ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 231+232 โรคปากแหว่งเพดานโหว่/ชมความตื่นเต้น
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 231+232 โรคปากแหว่งเพดานโหว่/ชมความตื่นเต้น
บทที่ 231 โรคปากแหว่งเพดานโหว่
”ชิงเหนียง ถ้าในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นเช่นนี้เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เราไม่สามารถกินเต้าหู้ตอนที่ยังร้อนระอุได้*[1] บางทีอาจเป็นเพราะท่านเง็กเซียนฮ่องเต้เห็นเจ้าเหนื่อยล้าตลอดทาง ดังนั้นเรามาผ่อนคลายสักวันเถอะ”
ผูเว่ยชางก็อารมณ์ไม่ดีในเวลานี้ แต่เขารู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงอารมณ์แย่กว่านั้น เพราะนางต้องการความสะดวกสบายในตอนนี้
อวิ๋นซิ่วชิงยังคงงงวย วันนี้ไม่ใช่วันสำคัญ การปิดร้านในชิงลู่หมายความว่าอย่างไร?!
”พี่ใหญ่ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมซอยชิงลู่ถึงถูกปิด?” อารมณ์ของอวิ๋นซิ่วชิงก็เดือดดาลขึ้นในเวลานี้เช่นกัน นางต้องการทำธุระให้เสร็จในวันนี้แต่ทุกอย่างก็พังหมด
คนขับรถม้าถอนหายใจ “ร้านค้าทั้งหมดในชิงลู่ดำเนินการโดยหัวหน้า ไฉ่เหวินหลินเพียงลำพัง วันนี้หัวหน้าไฉ่เหวินหลินกำลังจัดการแข่งขันประลองยุทธ์กันเพื่อหาคู่แต่งงาน เขาจึงบอกให้ร้านทั้งหมดหยุด เขาจะต้องหาเจ้าบ่าวให้ลูกสาวของเขา นับประสาอะไรกับร้านค้าในชิงลู่ที่ไม่ได้เปิดในวันนี้ แม้แต่วันพรุ่งนี้ก็อาจจะปิดร้านเช่นกัน”
”นี่หมายความว่าอย่างไร? เขาบังคับให้ทุกคนในฉางอันดูการประลองหาคู่แต่งงานให้ลูกสาวของเขาใช่ไหม?” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกว่าไฉ่เหวินหลินจงใจจริง ๆ ดูเหมือนว่าโลกจะไม่หมุนหากไม่มีเขา
”หัวหน้าไฉ่มีอำนาจมากขนาดนั้น เขาไม่เพียงแต่ควบคุมแหล่งอาหารในเมืองฉางอันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแหล่งอาหารในเมืองโดยรอบหลายแห่งด้วย นอกจากนี้ ผู้พิพากษาของเราในเมืองฉางอันยังเคารพหัวหน้าไฉ่ หัวหน้าไฉ่ไม่ใช่นักธุรกิจที่ร่ำรวยธรรมดา เขาเป็นนักธุรกิจที่ทรงอำนาจอย่างแท้จริง” คนขับรถม้าค่อย ๆ บอกอวิ๋นซิ่วชิง
”ลูกสาวของเขาป่วยหรือ? หัวหน้าไฉ่จึงเร่งการแต่งงานเช่นนั้น?” อวิ๋นซิ่วชิงถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติกับลูกสาวของ ไฉ่เหวินหลิน มันจะเป็นเรื่องยากอะไรที่จะแต่งงาน”
คนขับรถม้ามองไปรอบ ๆ และเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครได้ยิน เขาก็กระซิบกับอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางว่า “ใช่ ลูกสาวของท่านไฉ่ นางไม่มีริมฝีปากบนด้วยซ้ำ เจ้ารู้ไหม? คนส่วนใหญ่ไม่กล้าพูด เจ้าสามารถเห็นฟันนางได้โดยไม่ต้องอ้าปาก”
อวิ๋นซิ่วชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลูกสาวของหัวหน้าไฉ่จะต้องเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่*[2] แน่ ๆ
แม้ลูกสาวของหัวหน้าไฉ่จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็ยังสามารถที่จะหาทางรักษาโรคนี้ได้
”พี่ชาย ได้โปรดพาเราไปยังสถานที่ที่ไฉ่เหวินหลินจัดงานประลองหาคู่แต่งงานที”
ตอนนี้อวิ๋นซิ่วชิงได้ตัดสินใจว่านางจะต้องช่วยเหลือลูกสาวของไฉ่เหวินหลินเพื่อที่นางจะได้ทำธุรกิจของนางต่อไปได้
ผูเว่ยชางซึ่งยืนอยู่ข้างหลังอวิ๋นซิ่วชิงได้ยินเช่นั้นก็ขมวดคิ้ว เขาเดาได้ว่านางคิดจะทำอะไร
หลังจากใช้เวลาหลายวันอยู่กับอวิ๋นซิ่วชิง เขาก็รู้ว่านางต้องการช่วยหัวหน้าไฉ่รักษาลูกสาวของเขา
ผูเว่ยชางอยากคุยกับอวิ๋นซิ่วชิง แต่ตอนนี้ยังมีคนขับรถม้าอยู่ด้วย พวกเขาสามารถให้คนอื่นได้ยินคำพูดบางคำได้
อวิ๋นซิ่วชิงนั่งอยู่ในรถม้าและคิดตลอดเวลาว่าจะรักษาโรคปากแหว่งนี้อย่างไร
หากอยู่ในยุคปัจจุบันมันจะก็คงจะรักษาได้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้คือยุคสมัยโบราณ อีกทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกชนิดกลับอยู่ในพื้นที่มิติส่วนตัวของนาง และไม่สามารถนำออกมาสู่สายตาคนในยุคนี้ได้
นางต้องคิดหาทางทำอะไรสักอย่าง และต้องไม่ให้ใครรู้เรื่องพื้นที่มิติส่วนตัวด้วย!
