ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 311+312 เจอแม่ค้าคนพาล / ถ้ากล้าก็ไปที่ศาลกันเลย!
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 311+312 เจอแม่ค้าคนพาล / ถ้ากล้าก็ไปที่ศาลกันเลย!
บทที่ 311 เจอแม่ค้าคนพาล
“เฮอะ เจ้าทำอะไรผิดถึงต้องปิดประตู?!!” ป้าจางตะโกนใส่อวิ๋นซิ่วชิง นางบุกมาที่ร้านพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง
ป้าจางเปิดร้านขายผัก เช้านี้นางได้ยินเจ้าขอทานตัวน้อยตะโกนอยู่ตามถนนว่า ‘อวิ๋นผู’ เปิดร้านใหม่ ซื้อผักห้าตำลึงแถมไข่หนึ่งฟอง ซึ่งในตอนแรกนางไม่เชื่อหรอกว่าใครจะโง่ให้ของล้ำค่าอย่างไข่โดยไม่คิดเงิน
ป้าจางหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากขอทานและมองดูคำที่อยู่บนนั้น นางไม่รู้หนังสือ และนางไม่รู้ว่ามันเขียนอะไรบนกระดาษที่ส่งมาโดยเจ้าขอทานตัวน้อย
นางหยิบกระดาษคืนแล้วให้ร้านตรงข้ามดู ร้านตรงข้ามก็เป็นร้านอาหารด้วยเช่นกัน และแซ่ของเขาคือ ‘เคอ’ เขาเป็นนักวิชาการ และรู้คำศัพท์นั้นดี
หลังจากที่ป้าจางแสดงกระดาษให้เคอซิ่วไฉดู เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพูดประชดประชันว่า “บนโลกนี้มีคนโง่เง่าขนาดนี้ด้วยหรือ?! ถ้าแถมไข่ให้กับคนที่ซื้อผักจำนวนห้าตำลึง พวกเขาคงขาดทุนกันพอดี!”
ป้าจางเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน
แต่เมื่อนางกลับมาที่ร้านของนาง ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางรอมาสองชั่วโมงแล้ว แต่ไม่มีใครมาร้านของนาง ไม่มีใครมาซื้อผักเลยแม้แต่คนเดียว
ป้าจางคิดว่าจะต้องเป็นเพราะร้านอวิ๋นผูแน่ ๆ นางจึงไปที่นั่นด้วยตนเอง
เมื่อนางยืนอยู่หน้าร้าน นางก็ถึงกับต้องเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ การซื้อผักห้าตำลึงแถมไข่หนึ่งฟองนั้นเป็นความจริง และทุกคนก็แห่กันมาที่นี่เพื่อซื้อผักร้านนี้
ด้วยเหตุผลนี้ นางจึงลองเข้ามาซื้ออาหารห้าตำลึง
เมื่อเข้าไปในร้าน นางก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก มีอาหารหลายชนิดที่วางขาย ทั้งยังมีราคาถูกมาก
จางหว่านเอ๋อร์ซื้อผักห้าตำลึงโดยไม่ตั้งใจ และหลังจากที่นางได้ไข่แล้ว นางก็เดินกลับมาที่ตรอกสีเขียว
นางเดินไปหาเคอซิ่วไฉพร้อมไข่และผักในมือ “ดูสิ! มีคนโง่ ๆ ที่สามารถแถมไข่เมื่อซื้อผักห้าตำลึงได้ด้วย!”
เคอซิ่วไฉตกตะลึง เขาคิดอยู่นานและตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางทำเช่นนั้น
เคอซิ่วไฉบอกความคิดของเขากับเจ้าของร้านค้าทั้งหมดภายในตรอกแห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย
และนั่นคือต้นตอของฉากที่ป้าจางและคนอื่น ๆ บุกมาร้านอวิ๋นผู
“เจ้ากำลังจะทำอะไร?” ผูเว่ยชางถามอย่างเย็นชาขณะยืนอยู่ด้านหลังอวิ๋นซิ่วชิงและเสี่ยวเฮย
ป้าจางกำลังลำพองใจ และคิดใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้ร้านใหม่นี้เสียชื่อเสียงและปิดตัวลง!
