ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 295+296 ความประหยัดมัธยัสถ์/ความช่วยเหลือจากหยาหลาง
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 295+296 ความประหยัดมัธยัสถ์/ความช่วยเหลือจากหยาหลาง
บทที่ 295 ความประหยัดมัธยัสถ์
”ถ้าอย่างนั้นเราหยุดคุยแล้วรีบไปกันเถอะ”
จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็โบกมือให้หยาหลางและหวังหลินเสิ่น ก่อนจะขึ้นรถม้าไป
เมื่อผูเว่ยชางขับรถม้าพ้นจากสายตาของหยาหลางและหวังหลินเสิ่น เขาก็ถามอวิ๋นซิ่วชิงว่า “ชิงเหนียง มันจะชะลอความเจ็บป่วยของช่างไม้หวังหรือไม่?”
”ไม่ แต่ข้ามีแผนในใจ” อวิ๋นซิ่วชิงมีน้ำพุแห่งจิตวิญญาณ นางสามารถช่วยทุกคนที่ยังมีลมหายใจได้
ผูเว่ยชางพยักหน้าเมื่อรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงมีแผนในใจ
”ชิงเหนียง เจ้าโกรธไหม?”
อวิ๋นซิ่วชิงยิ้มและส่ายหัว “เมื่อหวังหลินเสิ่นมาพบข้า ข้าก็ไม่โกรธแล้ว แม้ว่าข้าจะไม่โกรธ แต่ข้าก็ไม่ใช่คนง่าย ๆ ถ้าเขาขอให้ข้ารักษา มันก็แล้วแต่อารมณ์ของข้าเช่นกัน”
ณ บริเวณหน้าร้านอวิ๋นผู หลังจากที่ผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิงจากไป หยาหลางและหวังหลินเสิ่นก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าเศร้าโศก
หยาหลางสงสัยว่าเขาทำให้อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางขุ่นเคืองใจหรือไม่? ทำไมอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไม่ปล่อยให้เขาช่วย?
ส่วนหวังหลินเสิ่นก็กังวลว่าพ่อของเขาจะไม่สามารถรักษาได้จริง ๆ
หยาหลางเห็นสีหน้าเศร้าของหวังหลินเสิ่นก็อารมณ์เสีย “ถ้าเจ้าอยากถูกช่วยโดยผู้คน เจ้าต้องช่วยเขาก่อน ข้าบอกแล้วว่าถ้าอยากให้แม่นางอวิ๋นรักษาพ่อของเจ้า ก็ให้เขามาเชิญนางเอง”
หลังจากหยาหลางด่าออกไป เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก…
”ตกลง ข้าจะกลับไปถามพ่อของข้า” หวังหลินเสิ่นรู้ว่ามันเป็นความผิดของพ่อเขา เขาจึงไม่โกรธแต่อย่างใด
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไปที่ร้านผ้า ที่นี่มีผ้าสีแดงเพียงโหลเดียว เมื่อเห็นผ้าสีแดง นางก็กังวล “ถ้าข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าจะปล่อยให้หยาหลางช่วยข้า”
ผูเว่ยชางหัวเราะและพูดว่า “เราสามารถซื้อบางอย่างทดแทนได้”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและเริ่มเลือก ผ้าสีแดงมีทั้งดีและไม่ดี แม้ว่ามันจะเอาไปคลุมแผ่นป้ายเท่านั้น และจะไร้ประโยชน์ในภายหลัง
แผ่นป้ายมีขนาดใหญ่มากจนต้องใช้ผ้าขนาดใหญ่ มันคงจะดีหากได้เก็บไว้ทำปลอกหมอนทีหลัง
ในหัวของอวิ๋นซิ่วชิงครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะหันไปถามเจ้าของร้าน “ท่านเจ้าของร้าน เราต้องการคลุมผ้าสีแดงไว้บนแผ่นป้าย เจ้าคิดว่าผ้าแดงชิ้นไหนดีกว่ากัน?”
