ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 241+242 หากแม่ข้าดีกับข้าเหมือนแม่ของนางบ้างก็คงดี/เจ้ารักษาโรคนี้ได้อย่างไร?
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 241+242 หากแม่ข้าดีกับข้าเหมือนแม่ของนางบ้างก็คงดี/เจ้ารักษาโรคนี้ได้อย่างไร?
บทที่ 241 หากแม่ข้าดีกับข้าเหมือนแม่ของนางบ้างก็คงดี
ผูเว่ยชางหัวเราะ “ไม่มีใครไม่ชอบเงิน ไม่ใช่แต่เจ้าเท่านั้นที่ชอบมัน”
อวิ๋นซิ่วชิงมองลงมาและคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากที่คิดมานาน นางก็คิดไม่ออกว่าตัวเองชอบอะไรกันแน่?
อวิ๋นซิ่วชิงยักไหล่และพูดเบา ๆ ว่า “ตอนนี้ข้าไม่มีอะไรจะชอบเลย บางทีเมื่อข้ามีเงินในอนาคต ข้าอาจจะตอบได้ว่าชอบอะไร?”
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกเพียงว่าตอนนี้นางยากจนและกำลังจะเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ในใจมีเพียงแต่เงินเท่านั้น สถานการณ์ปัจจุบันของนางคือไม่ขาดเหลืออะไรนอกจากเงิน!
ผูเว่ยชางกำลังครุ่นคิดว่าตราบใดที่อวิ๋นซิ่วชิงมีเงิน นางจะสามารถรู้สึกชอบและรักเขาได้ใช่หรือไม่?
ผูเว่ยชางคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าเพื่อความสุขในอนาคตของเขา เขาจะช่วยผลักดันให้อวิ๋นซิ่วชิงกลายเป็นคนรวยให้ได้
”ผูเว่ยชาง ข้าคำนวณวันที่แล้ว เราไม่สามารถไปจากที่นี่ได้จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้” อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้ว
”เจ้าคิดถึงพ่อเฒ่าอวิ๋นหรือ?” ผูเว่ยชางรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงคิดอะไรอยู่
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าพลางขมวดคิ้ว “เจ้าลองคิดดูสิ วันนี้ข้าเห็นเถ้าแก่ไฉ่ชื่นชมข้าและรักษาลูกสาวของเขา มันทำให้ข้าคิดถึงท่านพ่อขึ้นมา ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อของข้าเป็นอย่างไรบ้าง? ทั้งท่านแม่ ทั้งหมิงเซียวและเฉียวฮุ่ย พวกเขาจะรังแกพ่อหรือเปล่า?”
”ก่อนที่เจ้าจะมา เจ้าจัดอาหารและเสื้อผ้ามากมายให้พ่อเฒ่าอวิ๋น หากเฉียวฮุ่ยและคนอื่นรบกวนเขา พ่อเฒ่าอวิ๋นก็แค่ปิดประตูห้องเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เจ้าเตรียมไว้ก็เพียงพอสำหรับพ่อเฒ่าอวิ๋นที่จะกินได้ถึงหนึ่งเดือนแล้ว”
ผูเว่ยชางค่อย ๆ ปลอบโยน แต่สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริงเช่นกัน ไม่ใช่การยกยอปั้นแต่งแบบไร้แก่นสาร
อวิ๋นซิ่วชิงก็ได้เตรียมอาหารมากมายสำหรับพ่อเฒ่าอวิ๋นแล้ว ตราบใดที่พ่อเฒ่าอวิ๋นปิดประตูห้องตัวเอง กินและดื่มเองหนึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว แต่นางก็ยังกลัวว่าพ่อจะใจอ่อน และมอบอาหารทั้งหมดที่ให้กับฮูหยินอวิ๋น
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงฮูหยินอวิ๋น ทำไมถึงมีคนไร้ยางอายมากมายในโลกนี้?