ทว่าครั้นนางสบตากับดวงตาคมกริบของผูเว่ยชาง ก็นึกรู้สึกกลัวขึ้นมา แต่เมื่อพบว่ามีคนมากมายอยู่ข้างนาง และอีกฝ่ายก็มีเพียงสองคน นางจะกลัวไปทำไม?!
“เจ้าต่างหากคิดจะทำอะไร?” ป้าจางไม่กลัว นางยืนอยู่ด้านนอกร้าน แล้วตะโกนเรียกความสนใจจากผู้คนมากมาย
“แล้วเราไปทำอะไรให้เจ้าหรือ?!”
เสี่ยวเฮยยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา เขาโผล่หัวออกมาก็พบว่าผู้หญิงที่เอะอะโวยวายอยู่คือป้าจาง
จากนั้นเขาก็ดึงแขนเสื้อของอวิ๋นซิ่วชิง และกระซิบว่า “พี่สาว ข้ารู้จักผู้หญิงคนนั้น นางคือป้าจาง นางเป็นคนขายผักเช่นเดียวกับเรา”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเฮยพูด อวิ๋นซิ่วชิงก็เริ่มจำได้
ไม่แปลกใจที่นางมองป้าจางแล้วรู้สึกคุ้นเคยอย่างยิ่ง ป้าจางเป็นเจ้าของร้านที่หยาหลางเคยแนะนำ แต่อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับนาง เพราะป้าจางคนนี้ชอบด่าทอและทุบตีขอทานที่มาขอเพียงผักเน่าเสียเพื่อประทังชีวิต
ตอนที่อวิ๋นซิ่วชิงเลือกร้าน นางกลัวที่จะเจอคนอย่างป้าจางที่สุด ทว่าแม้ร้านของป้าจางและของนางจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่ป้าจางคนนี้ก็ยังมาหาเรื่องจนได้!
…
บทที่ 312 ถ้ากล้าก็ไปที่ศาลกันเลย!
“ข้าซื้อผักในร้านของเจ้าเมื่อเช้านี้ แต่ไข่ที่เจ้าให้ข้ามันเน่า! เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังเอาเปรียบข้าอยู่หรือเปล่า?!!”
เคอซิ่วไฉได้คิดเหตุผลนี้ร่วมกับป้าจาง และนี่เป็นเรื่องที่ไม่มีหลักฐาน!
อวิ๋นซิ่วชิงนึกเย้ยหยัน เห็นได้ชัดว่าป้าจางโกหก ข้างนอกอากาศหนาว จะมีไข่เน่าได้อย่างไร?
ใครเขาจะเชื่อ?!
“ผูเว่ยชาง ไม่ต้องไปคุยกับนาง ไปร้องเรียนกับทางการเลยดีกว่า!” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวตัดบทอย่างเย็นชา
เสียงของอวิ๋นซิ่วชิงไม่ดังและไม่เบา แค่พอให้ทุกคนในที่นี้ได้ยินเท่านั้น
แต่ทันทีที่ป้าจางได้ยินคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิงก็ต้องตกตะลึง…
นางคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่นางไม่คิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะกล้าไปรายงานต่อเจ้าหน้าที่ศาล ถ้าเป็นเช่นนั้น ทางการจะส่งคนมาตรวจสอบตัวตนของพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงว่ามีหลักฐานหรือไม่? อย่างไรก็คงรู้ว่านางจงใจสร้างปัญหา…
ไม่ดีแน่! นางต้องโดนตัดสินโทษแน่นอน!
ป้าจางกลัวจนเหงื่อเย็นไหลลงมาที่หน้าผาก ส่วนเคอซิ่วไฉที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กระซิบบอกนางว่า “อย่าฟังเรื่องไร้สาระของพวกเขา พวกเขาไม่กล้ารายงานต่อทางการหรอก!”
