ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 215+216 วางยา/ดักรอฆ่า
บทที่ 215 วางยา
อวิ๋นซิ่วชิงรีบผลักห้องของผูเว่ยชางออก แล้วเดินเข้าไปในห้อง
นางยังพยายามมองหาเขาที่มุมห้อง แต่ก็ไม่พบร่างของเขา หัวใจของนางกำลังเต้นแรงจนเกือบจะกระโดดออกจากอก
”แม่นาง เพื่อนของเจ้าไม่อยู่ที่นี่…” ทันใดนั้นเสียงเจ้าของโรงเตี๊ยมก็ดังมาจากด้านหลังอวิ๋นซิ่วชิง
อวิ๋นซิ่วชิงตกใจเมื่อได้ยินเสียงจากเจ้าของโรงเตี๊ยม นางหันหลังกลับไปมองเจ้าของโรงเตี๊ยมอย่างระแวดระวัง
เจ้าของโรงเตี๊ยมไม่ได้โกรธ แต่เพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “แม่นาง เจ้าอย่ากลัวเลย ข้าเห็นเพื่อนของเจ้าออกไปเมื่อเช้านี้ เขาคงจะกลับมาทีหลัง”
แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะคิดว่าเจ้าของร้านดูเป็นคนแปลก ๆ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำอะไรกับนาง นางจึงโล่งใจและพยักหน้าตอบ “ขอบคุณที่บอกข้า”
”เรื่องเล็กน้อย” อีกฝ่ายยิ้ม
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าอย่างสุภาพ จากนั้นก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง จัดการมัดสิ่งของของนาง จากนั้นก็พลิกหนังสือยาที่เหยียนเกอมอบให้
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นซิ่วชิงเปิดเพียงหน้าเดียว และนางไม่สามารถอ่านได้อีก
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกแปลก นางไม่เคยเลือกปฏิบัติกับใคร แต่เจ้าของร้านคนนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แม้เจ้าของร้านคนนี้จะอ่อนโยนต่อนางและผูเว่ยชาง แต่นางกลับรู้สึกไม่ชอบคนคนนี้
นางไม่ได้เกลียดความอ้วนของอีกฝ่าย เพราะนางก็เคยอ้วนเหมือนกัน
อวิ๋นซิ่วชิงยกมือขึ้นและลูบหน้าตัวเอง นางรู้สึกว่าตัวเองกำลังประหม่า เหมือนผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน
อวิ๋นซิ่วชิงอ้างถึงความคิดแปลก ๆ กับความกังวลใจของตัวเอง หลังจากที่คิดออกนางก็เริ่มอ่านตำรายา
หลังจากที่ผูเว่ยชางออกจากห้องพักไป เขาก็ซื้อของบางอย่างและอาหารแห้ง
ผูเว่ยชางได้ซื้อซาลาเปาอีกสองสามชิ้นก่อนกลับโรงเตี๊ยม และทันทีที่เขาเข้าไปถึง ก็ได้พบกับเจ้าของโรงเตี๊ยมที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใส
ผูเว่ยชางพยักหน้าให้อีกฝ่าย และตรงไปที่ห้องของอวิ๋นซิ่วชิง
”ชิงเหนียง เจ้าตื่นหรือยัง?” ผูเว่ยชางเคาะประตูห้องของอวิ๋นซิ่วชิงเบา ๆ
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงได้ยินเสียงของผูเว่ยชาง นางก็วางตำรายาลงทันทีและเปิดประตูให้ “ผูเว่ยชาง เจ้าไปทำอะไรมา? ข้ากลัวแทบตาย”
”ข้าออกไปซื้อของบางอย่าง” ผูเว่ยชางเข้าไปในห้องของอวิ๋นซิ่วชิงด้วยรอยยิ้มและยื่นซาลาเปายัดไส้ให้นาง
หลังจากเอาซาลาเปาเข้าปากแล้ว อวิ๋นซิ่วก็ชิงมองไปทางซ้ายและขวา หลังจากที่เห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ นางก็กระซิบกับผูเว่ยชางว่า “ผูเว่ยชาง เจ้าไม่รู้ ตอนที่ไม่มีใครอยู่ในห้องของเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าถูกเจ้าของโรงเตี๊ยมอ้วนคนนั้นฆ่าตายอย่างลับ ๆ”