”ชิงเหนียง” ผูเว่ยชางเห็นอวิ๋นซิ่วชิงก้มศีรษะลงและไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เขาจึงเรียกขึ้น
”อืม? มีอะไรหรือ?” ทันใดนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็ฟื้นคืนสติ และมองไปที่ผูเว่ยชางอย่างสงสัย
”ชิงเหนียง เจ้าไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้” ผูเว่ยชางเคยเห็นคนที่มีภาวะปากแหว่งอยู่ในสนามรบ ปากของพวกเขามีสามกลีบเช่นเดียวกับกระต่าย ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเรียกว่าโรคกระต่าย เขายังถามวิธีรักษากับเหยียนเกอ ทว่าแม้แต่เหยียนเกอก็ไม่สามารถช่วยได้
อวิ๋นซิ่วชิงตกตะลึงกับสิ่งที่ผูเว่ยชางเล่า หลังจากนั้นไม่นานนางก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
”ข้าเพียงคิดว่าข้าจะไม่ทำอะไรที่ข้าเองก็ไม่แน่ใจ…”
[1] เป็นการเปรียบเปรยว่าอย่าเร่งรีบทำอะไรรีบร้อนตอนสถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวยและเสี่ยงผิดพลาดได้ง่าย เหมือนกับการกินน้ำเต้าหู้ตอนร้อนจัดก็อาจทำให้ปากพุพองได้
[2] โรคปากแหว่งเพดานโหว่ คือ ความผิดปกติของกระบวนการสร้างโครงสร้างของใบหน้าและช่องปาก ซึ่งทำให้เกิดการเปิดหรือปริแตกในริมฝีปากบนเพดานปากหรือทั้งสอง ส่งผลให้โครงสร้างของใบหน้าของทารกไม่แนบสนิด ความผิดปกตินี้เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยพบว่าเงื่อนไขทางพันธุกรรมหรือกลุ่มอาการที่สืบทอดมาเป็นปัจจัยที่พบบ่อยของภาวะนี้ อย่างไรก็ตาม ปากแหว่งเพดานโหว่สามารถแก้ไขและฟื้นฟูให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ
…
บทที่ 232 ชมความตื่นเต้น
”ชิงเหนียง เป็นไปไม่ได้ที่หัวหน้าไฉ่จะปิดร้านเป็นเวลานาน แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีแหล่งอาหารมากมาย แต่เขาก็คงมีคู่แข่ง หากเขาปิดร้านนานเกินไป คู่แข่งของเขาจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อเอาชนะเขา เพราะฉะนั้นหัวหน้าไฉ่จะไม่ปิดร้านนานเกินไปแน่นอน”
”ข้ารู้ แต่ผูเว่ยชาง ข้าไม่อยากรอให้นานกว่านี้ เราอยู่บนท้องถนนมาเป็นเวลานาน ดังนั้นตอนนี้ข้าไม่สามารถเสียเวลาที่นี่ได้อีก และข้าแน่ใจว่าข้าสามารถรักษาลูกสาวของหัวหน้าไฉ่ได้ ข้าจะไม่ทำอะไรที่ข้าไม่แน่ใจ ผูเว่ยชาง เจ้าต้องเชื่อข้า”
อวิ๋นซิ่วชิงรู้ว่าผูเว่ยชางกำลังปลอบโยนนาง แต่จริง ๆ แล้วนางไม่ต้องการรออีกต่อไป
ผูเว่ยชางตกตะลึงกับคำพูดนั้น แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวได้ตัดสินใจแล้ว เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ตกลง ข้าเชื่อในตัวเจ้า”
เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดของผูเว่ยชาง นางก็เริ่มพูดถึงสิ่งที่นางต้องการมากที่สุดในเวลานี้ นั่นคือความไว้วางใจจากผูเว่ยชาง
ผูเว่ยชางมองไปที่รอยยิ้มของอวิ๋นซิ่วชิงแล้วคิดในใจ
แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะมีปัญหา เขาก็จะยังคงปกป้องอวิ๋นซิวชิงอยู่ข้างหลัง แม้ว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย แต่เขาจะต้องปกป้องอวิ๋นซิ่วชิงให้ได้!