เจ้าของร้านเป็นบุคคลธรรมดา เขาอยู่ในร้านนี้มาหลายปีแล้ว เขาสามารถแนะนำได้อย่างรวดเร็ว
และเมื่อครู่หญิงสาวเพิ่งเลือกผ้าสีแดงและซื้อมันเพียงเพื่อที่จะคลุมแผ่นป้าย เจ้าของร้านมองออกว่าอวิ๋นซิ่วชิงน่าจะเป็นแม่บ้านที่ขยันขันแข็งและประหยัด
”เจ้าต้องการที่ดีกว่านี้ไหม? ผ้าสีแดงจะคลุมแผ่นป้ายเพียงครู่เดียว หลังจากที่เจ้าถอดมันออก เจ้าย่อมสามารถทำอย่างอื่นได้ด้วยผ้าสีแดง”
เจ้าของร้านเสนอ
”ใช่ ๆ นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ!” อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าของร้านจะรู้ใจนางขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นนางคงจะถามเจ้าของร้านตั้งแต่ต้น
เจ้าของร้านยิ้มและเลือกผ้าสีแดงที่เนื้อดีกว่าออกจากกองผ้าไหมและผ้าซาติน แล้วมอบให้กับอวิ๋นซิ่วชิง “แม่นาง เจ้าลองดูผ้าสีแดงนี้…”
อวิ๋นซิ่วชิงเริ่มแตะผ้าสีแดง มันนุ่มและลื่นมาก นั่นทำให้นางรู้สึกดีเมื่อได้สัมผัสมัน “ผ้าผืนนี้ราคาเท่าไหร่?”
เจ้าของร้านรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงชอบผ้าสีแดงผืนนี้ เขาตอบว่า “สิบตำลึงต่อสามฉื่อครึ่ง*[1]”
”แพงมาก” อวิ๋นซิ่วชิงดึงมือของนางกลับคืนมา
”แม่นาง ข้าไม่ได้โกงเจ้า ผ้านี้ทอจากตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี ราคานี้ถูกมากแล้ว เจ้าสามารถทำปลอกหมอนและผ้านวมคลุมได้ คงดีมากที่จะได้หนุนมันนอนในฤดูร้อน”
เจ้าของร้านยกยอผ้าของเขาสูงขึ้นไปอีก
หลังจากฟังคำพูดเจ้าของร้าน อวิ๋นซิ่วชิงก็คล้อยตาม
ทว่าผ้านี้ก็มีราคาแพงเกินไป ป้ายร้านของนางคือหนึ่งฉื่อกว่า ๆ ผ้าชิ้นนี้เพียงอย่างเดียวก็มีราคาแพงจนต้องคิดหนัก
แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะไม่หวงเงินจำนวนนี้ แต่นางก็ไม่ต้องการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้
[1] 1 เมตร
…
บทที่ 296 ความช่วยเหลือจากหยาหลาง
”เจ้าลดราคาลงหน่อยไม่ได้หรือ?” อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วถาม
เจ้าของร้านรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงสนใจผ้านี้อยู่มาก จึงไม่คิดจะลดราคาสินค้าลงง่าย ๆ “แม่นาง ข้าให้ราคาถูกกว่านี้ไม่ได้ นี่คือราคาที่ถูกที่สุดแล้ว”
อวิ๋นซิ่วชิงต้องการซื้อผ้าชิ้นนี้จริง ๆ แต่มันก็แพงเกินไป
ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็บังเกิดความไม่แน่ใจเล็กน้อย นางหันไปหาผูเว่ยชางและขอคำแนะนำจากเขา “ผูเว่ยชาง เจ้าคิดอย่างไร?”
ทว่าผูเว่ยชางไม่สามารถให้คำแนะนำที่สำคัญใด ๆ ได้ในเรื่องนี้ เขาเพียงตามใจนางเท่านั้น “เจ้าสามารถซื้อได้ถ้าเจ้าคิดว่ามันดี ข้าไม่มีความเห็น”
ได้ยินเช่นนี้อวิ๋นซิ่วชิงก็ยิ่งไม่แน่ใจมากขึ้นกว่าเดิม
มันแพงเกินไป แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้สึกเสียดายหากไม่ซื้อผ้าผืนนี้ไป
”แม่นางอวิ๋น คุณชายผู ข้ารู้ว่าเจ้าต้องอยู่ที่นี่!!”
หยาหลางต้องการไปที่ประตูเมืองเพื่อรอทำการค้า ทว่าเมื่อเดินผ่านร้านขายผ้า เขาก็มองเห็นรถม้าที่จอดอยู่ตรงประตูร้านผ้า ซึ่งเขาจำได้ดีว่าเป็นรถม้าของทั้งสอง
เมื่อหยาหลางเดินไปที่ประตูร้านผ้า ก็เห็นอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางกำลังถือผ้าสีแดงอยู่
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปเห็นว่าเป็นหยาหลาง นางกำลังคิดอยู่พอดีว่าใครจะให้คำแนะนำกับนางได้ และแล้วหยาหลางก็มา
นางมีความสุขมาก จึงพูดว่า “พี่ชาย มันเป็นโชคชะตาที่เราพบกันที่นี่!”