“ผูเว่ยชาง คนพวกนี้เปิดร้านอาหารข้าง ๆ เรา พวกเขากลัวว่าเราจะแย่งลูกค้าไป จึงมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา เราไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขา ไปแจ้งความกับทางการเลย! ไม่ต้องพูดอะไรอีก หากมีหลักฐานใด ๆ เราจะรู้ได้ว่าพวกเขากำลังสร้างปัญหาอยู่”
อวิ๋นซิ่วชิงกระซิบกับผูเว่ยชาง
ผูเว่ยชางคิดว่าความคิดของอวิ๋นซิ่วชิงเป็นความคิดที่ดี เมื่อเขาเห็นท่าทางร้ายกาจของป้าแก่ ๆ คนนี้ เขานึกสงสัยว่ามันคือไข่เน่าจริงหรือไม่?
“ได้เลย” ผูเว่ยชางพยักหน้าให้อวิ๋นซิ่วชิง แล้วโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อชายหนุ่มและอวิ๋นซิ่วชิงกลับมา เขาขอให้ต้าเหนียนชุ่ยยี่ตามเขามา ในเวลานี้
“แล้วถ้าพวกเขาแจ้งทางการจริง ๆ ล่ะ” ป้าจางถามเคอซิ่วไฉด้วยความกลัว
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีหลักฐานนี่ มันไม่มีอะไรหรอก” เคอซิ่วไฉยังคงยุยงป้าจางต่อไป ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“แต่เราทุกคนเป็นคนขายผักทั้งหมด อย่าพูดถึงหลักฐานเลย ถ้าเจ้าหน้าที่พบว่าเราเป็นคนขายผัก ก็จะรู้ว่าเรากำลังสร้างปัญหา เราควรทำอย่างไรดี?!”
แม้ว่าป้าจางจะใจร้ายและไม่รู้จักวิธีต่อสู้กันในชั้นศาล แต่นางก็รู้อะไรบางอย่าง
“เจ้ากลัวอะไร เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นใคร?” เคอซิวไฉชี้มาที่ตัวเอง
ทันทีที่ป้าจางมองไปยังเคอซิ่วไฉ นางก็จำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นบัณฑิตที่ไม่ได้ผ่านการสอบ แต่ซื้อตำแหน่งซิ่วไฉมาด้วยเงิน เพราะผู้ช่วยนายอำเภอเป็นลุงของเคอซิ่วไฉ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ป้าจางก็สงบลง พวกเขามีผู้สนับสนุนแล้ว จะต้องกลัวอะไร?
ป้าจางยืดตัวขึ้นและชี้ไปหาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง
“พวกเราไม่กลัวเจ้า! หากเจ้ากล้า เจ้าก็ไปรายงานต่อศาลเลย!”
จากนั้น กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเคอซิ่วไฉก็ตะโกนใส่อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง ซึ่งนั่นทำให้นางมั่นใจมากขึ้น
“เสี่ยวเฮย เจ้ากลับไปก่อน ตอนนี้พวกข้ามีเรื่องต้องทำ” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าว
เสี่ยวเฮยเป็นเด็กที่มีเหตุผล เมื่อรู้ว่าตัวเองยังไม่มีความสามารถมากพอจะช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้มีพระคุณทั้งสองได้ ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟังและออกจากฝูงชน
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกโล่งใจ เพราะท้ายที่สุดมันเป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ นางไม่ต้องการให้เด็กมีส่วนร่วม
“เราจะไปที่ศาลกัน คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอย่ายุ่ง!” อวิ๋นซิ่วชิงตะโกนอย่างเย็นชา พลางมองไปรอบ ๆ ฝูงชนที่ยังคงส่งเสียงเซ็งแซ่
ฝูงชนที่ส่งเสียงดังก็หุบปากลงด้วยความอับอาย
นี่คือวิถีของโลก ครั้นเห็นว่าชีวิตลำบากแล้วย่อมไม่มีใครช่วย มีแต่เพียงคนคอยเหยียบย่ำผู้อื่นอยู่ทุกหนทุกแห่ง