ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 301+302 ไก่ย่างอร่อยหรือไม่ / ขอทานน้อยมาอีกแล้วอร่อยหรือไม่
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 301+302 ไก่ย่างอร่อยหรือไม่ / ขอทานน้อยมาอีกแล้วอร่อยหรือไม่
บทที่ 301 ไก่ย่างอร่อยหรือไม่?
ผูเว่ยชางผลักอวิ๋นซิ่วชิงเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ยืนอยู่ที่ประตูและบอกนางว่า “ข้าเทน้ำร้อนลงในอ่างอาบน้ำของเจ้าแล้ว เจ้าควรล้างตัวให้ดีแล้วไปนอนพักเสีย”
“แล้วร้านล่ะ?” แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะง่วงนอนมาก แต่นางก็ยังคงคิดถึงเรื่องจิปาถะภายในร้าน
“ในร้านมีข้าดูอยู่ ไม่เป็นไรหรอก ไปเร็ว!”
เมื่อผูเว่ยชางบอกว่ามีเขาอยู่ อวิ๋นซิ่วชิงก็โล่งใจ
ผูเว่ยชางปิดประตูให้อวิ๋นซิ่วชิง หลังจากที่ได้ขอร้องให้นางอาบน้ำและเข้านอน อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะและกล่าวว่าผูเว่ยชางช่างเอาใจใส่
จากนั้นนางก็ถอดเสื้อคลุมและแช่ตัวลงในอ่างน้ำร้อน
หลังจากแช่ตัวอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นซิ่วชิงก็สวมเสื้อผ้าและผล็อยหลับไปบนเตียง
… เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันใด
นางหลับไปนานแค่ไหน?! ฟ้ามืดแล้วหรือ?!!!
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว หญิงสาวก็ออกจากห้องและยืนอยู่ที่บันไดชั้นสอง นางเห็นผูเว่ยชางนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะในร้าน และกำลังคัดลอกข้อความโฆษณาอยู่
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกกระดากอายมาก นางตกลงที่จะร่วมงานกับผูเว่ยชาง แต่นางหลับไปนานโดยไม่ได้ตั้งใจ!
เมื่อผูเว่ยชางได้ยินอะไรบางอย่าง เขาก็เงยหน้าขึ้นและเห็นหญิงสาวกำลังลงบันไดมา “เจ้าตื่นแล้วหรือ?”
อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวว่า “ข้าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว? ทำไมเจ้าไม่เรียกข้า?”
“เรียกทำไม เจ้าควรนอนหลับให้สบายเมื่อเจ้าเหนื่อย” ผูเว่ยชางกล่าว
อวิ๋นซิ่วชิงเดินไปหาผูเว่ยชางผู้ซึ่งกำลังใช้พู่กันเขียนคำโฆษณาร้านอยู่
หญิงสาวรีบหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนบ้าง แต่ชายหนุ่มกลับหยุดนางไว้ แล้วพูดว่า “อย่าขยับ มิฉะนั้น มือของเจ้าจะสกปรก เหลือเพียงไม่กี่แผ่นเท่านั้นเอง”
“ไปกินข้าวสิ ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว” ผูเว่ยชางชี้ไปที่โต๊ะ
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกหิว หญิงสาวจึงไปที่โต๊ะและหยิบชามใบใหญ่ออกมา
มีไก่ย่างที่นางชอบ!
เมื่อหญิงสาวเห็นไก่ย่าง ท้องของนางก็ร้องขึ้น
อวิ๋นซิ่วชิงบิดขาไก่ออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วกัดเข้าปาก “ผูเว่ยชาง เจ้ากินแล้วหรือยัง?”