”ใช่ เราถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าจริง ๆ ข้าเดินผ่านที่นี่ และเห็นรถม้าของพวกเจ้า” จากนั้น หยาหลางก็เดินไปหาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง พร้อมกับพูดว่า “แม่นางอวิ๋น เจ้าจะซื้อผ้าไหม?”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า “ใช่ เจ้ามาทันเวลาพอดี ช่วยข้าเลือกหน่อย ข้าต้องการซื้อผ้าสีแดงเพื่อคลุมป้ายชื่อร้าน”
หยาหลางหันไปมองผ้าสีแดงที่อวิ๋นซิ่วชิงหยิบออกมาวางบนโต๊ะ และพูดว่า “ผ้านี้ดีมาก”
”มันดูดี แต่มันแพงเกินไป สิบตำลึงต่อสามฉื่อครึ่ง” อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างขมขื่น
”สิบตำลึง?” หยาหลางจ้องมองเจ้าของร้านที่กระดากอายอยู่ด้านหลังโต๊ะ และพูดว่า “เจ้าของร้าน เจ้าจะขายสิบตำลึงเลยหรือ?”
เจ้าของร้านยิ้มอย่างงุ่มง่ามและพูดว่า “แม่นาง เจ้าต้องได้ยินข้าผิด มันเพียงห้าตำลึงเท่านั้น”
อวิ๋นซิ่วชิงได้แต่ตะลึง นางไม่คาดว่าเจ้าของร้านคนนี้จะเปลี่ยนสีหน้าและพลิกลิ้นได้เก่งเช่นนี้
”แม่นางอวิ๋น เจ้าต้องการกี่ฉื่อ?” หยาหลางยิ้มเมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงยังไม่ฟื้นคืนสติ
อวิ๋นซิ่วชิงรีบฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็ว และบอกเจ้าของร้านเกี่ยวกับขนาด และเจ้าของร้านก็ยังแถมเป็นพิเศษให้นางมาด้วย
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไม่เคยซื้อของในย่านกลางเมือง ยกเว้นร้านขายผ้า
แต่สีหน้าของเจ้าของร้านนี้จะเปลี่ยนเร็วเกินไปไหม?!
อวิ๋นซิ่วชิงสัมผัสผ้าสีแดงในอ้อมแขนของนาง และหันไปหาหยาหลาง พร้อมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “พี่ชาย ทำไมเจ้าของร้านถึงกลัวเจ้าขนาดนี้?”
”ร้านนี้เช่าที่ในอาณาเขตของข้า ถ้าเขาไม่ต้องการให้ข้าขึ้นค่าเช่าในปีหน้า เขาจะต้องให้ราคาสินค้ากับข้าในราคาถูก” แม้ว่าหยาหลางจะดูผอมและอ่อนแอ แต่เขาก็เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยจริง ๆ
”แม่นางอวิ๋น ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า ก็ให้รายการแก่ข้า แล้วข้าจะซื้อของให้เจ้า ข้าขอรับประกันว่าเจ้าจะได้สินค้าราคาถูกและมีคุณภาพ”
”แต่เจ้าไม่มีธุระอื่นหรือ?” อวิ๋นซิ่วชิงซื้อผ้าเพียงผืนเดียวในครั้งนี้ และพบว่านางไม่เหมาะสำหรับการมาซื้อของในสถานที่เหล่านี้
หยาหลางรีบโบกมือ “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา มีคนเฝ้าประตูเมืองแทนข้า หากมีงานเข้ามาจะมีคนบอกข้าเอง คนส่วนใหญ่ในเมืองนี้ล้วนรู้จักข้าทั้งสิ้น”
”ดี หลังจากนั้นผูเว่ยชางและข้าจะเชิญเจ้าไปทานอาหารเย็นด้วยกัน” อวิ๋นซิ่วชิงเอ่ยพลางยื่นรายชื่อสิ่งของที่นางและผูเว่ยชางระบุไว้ให้กับหยาหลาง
หยาหลางรับมาและเหลือบมองมัน ก่อนจะใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขา
”เช่นนั้นเจ้านำรถม้าของพวกเราไปน่าจะสะดวกกว่า” ผูเว่ยชางยืนอยู่ข้าง ๆ อวิ๋นซิ่วชิง เขาพูดพลางยื่นแส้ให้หยาหลาง
หลังจากรับแส้มาแล้ว หยาหลางก็ตบหน้าอกของเขา และพูดว่า “รออยู่ในร้าน ข้าจะไปซื้อมันมาให้ภายในครึ่งชั่วยาม”
”ระวังตัวด้วย” อวิ๋นซิ่วชิงยิ้มและโบกมือให้ยาหลาง
หยาหลางพยักหน้าและขับรถม้าออกไป