ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 229+230 เริ่มไปที่ตลาดขายผัก/ตรอกชิงลู่ปิด!
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 229+230 เริ่มไปที่ตลาดขายผัก/ตรอกชิงลู่ปิด!
บทที่ 229 เริ่มไปที่ตลาดขายผัก
”ตกลง ข้ารู้แล้ว…” อวิ๋นซิ่วชิงตอบและปิดประตูลง
นางโยนตัวเองลงบนเตียง ตอนนี้นางต้องการเข้าไปในพื้นที่มิติส่วนตัวและนอนในบ่อน้ำพุแห่งจิตวิญญาณเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าของตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าพอ เรื่องที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้นทำให้นางเกือบจะเปิดเผยการมีอยู่ของพื้นที่มิติส่วนตัวของนาง
อวิ๋นซิ่วชิงนอนอยู่บนเตียง เปลือกตาของนางกำลังจะปิดลง ทันใดนั้นเสียงของเสี่ยวเอ้อก็ดังขึ้นจากหน้าประตู “คุณชายให้นำน้ำร้อนมาให้ขอรับ!”
อวิ๋นซิ่วชิงลืมตาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะขานรับ จากนั้นก็ลากร่างที่เหนื่อยล้าของนางลุกจากเตียงแล้วเปิดประตู
เสี่ยวเอ้อยิ้มและนำน้ำร้อนสองถังมาให้อวิ๋นซิ่วชิง จากนั้นก็นำเข้าไปในห้องพักและเทน้ำร้อนลงในอ่างอาบน้ำ อวิ๋นซิ่วชิงเห็นว่าหลังของเสี่ยวเอ้อเปียกก็ขมวดคิ้ว
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำอะไรในช่วงหน้าหนาวของปี แต่คนคนนี้ยังสามารถทำให้เสื้อผ้าเปียกได้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าเสี่ยวเอ้อทำงานหนักมากแค่ไหน
เมื่อเสี่ยวเอ้อทิ้งถังไว้ อวิ๋นซิ่วชิงก็หยิบเหรียญทองแดงออกมาและให้รางวัลแก่เสี่ยวเอ้อ อีกฝ่ายถึงกับขอบคุณนางด้วยแววตาที่ฉายถึงความสุข ก่อนจะเดินออกไป
หลังจากเสี่ยวเอ้อจากไป อวิ๋นซิ่วชิงก็ถอดเสื้อผ้าของนางและนอนลงในอ่างอาบน้ำ แม้ว่าน้ำธรรมดานี้จะไม่ใช่น้ำพุแห่งจิตวิญญาณของนาง แต่นางก็ยังคงรู้สึกสบาย
อวิ๋นซิ่วชิงแช่ตัวอยู่ในน้ำจนกระทั่งน้ำเริ่มเย็นลง จากนั้นนางก็สวมเสื้อผ้าของนางและออกมาจากอ่างอาบน้ำ ก่อนจะนอนลงบนเตียงและนอนหลับอย่างสบายใจ
อวิ๋นซิ่วชิงตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น
หลังจากตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ทันทีที่นางออกจากห้อง นางก็ได้พบกับผูเว่ยชางซึ่งกำลังออกจากห้องเช่นกัน
ผูเว่ยชางมองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “วันนี้เจ้าตื่นเช้ามาก”
นางกลอกตาใส่ผูเว่ยชาง อย่าคิดว่านางไม่ได้ยินเลย เพราะผูเว่ยชางกำลังหัวเราะนางอยู่
ผูเว่ยชางหัวเราะขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาว “ตกลง ๆ ข้าไม่ล้อเจ้าแล้ว เจ้าอยากกินอะไรเป็นอาหารเช้า?”
อวิ๋นซิ่วชิงตอบออกไปตามตรงว่า “ข้าอยากกินเกี๊ยว”
”ตกลง เช่นนั้นเดี๋ยวพวกเราจะกินเกี๊ยว” ผูเว่ยชางไม่สนใจว่าตัวเองจะต้องการกินอะไร เขาสามารถกินอะไรก็ได้ตามที่นางต้องการ
ผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิงเดินลงไปชั้นล่าง พวกเขายังคงนั่งที่โต๊ะเดียวกับเมื่อคืน แต่ละคนสั่งเกี๊ยวและซุปไข่แดงชามใหญ่
อวิ๋นซิ่วชิงกินเกี๊ยวและดื่มซุปหนึ่งคำก็รู้สึกพึงพอใจ นางต้องการกินเกี๊ยวแป้งบาง ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยไส้ และซุปร้อน ๆ สักชามมาตลอด ตอนนี้ความปรารถนาของนางเป็นจริงแล้ว นางจึงพอใจอย่างมาก!
