ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 221+222 เจ้าของโรงเตี๊ยม...ชุ่ยหง/ไม่อยากให้ถือสาหาความ
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 221+222 เจ้าของโรงเตี๊ยม...ชุ่ยหง/ไม่อยากให้ถือสาหาความ
บทที่ 221 เจ้าของโรงเตี๊ยม…ชุ่ยหง
เล่ยถิงจัดให้คนของเขาขับรถม้าของอวิ๋นซิ่วชิงตามมา และเขาก็พาอวิ๋นซิ่วชิงขึ้นไปบนภูเขา
อวิ๋นซิ่วชิงไม่เคยขี่ม้า นางนั่งอยู่บนม้ากับเล่ยถิง ถนนบนภูเขาสั่นไหวจนอวัยวะภายในของนางแทบจะทะลักออกมา
อวิ๋นซิ่วชิงไปถึงฐานที่มั่นเฮยเฟิง นางคิดว่าเล่ยถิงกำลังพานางไปทางลัดระหว่างทาง ดังนั้นนางจึงไม่ได้ถามอะไรมาก แต่เมื่อนางเห็นโล่ประกาศเกียรติเจ้าของฐานที่มั่นเฮยเฟิง นางก็คว้าดึงบังเหียนและกระโดดลงจากหลังม้าทันที
เล่ยถิงถามออกมาทันที “เจ้ากำลังทำอะไร กระโดดลงจากหลังม้าทำไม?”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่สนใจคำถามของเล่ยถิง ตอนนี้นางเป็นห่วงผูเว่ยชางมากที่สุด เมื่อมองเล่ยถิงที่ยังคงอยู่บนหลังม้า นางถามขึ้นทันทีว่า “เล่ยถิง เจ้าไม่พาข้าไปหาผูเว่ยชางหรือ? เจ้าพาจะข้ามาฐานที่มั่นเฮยเฟิงเพื่ออะไร?”
”ผูเว่ยชางอยู่ในนี้” เล่ยถิงลงจากหลังม้าและขมวดคิ้ว
”เจ้าเป็นผู้ลักพาตัวผูเว่ยชางมาหรือ?” นางตะโกนถามออกมา
เล่ยถิงทำอะไรไม่ถูก เขากลัวว่าหญิงสาวจะเข้าใจผิด “อวิ๋นซิ่วชิง ใจเย็น ๆ ก่อน หากข้าลักพาตัวผูเว่ยชาง เมื่อวานนี้ข้าจะปล่อยเขาไปทำไม?”
”แล้วทำไมผูเว่ยชางถึงมาอยู่ในฐานที่มั่นเฮยเฟิง”
”ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังทีหลัง ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาผูเว่ยชางก่อน” เล่ยถิงรู้สึกว่าถ้าเขาอธิบายให้อวิ๋นซิ่วชิงฟังตอนนี้ ร่างกายที่สมบูรณ์แบบของผูเว่ยชางคงจะไม่สามารถคงอยู่ไว้ได้
”ดี” อวิ๋นซิ่วชิงเริ่มสงบจิตใจได้ นางเข้าใจว่าการตามหาผูเว่ยชางเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ และนางจะฟังคำอธิบายเรื่องนี้ทีหลัง
จากนั้นเล่ยถิงก็พาอวิ๋นซิ่วชิงเข้าไปในฐานที่มั่นเฮยเฟิง อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะเล่ยถิงให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย แต่เป็นเพราะนางมีพื้นที่มิติส่วนตัวอยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกลัวอันตรายใด ๆ
เวลานี้ผูเว่ยชางเกือบจะหมดความอดทน และเจ้าของโรงเตี๊ยมก็ใกล้จะหมดลมหายใจเช่นกัน
นางไม่รู้จริง ๆ ว่าอวิ๋นซิ่วชิงอยู่ที่ไหน นางบอกกับผูเว่ยชางไปเกือบร้อยครั้ง แต่ชายรูปงามที่แสนโหดเหี้ยมไม่ยอมเชื่อนาง และถึงกับหักข้อนิ้วของนางอีกด้วย!
ผูเว่ยชางใจร้อน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าจะถามเจ้าอีกเป็นครั้งสุดท้าย อวิ๋นซิ่วชิงอยู่ที่ไหน? หากเจ้ายังไม่บอกข้า ข้าจะตัดแขนและขาของเจ้าออก และทำให้เจ้าอยากตายเสียมากกว่ามีชีวิตอยู่!”
แม้ว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมจะเกิดมาเป็นโจร แต่นางก็ได้ยินบทละครมามากมาย
นางรู้ว่าคำพูดของผูเว่ยชางหมายถึงอะไร นางจึงตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
หากนางรู้ล่วงหน้าว่าผูเว่ยชางเก่งกาจและโหดเหี้ยมเช่นนี้ นางคงจะไม่กล้าทำเรื่องน่าอายและอุกอาจแบบนี้แน่!