สถานที่จัดการประลองอยู่หน้าบ้านของหัวหน้าไฉ่ คนขับรถม้าพาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไปที่ประตูบ้านของไฉ่เหวินหลิน
แทนที่จะลงจากรถ อวิ๋นซิ่วชิงกลับยกม่านรถขึ้นและมองไปที่บนเวที ในสนามประลองมีเพียงชายวัยกลางคนที่ทรงพลัง นางเดาว่าชายคนนั้นคือหัวหน้าไฉ่เหวินหลิน
ถัดจากไฉ่เหวินหลิน ก็มีชายหนุ่มผู้ยืนอยู่อย่างสง่างาม อวิ๋นซิ่วชิงเห็นว่าใบหน้าของชายคนนั้นเหมือนถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกับไฉ่เหวินหลิน นางจึงรู้ว่าชายคนนี้คงเป็นลูกชายของไฉ่เหวินหลิน
บนเวทีของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในเวลานี้ พ่อบ้านคนหนึ่งกำลังเคาะฆ้องและพูดเสียงดัง “มีกฎข้อเดียวสำหรับการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในตอนนี้ ถ้าเจ้าเอาชนะนายน้อยของเราได้ ก็จะถือว่าเจ้าจะชนะ หากนายน้อยคนใดชนะ เจ้านายของเราจะมอบความมั่งคั่งครึ่งหนึ่งให้และแต่งงานกับลูกสาวของเขา”
หลังจากนั้นผู้ชายใต้เวทีก็เกือบจะบ้าไปแล้ว ดวงตาของทุกคนเป็นสีเงิน…เงินและทอง!
สายตาของอวิ๋นซิ่วชิงนั้นดีมาก นางเห็นไฉ่เหวินหลินกำลังขมวดคิ้วบนเวที เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับกลุ่มคนด้านล่าง
อวิ๋นซิ่วชิงไม่รีบร้อน นางต้องรอจนกว่าไฉ่เหวินหลินจะผิดหวัง เพื่อให้ไฉ่เหวินหลินยอมรับความสามารถของนาง เพราะนางจะไม่ทำอะไรที่ขาดทุน
ผูเว่ยชางไม่รู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังคิดอะไรอยู่ ครั้นเห็นว่าหญิงสาวไม่รีบร้อน เขาก็คิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงยอมแพ้แล้ว เขาจึงคิดว่ามันคงจะเป็นการดีที่จะได้ดูความตื่นเต้นในงานประลองกับอวิ๋นซิ่วชิง
ด้วยเหตุนี้ผูเว่ยชางจึงลงจากรถม้าและซื้อเมล็ดแตงโม แป้งทอด และชามาให้อวิ๋นซิ่วชิงเพื่อให้หญิงสาวมีความสุข
อวิ๋นซิ่วชิงคิดว่าการประลองนั้นน่าสนใจมาก นางกำลังกินขนมแป้งทอดและดูความตื่นเต้น มันเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงเห็นชายคนหนึ่งล้มลงหมดสติด้วยฝีมือลูกชายของหัวหน้าไฉ่ จากนั้นเขาก็ถูกเตะออกจากเวที ดวงตาของนางหรี่ลงพร้อมเสียงหัวเราะ และนางกำลังคิดถึงสิ่งที่นางสมควรได้รับ
บนเวทีของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้มีชายอยู่ห้าคน พวกเขาทั้งห้าคนถูกลูกชายของหัวหน้าไฉ่ทุบตีจนเกือบตาย ถึงอย่างนั้นบางคนก็ยังคงขึ้นเวที
อวิ๋นซิ่วชิงเคาะเมล็ดแตงโมและส่ายหัว “คนเหล่านี้กำลังตายเพื่อเงิน และพวกเขาไม่ได้ดูทักษะของลูกชายหัวหน้าไฉ่เลย มองแวบแรก เหมือนพวกเขาเพียงแค่ต้องการฝึกฝนครอบครัวของพวกเขา”
หลังจากได้ยินคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชางก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นนักสู้?”
ลูกชายของหัวหน้าไฉ่ตัวผอมกะหร่องและอ่อนแอ คนธรรมดาไม่อาจรู้ได้ว่าเขาเป็นนักสู้
ผูเว่ยชางจึงอยากรู้ว่าอวิ๋นซิวชิงรู้ได้อย่างไร