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็ออกไปที่ถนน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามายังเมืองฉางอัน พวกเขาเดินอย่างไร้จุดหมายอยู่พักหนึ่งและหยุดลง
”ผูเว่ยชาง หากเรามัวแต่มองหาไปมาเช่นนี้ เราจะหามันเจอเมื่อไหร่?” อวิ๋นซิ่วชิงเท้าสะเอวพลางขมวดคิ้ว
”เช่นนั้นทำไมเราไม่จ้างรถม้าแล้วปล่อยให้คนขับพาเราไปล่ะ?” ผูเว่ยชางเองก็คิดว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะเสียเวลาในการเดินหาอยู่แบบนี้ได้
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าเห็นด้วย เพราะตอนนี้คงสามารถใช้วิธีนี้ได้เท่านั้น…
อย่างไรก็ตาม หลังจากยืนอยู่บนถนนมาระยะหนึ่งแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็พบว่ารถม้าบนถนนถูกครอบครองโดยผู้คนทั้งหมด ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถหารถม้าได้เลย
”ผูเว่ยชาง เราเป็นคนแปลกหน้าที่นี่ก็อาจจะไม่รู้อะไร ทำไมเราไม่กลับไปที่โรงเตี๊ยมและถามเจ้าของร้านล่ะ?”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบกับเหตุการณ์เช่นนี้ตั้งแต่วันแรกของการมาเยือนเมืองฉางอัน นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย
”ตกลง” ผูเว่ยชางตอบและทั้งสองก็กลับไปที่โรงเตี๊ยม
หลังจากกลับไปที่โรงเตี๊ยม ก็พบเจ้าของโรงเตี๊ยมที่กำลังทำบัญชีอยู่
”เจ้าของโรงเตี๊ยม ท่านรู้ไหมว่าจะไปร้านขายส่งผักในฉางอันได้อย่างไร?” อวิ๋นซิ่วชิงถามอย่างสุภาพ
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองอวิ๋นซิ่วชิงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้ ข้าต้องกินผักทุกวัน เจ้าต้องการซื้อผักหรือ? เจ้าไปที่ซอยชิงลู่ ที่นั่นขายผักอยู่”
”ข้าจะเช่ารถม้าในเมืองได้ที่ไหน?” แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงและพวกเขาก็มีรถม้ามาด้วย แต่พวกเขาไม่คุ้นกับเส้นทาง ดังนั้นจึงอยากให้คนขับรถม้าที่รู้แหล่งขายผักพานางและผูเว่ยชางไปให้ถึงจุดหมาย
…
บทที่ 230 ตรอกชิงลู่ปิด!
“มีหยาหลาง คนที่อยู่ทางประตูทิศใต้ ถ้าเจ้าขอให้เขาเช่ารถม้า เขาจะจัดหาให้เจ้า” เจ้าของโรงเตี๊ยมจัดการให้ นี่เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับแขกของเขา
อวิ๋นซิ่วชิงขอบคุณเจ้าของโรงเตี๊ยมซ้ำแล้วซ้ำอีก
จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็รีบไปที่ประตูทิศใต้ ทางด้านขวาของประตูทิศใต้มีบ้านหลังเล็ก ๆ อวิ๋นซิ่วชิงเดาว่าคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ คือหยาหลาง
อวิ๋นซิ่วชิงต้องการเคาะประตู แต่ถูกผูเว่ยชางหยุดไว้
นางมองไปที่ผูเว่ยชางอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
”ให้ข้าเคาะประตูเอง” ผูเว่ยชางพูดจบก็เคาะประตู
มีเพียงเสียงในบ้านหลังเล็ก ๆ ตอบรับกลับมา จากนั้นประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มที่แต่งตัวดียืนอยู่ตรงหน้า “เจ้าต้องการอะไร?”