ครั้นหันมาคิดถึงฮูหยินไฉ่ นางก็นึกอิจฉาคุณหนูไฉ่ขึ้นมาทันที
”ผูเว่ยชาง ทำไมคนถึงต่างกันนัก?” อวิ๋นซิ่วชิงถามอีกฝ่ายพลางขมวดคิ้ว
ผูเว่ยชางมองอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
”เจ้าดูฮูหยินไฉ่สิ นางปฏิบัติต่อลูกสาวของนางเป็นอย่างดี แม้ว่าคุณหนูไฉ่จะเกิดมาพร้อมกับข้อบกพร่อง แต่นางก็ยังคงรักและปกป้องลูกสาวตัวเอง ในทางกลับกัน เมื่อเปรียบเทียบกับท่านแม่ของข้า ดูเหมือนว่านางจะมีความแค้นชิงชังต่อข้ามาตลอดชีวิต เหมือนนางหวังแต่เพียงว่าข้าจะตายให้พ้น ๆ ไป…”
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงเปรียบเทียบฮูหยินไฉ่กับแม่ของตัวเอง หัวใจของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความอิจฉา และเจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมาทันที
”แม่ของเจ้าจะต้องเสียใจแน่ เพราะเจ้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก นางจะต้องรู้สึกในวันหนึ่ง แล้วนางจะเสียใจ เจ้าเชื่อข้าเถิด อวิ๋นซิ่วชิง”
ผูเว่ยชางรักอวิ๋นซิ่วชิงอย่างแท้จริง นางคือผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดและแข็งแกร่ง แต่กลับมีครอบครัวแบบนั้น…
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ นางจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน แม้นางจะเจ็บปวดจนทุรนทุราย ข้าก็จะไม่ใส่ใจนางอีก”
ผูเว่ยชางตบไหล่อวิ๋นซิ่วชิงอย่างใจเย็น “อย่าคิดถึงสิ่งที่น่ารำคาญเหล่านั้นเลย คืนนี้เรามาคุยกันเรื่องอื่นดีกว่า”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ต้องการเรียกฮูหยินอวิ๋นว่า ‘ผู้หญิงที่น่าเบื่อ’ อีกต่อไป พูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ แต่นางก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่เอียงศีรษะและเริ่มคิดว่าควรพูดอะไร
ผูเว่ยชางมองดูนางแล้วก็หัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของผูเว่ยชาง อวิ๋นซิ่วชิงก็หันไปหาชายหนุ่มและถามว่า “ผูเว่ยชาง เจ้ากำลังหัวเราะอะไร?”
ผูเว่ยชางส่ายหัว “ชิงหเนียง ข้าอยากรู้จริง ๆ เจ้ารักษาโรคกระต่ายของคุณหนูไฉ่อย่างไร?”
”มันง่ายมาก โรคกระต่ายของคุณหนูไฉ่ไม่ร้ายแรงมาก อาการของนางไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คนร่ำลือ ริมฝีปากบนของคุณหนูแค่แยกกันเล็กน้อยเท่านั้น…”
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกว่าข่าวลือนั้นไม่น่าเชื่อ เมื่อนางได้ยินเรื่องโรคปากแหว่งของคุณหนูไฉ่ครั้งแรก ตอนแรกนางก็คิดว่ามันร้ายแรงมาก จนตั้งสมมติฐานไปมากมาย พร้อมกับนึกสารพัดวิธีรักษา
ที่แท้โรคปากแหว่งเพดานโหว่ของคุณหนูไฉ่ก็ไม่ได้ร้ายแรงตามข่าวลือ
…
บทที่ 242 เจ้ารักษาโรคนี้ได้อย่างไร?
”จริงหรือ? เจ้ารักษามันอย่างไร?!” ผูเว่ยชางถามอย่างกระตือรือร้น ผู้หญิงที่เขาแอบรักคนนี้มีอะไรมาให้เขาทึ่งเสมอ
”ง่ายนิดเดียว แค่ตัดหนังกำพร้าทั้งสองด้านของบริเวณปากที่แหว่ง แล้วเย็บทั้งสองด้านเข้าด้วยกัน ด้วยวิธีนี้ ริมฝีปากบนที่มีความยาวเพียงหนึ่งเซนติเมตรมันจะสมานกันในสองวัน ส่วนเวลาที่เหลือคือการบำรุงรักษาและดูแลตัวเอง”
อวิ๋นซิ่วชิงอธิบายวิธีรักษาให้ผูเว่ยชางฟัง ในยุคปัจจุบันที่นางจากมานั้น การผ่าตัดรักษาโรคปากแหว่งเพดานโหว่ปลอดภัยกว่าที่นางทำอยู่มาก
ผูเว่ยชางพยักหน้าแล้วถามอย่างสงสัยอีกว่า “แล้วถ้าไม่มีริมฝีปากบนล่ะ? แม้ว่าเราจะเย็บเข้าด้วยกัน แต่เราก็ไม่สามารถเข้าถึงมันได้…”
”แบบที่เจ้าพูดนั้นร้ายแรงมาก ถ้าเป็นแบบนั้น เจ้าจะสามารถเห็นฟันของพวกเขาได้แม้ไม่ต้องอ้าปาก”
ทันใดนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้สึกว่าคนโบราณช่างน่าสงสาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังไม่พัฒนามากนัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถรักษาโรคได้ หากเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีเพียงความตาย หรือไม่ก็ต้องทนกล้ำกลืนความอดสูทั้งชีวิตเท่านั้น
”ใช่ แบบนั้นแหละ! ข้าเคยเห็นคนแบบนั้นมาก่อน พวกเขาน่าสงสารมาก”
ผูเว่ยชางเคยเห็นชายคนหนึ่ง โรคปากแหว่งทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะแต่งงานด้วย เขาจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่อยากตายเพราะเขายังมีแม่อยู่ที่บ้าน ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะไปสนามรบ เพื่อหวังว่าหลังจากที่เขาเสียชีวิตในสนามรบ ตัวเองจะสามารถให้เงินบำนาญแก่แม่ของตัวเองได้
”ช่างน่าสงสาร แต่โรคนี้สามารถรักษาได้ แต่มันก็ยากมากเช่นกัน ก่อนอื่น ตัวเขาต้องซ่อมริมฝีปากกลางของเขาแล้วเย็บมันขึ้นมา ทางที่ดีควรรักษาให้หายขาดภายในสามถึงหกเดือนหลังออกจากครรภ์มารดา เพราะหลังจากนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว…” อวิ๋นซิ่วชิงตอบ
ผูเว่ยชางพยักหน้าแล้วถามอวิ๋นซิ่วชิงอย่างสงสัย “ชิงเหนียง เจ้าเรียนรู้เรื่องนี้มาจากไหน?”