“ข้ากินแล้ว ข้าชวนสองพี่น้องจวงและหยาหลางไปกินข้าวข้างนอก และก่อนข้ากลับมา ข้าซื้อไก่ย่างมาให้เจ้า รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?” ผูเว่ยชางถาม
“น่าอร่อย ว่าแต่ช่างไม้หวังล่ะ?” อวิ๋นซิ่วชิงกินขาไก่เข้าไปและรู้สึกว่าหิวน้อยลงแล้ว
“เมื่อช่างไม้หวังตื่นขึ้นมา ทุกคนก็กลับไป ส่วนวิธีดื่มยาและวิธีการใช้นั้น เจ้าเขียนไว้อย่างชัดเจนบนใบสั่งยา พวกเขาจะทราบเมื่อกลับไปดู ไม่ต้องกังวล”
ในที่สุดผูเว่ยชางก็เขียนเสร็จ
“เจ้าเขียนเร็วมาก ข้าจำได้ว่ายังมีอีกมากเลย” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าว
“หยาหลางสามารถเขียนได้ เขากับข้าเขียนกันตลอดช่วงบ่าย” ผูเว่ยชางมองดูใบหน้าของอวิ๋นซิ่วชิงที่มันแผล็บเพราะกินไก่ย่าง เขายิ้มออกมาเล็กน้อย
“ไม่คิดว่าเขาจะอ่านออกเขียนได้” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“อย่าดูถูกหยาหลาง แม้เขาจะดูผอมบางและอ่อนแอ ดูไม่เหมือนคนในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เขาต้องเป็นหนึ่งในตระกูลชั้นนำของเมือง”
ผูเว่ยชางติดต่อกับหยาหลางหลายครั้ง จากคำพูดและการกระทำสามารถเห็นได้ว่าคนธรรมดาไม่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมเหล่านั้นได้
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า หยาหลางมักจะดูเหมือนคนอ่อนแอ เสื้อผ้าที่เขาสวมก็ธรรมดา แถมรูปลักษณ์ของเขายังดูธรรมดากว่านั้นอีก!
…
บทที่ 302 ขอทานน้อยมาอีกแล้ว
“พรุ่งนี้ข้าเตรียมของไว้หมดแล้ว ไม่ต้องห่วง” ชายหนุ่มบอกอวิ๋นซิ่วชิงว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อบ่ายนี้ เพราะเขาไม่อยากให้นางกังวล
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าด้วยความโล่งใจ หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว ทั้งสองก็กลับไปที่ห้องของตนเพื่อเข้านอน
อวิ๋นซิ่วชิงคิดว่าคืนนี้นางคงจะนอนไม่หลับ แต่นางก็ผล็อยหลับไปทันทีที่หัวของนางแตะถึงหมอน
เมื่อนางลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเช้าแล้ว…
อวิ๋นซิ่วชิงถูกปลุกด้วยเสียงไก่ หญิงสาวตื่นขึ้นมาอย่างกระปรี้ประเปร่า นางสวมเสื้อผ้าแล้วออกจากห้องโดยไม่ลังเล
ทันทีที่นางเดินออกจากห้อง นางก็เห็นผูเว่ยชางซึ่งกำลังเดินออกมาจากห้อง ทั้งสองทักทายกันด้วยรอยยิ้มแล้วเดินไปที่สวนหลังบ้านด้วยกัน
ทั้งสองทำงานร่วมกันเพื่อจัดส่วนต่าง ๆ ในร้านให้เข้าที่อีกครั้ง ผูเว่ยชางไปยกไข่ไก่ที่เตรียมไว้เป็นของแถมสินค้า
อวิ๋นซิ่วชิงหมดแรงหลังจากแบกผักไปมาเมื่อครู่ นางคลานไปที่โต๊ะและจิบชาเย็น ๆ พลางมองไปรอบ ๆ ร้าน นางเห็นร้านของตัวเองล้อมรอบด้วยผ้าไหมสีแดง ดูเป็นงานรื่นเริงอย่างมาก!