เมื่อผูเว่ยชางได้ยินสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิงพูด เขาก็หัวเราะและพูดว่า “ข้าเก่งวรยุทธ์มากจนคนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำอะไรข้าได้”
”มันง่ายที่จะซ่อนตัวจากหอกที่เห็น แต่ยากที่จะป้องกันลูกศรที่ซ่อนอยู่” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวพลางรู้สึกอับอายอย่างมาก นางควรเชื่อใจความสามารถของผูเว่ยชาง แต่ในเวลานั้น สมองของนางไม่สามารถควบคุมได้
”ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเราจะออกเดินทางกันในวันนี้ แม้จะมีอะไรเกิดขึ้นคืนนี้ เราก็คงจากไปแล้ว” ผูเว่ยชางยิ้มให้อวิ๋นซิ่วชิง
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าเพราะผูเว่ยชางพูดถูก พวกเขาจะออกเดินทางในวันนี้ ก่อนหน้านี้นางคงกังวลมากเกินไปจริง ๆ
หลังจากกินซาลาเปาแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็เก็บของของพวกเขากลับไปที่ห้องพัก จากนั้นก็ขึ้นรถม้าที่สวนหลังบ้านและออกเดินทางทันที
หลังจากที่ทั้งสองจากไป เจ้าของโรงเตี๊ยมร่างอ้วนก็ยืนอยู่ที่ประตู นางจ้องมองไปที่รถม้าของอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางด้วยดวงตาที่หรี่ลง
”ลูกพี่ลูกน้องเจ้าทำงานเสร็จหรือยัง? ข้าเบื่อที่จะรอแล้ว” นางพูดพลางเหลือบมองเจ้าของร้านขายซาลาเปาที่หน้าประตู
”ไม่ต้องห่วง ในซาลาเปายัดไส้นึ่งที่พวกเขากินไป สิ่งที่ข้ายัดใส่คือยานอนหลับที่ทำในฐานที่มั่นของเรา มันไม่มีสีและรส ไม่มีใครสามารถสังเกตเห็นได้ พวกเขาจะสลบทันทีที่ออกเดินทางไปได้ไม่นาน” ชายขายซาลาเปาตอบออกมา
…
บทที่ 216 ดักรอฆ่า
หลังจากฟังคำพูดของชายขายซาลาเปา เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ยิ้มและพูดว่า “หม่าซือ ไปสวนหลังบ้านเพื่อนำม้าออกมา เราจะไล่ตามพวกเขาไป”
”พี่สาว สองคนนั้นดูไม่เหมือนคนที่ร่ำรวย ผู้นำไม่อนุญาตให้เราปล้นคนจน พวกเราทำเช่นนี้จะดีหรือ?” หม่าซือถามอย่างระมัดระวัง
”ใครบอกว่าข้าจะปล้นทรัพย์สมบัติของพวกเขา? ข้าไม่ต้องการเงินเหล่านั้น ข้าต้องการผู้ชาย ข้าไม่สามารถปล้นพวกเขาได้” เจ้าของโรงเตี๊ยมจ้องมองหม่าซือพลางเท้าเอวและเริ่มดุ
หม่าซือมองไปที่ร่างของเจ้าของโรงเตี๊ยมและกลืนน้ำลายด้วยความกลัว ร่างของเจ้าของโรงเตี๊ยมสามารถฆ่าเขาด้วยการทับจนแบนแต๊ดแต๋ เขาไม่กล้าอืดอาดยืดยาดอีก จึงรีบวิ่งกลับไปที่สวนหลังบ้านทันทีและนำม้าสองตัวออกไป
ผูเว่ยชางกำลังขับรถม้า อวิ๋นซิ่วชิงนั่งอยู่ในรถม้าและมองไปที่ตำรายา
ทันใดนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็รู้สึกเวียนหัว หญิงสาวยกมือขึ้นและลูบขมับของตัวเอง นางคิดว่านางเวียนหัวเพราะถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ นางจึงพูดกับผูเว่ยชางที่อยู่ข้างนอกว่า “ผูเว่ยชาง ช้าลงหน่อยได้ไหม? ข้ารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย…”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงตะโกน นางก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากผูเว่ยชาง