อวิ๋นซิ่วชิงกะพริบตา นางหันไปหาผูเว่ยชางและพูดว่า ” ผูเว่ยชาง อันที่จริงวิธีนี้เข้ามาในหัวข้าหลังจากที่ข้านอนหลับ ผูเว่ยชาง เจ้าเชื่อไหม?”
ผูเว่ยชางพยักหน้าอย่างไม่นึกสงสัย “ข้าเชื่อเจ้า!”
เขาเคยมีความรู้สึกนี้เมื่อตัวเองกำลังต่อสู้อยู่ในสนามรบ ถ้าเขาพบปัญหา เขาจะมีวิธีแก้ปัญหาได้หลังจากนอนหลับ เขาจึงเชื่อคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิงโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นว่าผูเว่ยชางเชื่อคำพูดของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย นางไม่คิดว่าผูเว่ยชางจะเชื่อเรื่องโกหกเช่นนี้จริง ๆ
อวิ๋นซิ่วชิงยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของตัวเอง ใบหน้าของนางร้อนราวกับมีไข้
จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากนอกศาลาว่า “ข้าพบเจ้าสองคนแล้ว! ข้าตามหาพวกเจ้าตั้งนานแน่ะ!”
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางหันมองไปตามเสียง และเห็นนายน้อยไฉ่เดินเข้ามาในศาลาพร้อมโคมไฟ…
”นายน้อยไฉ่!” อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางยิ้มและทักทาย
นายน้อยไฉ่พยักหน้า “เมื่อสักครู่ข้าไปที่ห้องของเจ้า แต่เมื่อข้าไปถึงกลับไม่พบพวกเจ้า ข้าสงสัยเพราะสัมภาระพวกเจ้าก็ยังอยู่ที่ห้อง แต่ทำไมพวกเจ้าไม่อยู่ที่นั่น? ข้าถามสาวใช้และพบว่าเจ้าสองคนอยู่ที่นี่…”
”วันนี้ข้านอนมากเกินไป หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ข้าก็นอนไม่หลับ จึงออกมาเดินเล่นกับผูเว่ยชาง นอกจากนี้การเดินหลังจากอาหารเย็นยังดีต่อสุขภาพ”
อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างไม่รีบร้อน
ผูเว่ยชางซึ่งยืนอยู่ด้านข้างมองไปที่นายน้อยไฉ่ ในตอนเช้านายน้อยไฉ่ดูไม่เป็นมิตรกับเขาและอวิ๋นซิ่วชิง แต่ในเวลาไม่ถึงวันก็เปลี่ยนท่าที ช่างเปลี่ยนหน้าเร็วกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือเสียอีก!
ผูเว่ยชางนึกดูหมิ่นนายน้อยไฉ่อย่างเงียบ ๆ เขาพูดลอย ๆ ออกมาว่า “นายน้อยไฉ่ต้องการอะไรจากพวกเรา”
”ฮ่า ๆ ข้าแค่อยากจะเชิญเจ้าออกไปท่องเที่ยวในวันพรุ่งนี้ เจ้าสองคนว่างหรือไม่?”
นายน้อยไฉ่รู้สึกซาบซึ้งใจมากที่อวิ๋นซิ่วชิงรักษาโรคกระต่ายของน้องสาวเขาได้ เขาจึงต้องการพาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไปเดินชมรอบเมืองเป็นการตอบแทน