“ยังมีโคมสีแดงแขวนอยู่ข้างนอก ออกไปดูไหม?” ผูเว่ยชางรู้สึกขบขันกับท่าทีของนาง
อวิ๋นซิ่วชิงวิ่งออกจากร้านก็เห็นโคมสีแดงห้อยอยู่ที่ประตู และยังมีดอกไม้สีแดงที่ทำจากผ้าไหมบนแผ่นป้ายชื่อร้าน นางไม่คิดว่าผู้ชายเหล่านี้จะมีความคิดสร้างสรรค์มากไปกว่าผู้หญิงอย่างนาง และนั่นจึงน่าประหลาดใจยิ่งนัก…
ทันใดนั้นเทียนต้าจวงก็มาพร้อมกับขอทานตัวน้อยมากมาย
“แม่นางอวิ๋น พอใจหรือยัง?” เทียนต้าจวงถามยิ้ม ๆ
“ใช่ ฉลาดมาก เจ้าทำได้ดีมาก” อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าด้วยความพอใจ
เมื่อเทียนต้าจวงได้ยินว่าอวิ๋นซิ่วชิงพอใจ เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปมองขอทานตัวน้อยที่อยู่ข้างหลัง และทุกคนก็จ้องมองนางด้วยแววตาที่สดใส หัวใจของนางพลันอ่อนลง “ต้าจวง เจ้าพาขอทานน้อยๆ เหล่านี้มาจากไหน?”
“ขอทานตัวน้อยเหล่านี้ทั้งหมดอาศัยอยู่ในวัดที่ทรุดโทรมทางตอนใต้ของเมือง ข้าบอกพวกเขาเมื่อเช้านี้ว่าให้พาพวกเขาไปกินของอร่อย แล้วพวกเขาก็ตามข้ามาเป็นกลุ่ม…”
เขารู้สึกว่าเขากลายเป็นเพื่อนกับอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง ในฐานะเพื่อน เขาต้องพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ดังนั้นในตอนเช้าเขาจึงไปที่วัดร้าง
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าด้วยความสงสาร เด็กคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ในอ้อมแขนของพ่อแม่ แต่เด็กเหล่านี้เร่ร่อนไปทั่ว
“อดทนไว้ ยังเช้าอยู่ คนส่วนใหญ่ยังไม่ตื่น เราไม่รีบ พาพวกเขาไปหาอะไรกินก่อน”
“ตกลง” เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง เทียนต้าจวงก็ไม่ปฏิเสธนาง
ในบรรดาเด็กหลายสิบคน หนึ่งในนั้นตัวสั่นด้วยความกลัว
หากอวิ๋นซิ่วชิงมองดูเขาอย่างระมัดระวัง นางจะรู้ว่าเด็กคนนั้นคือ ต้าเว่ย ซึ่งเขาเป็นลมหมดสติไปเพราะความกลัว
เมื่อต้าเว่ยและเด็กคนอื่น ๆ ตามเขามาที่นี่ เขาก็จำอวิ๋นซิ่วชิงได้ในทันที
เขาไม่เคยลืมใบหน้าของนาง ต้าเว่ยยังคงจำวันที่นางแกล้งหลอกเป็นผีได้
ตอนที่ต้าเว่ยจำนางได้ เขาก็กลัวจนแข้งขาอ่อนแรง วิ่งหนีไปพร้อมกับขอทานสองคนที่เป็นลูกน้องของเขา แต่เขาไม่ได้กินข้าวมาถึงสามวัน เรี่ยวแรงในการวิ่งหนีจึงหมดสิ้นลง สุดท้ายก็ไม่อาจหนีไปไหนได้
อวิ๋นซิ่วชิงพาเด็ก ๆ ไปร้านซาลาเปาริมถนน อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้นับว่ามีเด็กกี่คน แต่ก็ซื้อซาลาเปามาทั้งหมด
เจ้าของร้านดีใจมากที่ซาลาเปาขายหมดทันที ใครไม่มีความสุขก็คงโง่เต็มที!