อวิ๋นซิ่วชิงเริ่มรู้สึกไม่ดี นางรีบดึงม่านรถม้าเพื่อดูว่าผูเว่ยชางอยู่ในรถม้าหรือไม่ แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในรถม้า ในเวลานี้อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกวิงเวียนมากขึ้น
อวิ๋นซิ่วชิงกัดลิ้นของนางอย่างไร้ความปรานีและกลิ่นเลือดก็กระจายอยู่ในปาก ทำให้ตื่นขึ้นมาเล็กน้อย บัดนี้ม้าวิ่งช้าลงเรื่อย ๆ และในที่สุดก็หยุดลง
หลังจากรถม้าหยุดลง อวิ๋นซิ่วชิงก็กระโดดออกจากรถม้ามาเกาะอยู่ตรงประตูรถม้าและมองหาร่างของผูเว่ยชาง
ทันใดนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็เห็นผูเว่ยชางอยู่ด้านหลังรถม้าเพียงไม่กี่ลี้
นางลงจากรถม้าทันทีทั้งที่ยังรู้สึกวิงเวียน ขณะนั้นนางก็เห็นม้าสองตัวกำลังวิ่งเข้ามาหา
อวิ๋นซิ่วชิงมองไม่เห็นว่าม้าสองตัวนั้นเป็นของใคร แต่นางเห็นว่าหนึ่งในนั้นแต่งกายด้วยสีแดงสด ซึ่งทำให้นางนึกถึงเจ้าของโรงเตี๊ยม
เจ้าของโรงเตี๊ยมร่างอ้วนแต่งกายด้วยชุดสีแดงสด เมื่อได้พบกับเจ้าของโรงเตี๊ยมเป็นครั้งแรกนางคิดว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมคนนี้กำลังสวมชุดแต่งงานเสียอีก
อวิ๋นซิ่วชิงกุมหน้าอกตัวเองไว้ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะตาย นางรู้ว่าสาเหตุที่นางยังฝืนยืนอยู่ในตอนนี้ได้เป็นเพราะเมื่อคืนได้แช่น้ำพุจิตวิญญาณ มิฉะนั้นนางคงจะต้องหมดสติเร็วกว่าผูเว่ยชาง
เมื่อเปลือกตากำลังจะปิดลง นางได้ฝืนลืมตาขึ้นด้วยความพยายามครั้งสุดท้ายและมองไปที่ตำแหน่งของผูเว่ยชาง นางเห็นว่าหญิงร่างอ้วนในชุดแดงกำลังหยุดอยู่ข้างผูเว่ยชาง
หญิงสาวไม่สามารถทำอะไรได้อีก นอกจากหลับตาลงแล้วเข้าไปในพื้นที่มิติส่วนตัวอย่างเงียบ ๆ นางต้องเข้าไปในมิติเท่านั้นถึงจะช่วยผูเว่ยชางได้
เจ้าของโรงเตี๊ยมหยุดอยู่ข้างผูเว่ยชาง ครั้นมองดูรูปลักษณ์ของผูเว่ยชาง นางก็พูดอย่างขึ้นว่า “เจ้าจะทำอย่างไรดีล่ะถ้าข้าทำลายใบหน้าของเจ้า? สิ่งที่ข้าต้องการก็คือใบหน้าของเจ้า!”
เจ้าของโรงเตี๊ยมหันหลังกลับและลงจากม้า แม้ว่านางจะอ้วน แต่ก็สามารถลงจากหลังม้าได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อนางเห็นว่าใบหน้าของผูเว่ยชางมีรอยขีดข่วนตื้น ๆ บนหน้าผาก แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรูปร่างหน้าตาของผูเว่ยชาง เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ
หัวใจของหม่าซือสั่นไหวด้วยความกลัวเมื่อเขาเห็นเจ้าของโรงเตี๊ยมแสดงสีหน้าลามกอนาจาร “พี่สาว แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”
เมื่อพูดถึงอวิ๋นซิ่วชิง สีหน้าของเจ้าของโรงเตี๊ยมก็ดูเคร่งขรึมขึ้น นางไม่ชอบผู้หญิงที่ผอมกว่าและสวยกว่านาง “นางไม่ได้อยู่ในรถม้าหรือ? ก็ไปดูสิ!”
หม่าซือขี่ม้าเร็วไปที่รถม้าของอวิ๋นซิ่วชิงทันที แต่เมื่อมองเข้าไปภายในรถม้ากลับไม่พบอวิ๋นซิ่วชิง เขาไม่เห็นแม้แต่เส้นผมของนางเสียด้วยซ้ำ
สองขาของหม่าซือถึงกับสั่นอย่างช่วยไม่ได้