบุคคลที่มีอำนาจชนิดที่ว่านายอำเภอไม่สามารถขัดพวกเขาได้
เคอซิ่วไฉไม่คิดว่าอู๋เลี่ยงจะพูดเช่นนี้ จึงถามด้วยความแปลกใจ “ท่านลุง สองคนนี้มีตัวตนแบบไหนกัน?”
“ข้าก็ไม่รู้ แต่นายอำเภอยกย่องสองคนนี้มาก สองคนนี้ไม่ใช่คนที่เราจะทำให้ขุ่นเคืองได้อย่างแน่นอน!” อู๋เลี่ยงกล่าวอย่างเฉยเมย
เคอซิ่วไฉขมวดคิ้ว ก่อนจะพยักหน้าและบอกลาอู๋เลี่ยง
หลังออกมาจากศาล สีหน้าของเคอซิ่วไฉยิ่งดูมืดมน
เขาไม่คิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางจะเป็นบุคคลสำคัญ แต่ถึงแม้พวกเขาจะเป็นบุคคลสำคัญ พวกเขาก็คงมีปัญหาบางอย่าง ไม่อย่างนั้นจะมาขายผักทำไม?
เคอซิ่วไฉครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่เต็มใจที่จะเห็นสองนั้นได้ดี ทันใดนั้นเคอซิ่วไฉได้บังเกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมา และไปที่วัดร้างทางตอนใต้ของเมืองเพื่อตามหาใครบางคน
เมื่อเคอซิ่วไฉมาถึงวัดร้างทางตอนใต้ของเมืองก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ขอทานที่อยู่ในวัดร้างได้ออกไปขออาหารกลางวัน เคอซิ่วไฉคิดว่าเขามาโดยเปล่าประโยชน์จึงหันหลังกลับ
เมื่อเขากำลังจะเดิน เขาก็เห็นขอทานคนหนึ่งคุมโปงอยู่มุมห้อง
เคอซิ่วไฉเดินไปหาขอทานคนนั้น และโยนเหรียญเงินลงบนใบหน้าของอีกฝ่าย
เมื่อคืนต้าเว่ยกลัวจนนอนไม่หลับ ขณะที่เขากำลังหลับอยู่ตอนนี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นบนใบหน้าของเขา
ต้าเว่ยยกมือขึ้นและสัมผัสใบหน้าของตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสอะไรบางอย่าง
เขาลืมตาและพบว่ามันเป็นเหรียญเงิน
ต้าเว่ยถูเหรียญเงินในมือแล้วพูดอย่างมีความสุข “มีเหรียญเงินตกลงมาจากท้องฟ้า!”
“ใช่ที่ไหน?” เคอซิ่วไฉตอบเสียงเรียบ
ต้าเว่ยไม่ได้สังเกตเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า ทันใดนั้นเขาก็เกือบจะเป็นลม “เจ้าเป็นคนหรือผี?!”
“ผีจะให้เหรียญทองแดงกับเจ้าหรือ?” เคอซิ่วไฉมองต้าเว่ยอย่างรังเกียจ
ต้าเว่ยมองไปที่เคอซิ่วไฉด้วยความสับสน “ทำไมเจ้าถึงให้เงินข้า?”
“ข้ามาที่นี่เพื่อทำข้อตกลงบางอย่างกับเจ้า ถ้าเจ้าทำตามที่ข้าพูด ข้าจะให้ห้าเหรียญ” ขณะที่เคอซิ่วไฉพูด เขาก็ดึงเหรียญทองแดงห้าเหรียญออกมา
ดวงตาของต้าเว่ยเป็นประกายในทันที “เอาล่ะ ว่ามา!”
เขาบอกกับต้าเว่ยถึงแผนการของเขาด้วยรอยยิ้มมุมปาก ไม่นานเขาก็ฮัมเพลงและเดินจากไป
ต้าเว่ยที่อยู่ในวัดรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
เมื่อร้านว่างในตอนเที่ยง อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็ได้ไปซื้อเสื้อผ้าและผ้านวมให้เสี่ยวเฮยจำนวนมาก จากนั้นทั้งสามก็กลับไปที่ร้านหลังอาหารกลางวัน
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในร้าน อวิ๋นซิ่วชิงก็ขอให้เสี่ยวเฮยเลือกห้องพักอีกสองห้องที่เหลือเพื่อพักอาศัย
เสี่ยวเฮยไม่เคยนอนคนเดียวในห้อง เขามักจะนอนในวัดเล็ก ๆ ที่สกปรกท่ามกลางฝูงชน เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงขอให้เขาเลือกห้อง เสี่ยวเฮยก็รู้สึกปลื้มใจเล็กน้อย
“พี่สาว ข้าไปนอนที่ลานหลังร้านได้ไหม?”
…
บทที่ 326 รับสมัครคนงาน
“อย่าโง่ไปเลย ต่อจากนี้ไปเจ้าเป็นพนักงานของข้า ข้าไม่เคยปฏิบัติต่อคนของข้าไม่ดี ข้าจะปล่อยให้เจ้านอนในลานหลังร้านได้อย่างไร?”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ อวิ๋นซิ่วชิงก็ขึ้นไปชั้นบนพร้อมผ้าห่ม และเลือกห้องให้เสี่ยวเฮย
เสี่ยวเฮยตามหลังนาง เกาศีรษะด้วยความสงสัยและถามว่า “‘พนักงาน’ คืออะไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของเสี่ยวเฮย อวิ๋นซิ่วชิงก็ยกมือขึ้นตบปากตัวเอง นางเผลอโพล่งคำสมัยใหม่ออกไปจนได้!