”ข้าไม่รู้จริง ๆ ข้าไม่เห็นแม้แต่เงาของอวิ๋นซิ่วชิงด้วยซ้ำ!” ในหัวของเจ้าของโรงเตี๊ยมตอนนี้เป็นเหมือนกลองสั่น นางกลัวว่าผูเว่ยชางจะไม่เชื่อคำพูดของนาง จึงรีบขยับตัวออกไปแล้วกล่าวต่อ “สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง หม่าซือยังรู้ เขาสามารถพิสูจน์และเป็นพยานให้ข้าได้ ข้าสามารถเรียกเขามาได้ สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง!”
ผูเว่ยชางไม่พูดอะไรออกมา แต่จ้องมองเจ้าของโรงเตี๊ยมด้วยสีหน้าโหดร้าย เขาเดินเข้าไปหาเจ้าของโรงเตี๊ยมราวกับผีที่ดุร้าย ก่อนจะคว้าไหล่ของนางไว้
อวิ๋นซิ่วชิงเดินตามเล่ยถิงไปยังบ้านที่มีโคมแดง นางเข้าไปในฐานที่มั่นเฮยเฟิงและเห็นห้องมามากมาย แต่มีเพียงห้องเดียวที่มีโคมไฟสีแดง
อวิ๋นซิ่วชิงเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟสีแดงด้วยความสงสัย และเห็นคำว่า ‘囍’ (ซวงสี่)*[1] บนโคมแดง
ขณะที่นางกำลังสงสัย ทันใดนั้นเสียงครวญครางแหลมคมก็ดังออกมาจากห้องดังกล่าว
เล่ยถิงคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก แม้ว่าชุ่ยหงจะเป็นผู้หญิงและอ้วน แต่นางก็เป็นหนึ่งในจอมโจรคนสนิทของเขา การที่นางกรีดร้องเสียงโหยหวนเช่นนี้ ต้องมีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้นแน่
เล่ยถิงรีบเตะประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไป
อย่างไรก็ตามก่อนที่เล่ยถิงจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ก็มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้านหน้าของเขา
[1] หรือที่เรียกว่า ซังฮี้ แปลว่า ความสุข ความยินดี มาจาก ‘双喜’ (ซวงสี่) ซึ่งแปลว่า มงคลคู่ หรือ มงคลคู่มงคล มงคลซ้อนมงคล เป็นสัญลักษณ์มงคลที่นิยมใช้สำหรับงานแต่งงานของคนจีน
…
บทที่ 222 ไม่อยากให้ถือสาหาความ
ผูเว่ยชางถอดแขนเจ้าของโรงเตี๊ยมออก ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้านอกบ้าน
ผูเว่ยชางรออยู่ที่ประตูทันที และเมื่อผู้มาเยือนเข้ามา เขาก็เล่นงานหญิงอ้วนอย่างรุนแรง
เล่ยถิงรู้ว่าหากหมัดนั้นกระทบลงบนหัวของเขา เขาคงจะต้องตายตกอย่างแน่นอน เขาจึงได้แต่ขยับเลี้ยวไปด้านข้างด้วยความเร็วที่สุดเท่านั้น และหมัดนั้นก็ตกลงมาที่แขนของเขา เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของผูเว่ยชางนั้นมากมายนัก
ด้วยหมัดเดียว เล่ยถิงก็ถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา แขนของเขาก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน
อวิ๋นซิ่วชิงไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนแรก ทว่าเมื่อนางเห็นผูเว่ยชางก็ตะโกนขึ้น “ผูเว่ยชาง!”
ในจังหวะแรกนั้นผูเว่ยชางไม่เห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงอยู่ในห้องจึงอยากเล่นกระบวนท่าที่สอง แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงของอวิ๋นซิ่วชิง เขาก็รีบถอนการเคลื่อนไหวและหันไปมอง
”ชิงเหนียง?” ผูเว่ยชางไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่คิดว่าจะได้พบกับอวิ๋นซิ่วชิงที่มาพบเขาด้วยตัวเอง
อวิ๋นซิ่วชิงรีบสำรวจตามใบหน้าของผูเว่ยชาง และน้ำตาของนางก็ไหลออกมา “ผูเว่ยชาง เจ้าทำให้ข้ากลัวจริง ๆ ในที่สุดข้าก็พบเจ้า!”