”ตอนนี้เราต้องการรถม้าที่คุ้นเคยกับเมืองฉางอัน” ผูเว่ยชางเดินตรงไปข้างหน้า
หยาหลางไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ “เดี๋ยวก่อน ๆ! ข้าจะเรียกรถม้าให้เจ้า”
ด้วยเหตุนี้ หยาหลางจึงรีบออกไป
”เขาไม่คุยเรื่องเงินกับเราก่อนหรือ?” อวิ๋นซิ่วชิงสงสัย
”ผู้ชายคนนี้ไหลลื่นมาก เขากลัวว่าราคาของเขาจะสูงเกินไป และเราจะไม่ต้องการ ดังนั้นเขาจึงต้องการดูว่าเราพอใจกับรถม้าหรือไม่ ก่อนที่จะบอกราคา ถ้าเราพอใจ ก็จะสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง”
แม้ว่าผูเว่ยชางจะไม่เคยทำธุรกิจใด ๆ แต่เขาก็เคยพบใครหลายคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในสนามรบ
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า ที่แท้ก็มีลูกเล่นมากมายในการทำธุรกิจ
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไม่ได้รอนานเกินไป ไม่นานหยาหลางก็กลับมาพร้อมกับคนขับรถม้า
คนขับรถม้ามีพื้นเพมาจากเมืองฉางอัน ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงได้ยินคนขับรถม้าพูดเช่นนั้น นางก็ตัดสินใจใช้คนขับรถม้าคนนี้ทันที
หลังจากที่ผูเว่ยชางและหยาหลางพูดคุยเกี่ยวกับราคา อวิ๋นซิ่วชิงก็ออกมาพูดคุยกับคนขับรถม้า “พี่ชาย เรามาที่เมืองฉางอันเพื่อเตรียมขายส่งผัก เจ้าช่วยพาเราไปที่ซอยชิงลู่ได้ไหม?”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น คนขับรถม้าก็ขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นว่าคนขับรถม้าขมวดคิ้ว นางก็คิดว่าคนขับรถม้าไม่รู้ว่าจะไปที่นั่นได้อย่างไร
หญิงสาวจึงขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? เจ้าไม่รู้ทางไปที่ชิงลู่หรือ?”
”แม่นาง ข้ารู้เส้นทางถนนในฉางอันเป็นอย่างดี ข้าไปที่ซอยชิงลู่ทุกวัน แต่ร้านค้าทั้งหมดในซอยชิงลู่ปิดทำการในวันนี้”
คนขับรถม้าไม่คาดคิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะไปตรอกชิงลู่ในวันนี้ ร้านค้าทั้งหมดในซอยชิงลู่ปิดทำการในวันนี้ เขาจึงดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก และดูเหมือนว่าการเช่ารถม้าของเขาจำเป็นต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกงุนงง นางกับผูเว่ยชางพยายามมาโดยตลอดเพื่อที่จะซื้อผัก ทว่าวันแรกที่พวกเขามาถึง ซอยชิงลู่ก็ดันปิดทำการเสียได้ มันไม่บังเอิญเกินไปหรือ?
”แม่นาง ทำไมเจ้าไม่เลือกที่อื่นล่ะ?” คนขับรถม้าไม่อยากให้ธุรกิจตัวเองโดนยกเลิก
ทว่าตอนนี้จิตใจของอวิ๋นซิ่วชิงว่างเปล่าไปเสียแล้ว นางจะได้ยินสิ่งที่คนขับรถม้าพูดหรือ?
อวิ๋นซิ่วชิงกังวลจนแทบเวียนหัว
ในเวลานั้นผูเว่ยชางและหยาหลางได้ลงนามในสัญญาแล้ว พวกเขาเช่ารถม้าเป็นเวลาหนึ่งวันและใช้เพียงเหรียญทองแดงเดียว
”ชิงเหนียง เราไปกันได้แล้ว” ผูเว่ยชางเดินไปหาอวิ๋นซิ่วชิงที่บัดนี้กำลังก้มศีรษะลง เขาจึงไม่เห็นว่าใบหน้าของอวิ๋นซิ่วชิงบิดเบี้ยวแค่ไหน
”ผูเว่ยชาง ร้านค้าทั้งหมดในชิงลู่ปิดทำการในวันนี้ มันไม่มีประโยชน์สำหรับเราที่จะไปที่นั่น”
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วขณะบอกความจริงกับผูเว่ยชาง
”เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าร้านค้าทั้งหมดปิด?” ผูเว่ยชางถาม
”นั่นคือสิ่งที่พี่ใหญ่พูด” แม้อวิ๋นซิ่วชิงจะไม่คุ้นเคยกับคนขับรถม้า แต่นางก็รู้ว่าคนขับรถม้าจะไม่หลอกลวงนางเพื่อให้ธุรกิจการเช่ารถม้าต้องล้มเลิก
คนขับรถม้าเองก็อารมณ์ไม่ดีในเวลานี้ แต่เขาก็ซื่อสัตย์พอที่จะไม่หลอกลวงลูกค้าของเขา
“มันเป็นเช่นนั้นจริง แต่ถ้าเจ้าสองคนไม่เชื่อ ให้ข้าพาไปที่ซอยชิงลู่ได้”
ผูเว่ยชางจ้องมองคนขับรถม้า เขารู้ว่าคนขับรถม้าไม่ได้โกหก
เขาไม่คิดว่าจะได้เจอกับเรื่องเช่นนี้ตั้งแต่วันแรก น่าปวดหัวจริง ๆ