นางกลอกตาและอธิบายกับเสี่ยวเฮยว่า “นั่นเป็นเพราะเจ้าเป็นคนของข้า”
เสี่ยวเฮยพยักหน้าและเดินตามนางเข้าไปในห้องรับแขก
ส่วนผูเว่ยชางก็กำลังทำความสะอาดร้าน เพราะช่วงเช้าคนเยอะและร้านก็รกเล็กน้อย บางจุดต้องทำความสะอาดเป็นประจำ
ห้องพักที่เหลืออีกสองห้องนั้นโดยพื้นฐานแล้วค่อนข้างจะเหมือนกัน
อวิ๋นซิ่วชิงเลือกห้องชั้นในสุดให้เสี่ยวเฮย ที่นี่ค่อนข้างเงียบ และเสี่ยวเฮยสามารถนอนหลับได้ดีในเวลากลางคืน
หลังจากที่ทั้งสองคนเก็บห้องแล้ว พวกเขาก็เริ่มทำความสะอาดห้อง
อวิ๋นซิ่วชิงและเสี่ยวเฮยใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยามในการทำความสะอาดห้อง เสี่ยวเฮยเข้าไปอยู่ในร้านอาหารอวิ๋นผูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงและเสี่ยวเฮยลงไปชั้นล่างอีกครั้ง ผูเว่ยชางก็ทำความสะอาดร้านเช่นกัน ทั้งสามคนไม่มีอะไรทำชั่วขณะหนึ่ง และไม่มีใครมาที่ร้าน อวิ๋นซิ่วชิงจึงส่งเสี่ยวเฮยเข้านอน
หญิงสาวเหลือบมองไปที่ประตูร้านแล้วอ้าปากหาว
จากนั้นนางก็มองไปที่ผูเว่ยชางและพูดว่า “ผูเว่ยชาง เราควรจ้างคนงานไหม?”
ผูเว่ยชางหัวเราะและพูดว่า “ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าเราต้องจ้างคนจริง ๆ”
จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงจึงเขียนข้อกำหนดในการรับสมัคร “ผูเว่ยชาง เจ้าคิดว่าเราควรหาคนอายุเท่าไหร่”
ผู้เว่ยชางคิดเกี่ยวกับอายุของต้าเหนียนชุ่ยยี่ ดูเหมือนควรอายุสักสิบแปด…
“สิบห้าถึงสามสิบปี”
ผูเว่ยชางคิดว่าการเขียนอายุสิบแปดดูจะเป็นการเจาะจงเกินไป ดังนั้นเขาจึงบอกอายุขั้นต่ำและอายุสูงสุด
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและเขียนใส่กระดาษ “เงินเดือนเท่าไหร่?”
“เสี่ยวเฮยเป็นแค่เด็ก ให้ยี่สิบตำลึง และผู้ใหญ่สามสิบตำลึง” ผูเว่ยชางกล่าวอย่างเฉยเมย
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและเขียนลงไป จากนั้นนางก็นำไปแปะที่นอกประตูร้าน ใครที่สนใจก็จะเข้ามาถามนางเอง
“ชิงเหนียง กลับห้องไปนอนเสีย ไม่มีใครมาที่นี่แล้ว พวกเขาจะไม่มาจนกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น” เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงหาว ผูเว่ยชางก็กระตุ้นให้นางไปนอนพัก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็ตอบตกลงและกลับไปที่ห้อง
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงกลับไปที่ห้องแล้ว ผูเว่ยชางก็บอกต้าเหนียนชุ่ยยี่ที่ซ่อนอยู่ตรงมุมห้องว่า “เจ้าไปเตรียมพร้อม แล้วกลับมาเมื่อชิงเหนียงตื่น”
แล้วเขาก็ออกจากร้านไป
ตอนนี้ผูเว่ยชางจึงอยู่คนเดียว เมื่อเขากำลังจะคำนวณบัญชี ก็มีรถม้ามาจอดอยู่หน้าร้านของเขา
ชายหนุ่มเหลือบมองรถม้าอย่างเฉยเมย เขารู้ว่ารถม้านี้เป็นของเป็นใคร แต่ก็ไม่ได้สนใจ
“ข้ารู้ว่าเป็นเจ้าและชิงเหนียงที่เปิดร้านนี้!” คนที่มาใหม่พูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายทันทีที่เขาเข้ามาในร้าน
พูดจริง ๆ ก็คือ วันนี้เขาไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหาร เขาบังเอิญเห็นใบปลิวที่ขอทานน้อยแจกให้เมื่อวานนี้
เหยียนเกอไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น เขาชำจ้องไปที่ชื่อร้านในทันใด มันคือร้านอาหารอวิ๋นผู ที่มีเพียงสองนามสกุลเท่านั้น จะไม่รู้ได้อย่างไร?!
เหยียนเกอคิดว่านี่ต้องเป็นร้านของอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางอย่างแน่นอน
ดังนั้นหลังมื้ออาหารแล้ว เขาจึงขอให้คนขับรถม้าพาเขาไปที่ร้านอวิ๋นผู ทันทีที่เขาลงจากรถก็เห็นผูเว่ยชางด้านใน และคิดว่าเขามาถูกที่แล้ว
เหยียนเกอไม่ได้โกรธเมื่อผูเว่ยชางเพิกเฉยต่อเขา เขารู้ว่าผูเว่ยชางเป็นคนอย่างไร และเขาก็ไม่ได้มาหาอีกฝ่ายเช่นกัน
“ชิงเหนียงอยู่ที่ไหน?”