ผูเว่ยชางยกมือขึ้นและเช็ดน้ำตาของอวิ๋นซิ่วชิง น้ำตาอุ่น ๆ แทรกซึมเข้าไปในปลายนิ้วของเขา และกระตุ้นให้หัวใจเต้นแรง เขาต้องการกอดอวิ๋นซิ่วชิง แต่ทว่าจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญดังขัดจังหวะขึ้นมา
อวิ๋นซิ่วชิงเช็ดน้ำตาของนาง และรีบกวาดสายตาสำรวจชายหนุ่มอย่างถี่ถ้วน หลังจากแน่ใจแล้วว่าผูเว่ยชางไม่บาดเจ็บ นางก็โล่งใจ
”เจ้าสองคนพูดกันเสร็จหรือยัง?” เล่ยถิงจับแขนอีกข้างของผูเว่ยชางด้วยมือข้างหนึ่งและถามพลางขมวดคิ้ว
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปหาเล่ยถิง “เล่ยถิง ขอบคุณมากที่ช่วยข้าตามหาผูเว่ยชาง แต่เจ้าต้องอธิบายให้ข้าฟังว่าทำไมผูเว่ยชางถึงได้มาอยู่ในฐานที่มั่นเฮยเฟิงของเจ้า”
แม้ว่าผูเว่ยชางจะไม่เป็นอะไร แต่นางก็ยังต้องการความจริง ทั้งยังคงคิดว่าการทุบตีจากผูเว่ยชางก่อนหน้านี้นั้นเบาเกินไป
เล่ยถิงยิ้มอย่างขมขื่น “เอาล่ะ ไปคุยกันเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและกำลังจะเข้าไปในห้อง ทว่าผูเว่ยชางกลับหยุดนางไว้ “เกิดอะไรขึ้น?”
ผูเว่ยชางไม่อยากให้อวิ๋นซิ่วชิงเข้ามาในห้องนี้ เขาไม่ต้องการให้หญิงสาวเห็นว่าเขาใช้วิธีการที่โหดร้ายในการจัดการหญิงอ้วนที่แสนน่าเกลียดคนนี้อย่างไร
”เปลี่ยนห้องเถอะ” ผูเว่ยชางพูดอย่างไร้อารมณ์
เล่ยถิงจึงพยักหน้า “ตกลง”
จากนั้นเล่ยถิงก็พาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไปฐานที่มั่นของเขาเอง บ้านของเล่ยถิงเป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดและงดงามที่สุดในฐานที่มั่นแห่งนี้
หลังจากที่เข้าไปในบ้าน เขาก็สั่งให้ใครบางคนส่งชุ่ยหงไปหาหมอ จากนั้นเขาก็นั่งอยู่ภายในห้องโถงกับอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง
”อวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชาง ข้าขอโทษจริง ๆ สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันเป็นความสะเพร่าของข้าที่ทำให้ลูกน้องของข้าลักพาตัวเจ้ามา”
เล่ยถิงมีมันสมองที่จะเป็นผู้นำของฐานที่มั่นเฮยเฟิง ในเวลานี้เขาต้องขอโทษเสียก่อนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
อวิ๋นซิ่วชิงจิบชาและเหลือบมองผูเว่ยชาง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาดูสงบ นางก็พูดขึ้นว่า “เล่ยถิง เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ เราแค่ต้องการคำอธิบายเท่านั้น”
จากนั้นเล่ยถิงก็เริ่มอธิบายให้ทั้งสองฟังว่า “ผู้หญิงที่ลักพาตัวผูเว่ยชาง คือ ชุ่ยหง ครอบครัวของนางเคยอยู่ในหน่วยงานคุ้มกัน แต่เมื่อสามปีที่แล้วครอบครัวของนางถูกโจรแห่งภูเขาหลางเตาฆ่าตาย และนางก็กลายมาเป็นโจรในภูเขาเฮยเฟิง”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า นางไม่คิดว่าหญิงอ้วนชุ่ยหงจะมีประวัติอันยาวนานเช่นนี้
ช่างน่าสงสาร แต่ก็ยังนึกเกลียดชังเพราะสิ่งที่ทำกับพวกนางอยู่ดี
”ชุ่ยหงมาที่ฐานที่มั่นเฮยเฟิง และมอบเงินหลายเกวียนให้กับฐานที่มั่นของเรา นางมีคำขอเพียงคำขอเดียว นั่นคือนอกเหนือจากโจรแห่งภูเขาหลางเตาแล้ว ข้ายังต้องเติมเต็มความปรารถนาของนางภายในสองปี หลังจากความปรารถนาของนางเป็นจริง ชุ่ยหงก็เริ่มกินมากเกินไป และในที่สุดก็กลายเป็นหญิงอ้วน”
เล่ยถิงไม่ได้บอกสาเหตุที่ชุ่ยหงลักพาตัวผูเว่ยชาง ตอนนี้เขาเพียงกล่าวถึงประสบการณ์ชีวิตของชุ่ยหงเพื่อให้อวิ๋นซิ่วชิงเห็นอกเห็นใจ