ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 211+212 ขอโทษให้มันดัง ๆ!/หว่านเมล็ดพันธุ์ความแค้น
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 211+212 ขอโทษให้มันดัง ๆ!/หว่านเมล็ดพันธุ์ความแค้น
บทที่ 211 ขอโทษให้มันดัง ๆ!
แม้ว่าชายตาเดียวจะพูดอย่างสุภาพ แต่ลูกน้องของเขายังคงหยาบคาย
ลูกน้องคนหนึ่งของเขาเปิดม่านรถม้าขึ้น เมื่อเขาเห็นอวิ๋นซิ่วชิงในรถม้า แววตาของชายคนนั้นก็เปล่งประกายฉายแววลามกทันที “พี่สาม มีผู้หญิงคนหนึ่งซ่อนอยู่ในรถม้า นางสวยมาก!!”
สิ่งที่ลูกน้องมังกรตาเดียวพูดนั้นไม่เกินจริงแต่อย่างใด อวิ๋นซิ่วชิงที่เคยทั้งตาตี่และอ้วนฉุ แต่หลังจากได้ดื่มและแช่ตัวด้วยน้ำพุแห่งจิตวิญญาณในพื้นที่มิติส่วนตัว ตอนนี้ไม่เพียงแต่ผอมลงเท่านั้น ผิวพรรณของนางก็ขาวผุดผ่องเป็นยองใย พร้อมกับดวงตาที่กลมโตยิ่งกว่าเดิม ทำให้นางกลายเป็นผู้หญิงที่งดงามอย่างมาก
อวิ๋นซิ่วชิงจ้องมองลูกน้องของมังกรตาเดียวที่กำลังยกม่านรถขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ท่ามกลางดงโจร นางคงจะตบชายผีทะเลผู้นี้ไปแล้ว!
เมื่อได้ยินรายงานของลูกน้อง มังกรตาเดียวก็ประหลาดใจและขมวดคิ้ว “ยังมีหญิงงามอยู่ในรถม้าหรือ?”
”พี่ชาย ภรรยาของข้าอยู่ข้างใน ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถิด” ผูเว่ยชางพูดด้วยเสียงเย็นชา
มังกรตาเดียวหัวเราะเสียงดังจนหน้าอกกระเพื่อม “ข้าเป็นโจร ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใคร มาเถอะ เอาผู้หญิงออกมา!”
ก่อนที่มังกรตาเดียวจะพูดจบ มีดของผูเว่ยชางก็จ่อที่ลำคอของเขาแล้ว “เจ้าเชื่อไหมว่าถ้าเจ้าพูดอีกคำหนึ่ง ข้าจะส่งเจ้าไปทางทิศตะวันตก!”
ชายตาเดียวกลัวมากจนกลืนน้ำลายลงคอ “ข้าล้อเล่น แค่ล้อเล่นน่า!”
ลูกน้องสองคนของมังกรตาเดียววิ่งหนีทันทีที่เขาเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว
ผูเว่ยชางพ่นลมอย่างเย็นชาและพูดด้วยเสียงสูง “เล่ยถิง นั่นคือวิธีที่เจ้าทักทายเพื่อนเก่าของเจ้าหรือ?”
ผูเว่ยชางไม่อยากคุยกับเล่ยถิง แต่มังกรตาเดียวเป็นคนของเล่ยถิง หากชายตาเดียวไม่หยุดพวกเขาอีก ผูเว่ยชางอาจยังสามารถเพิกเฉยและไม่สนใจพวกเขาได้ แต่ไม่ใช่ในเวลานี้
หลังจากกลับบ้าน เขาจะเขียนจดหมายถึงเมืองหลวงเพื่อกวาดล้างรังโจรอย่างแน่นอน
เล่ยถิงที่ยืนอยู่บนยอดเขาก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเอง
ครั้นมองลงมาเขาก็รู้สึกว่าคุ้นเคยกับใบหน้าของผูเว่ยชางอย่างมาก แต่เขาก็จำอีกฝ่ายไม่ได้ในทันที
ขณะนี้เองลูกน้องของเขาก็ตะโกนว่า “ท่านผู้นำ ชายด้านล่างนี้ข่มขู่พี่สาม!!”
เล่ยถิงรีบลงมาพร้อมกับม้าของเขาทันที
เมื่อเล่ยถิงมาถึงและเห็นผูเว่ยชางอย่างชัดเจนก็จำผูเว่ยชางได้ เขาขมวดคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ผูเว่ยชาง?”
ผูเว่ยชางพ่นลมอย่างเย็นชา และผลักมังกรตาเดียวที่ถูกมีดจี้คอออกไป “นานเหลือเกินนะกว่าเจ้าจะจำข้าได้”
แม้เล่ยถิงจะเป็นโจร แต่เขาก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักและความชอบธรรม ผูเว่ยชางได้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ และเขาต้องการตอบแทนบุญคุณ
ในเวลานี้เขาเห็นคนของตัวเองคุกคามผูเว่ยชาง จึงรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที “พี่ผู ข้าขอโทษ”
ผูเว่ยชางไม่ตอบ แต่มองมังกรตาเดียวอย่างเย็นชา
เล่ยถิงเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าสายตาของผูเว่ยชางหมายถึงอะไร
เล่ยถิงลงจากหลังม้าแล้วเดินไปหามังกรตาเดียว ก่อนจะยกเท้าขึ้นและเตะอีกฝ่าย “เจ้าคิดจะทำอะไรฮะ? คนคนนี้เคยช่วยชีวิตข้า เจ้ากล้าทำให้เขาขุ่นเคืองงั้นหรือ? เจ้าต้องการให้ข้าเป็นอะไรไปใช่ไหม?!!”
ชายตาเดียวเองก็ถูกทำร้ายเช่นกัน เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยก็ถูกผูเว่ยชางกดมีดลงที่คอของเขา “พี่ชาย ข้าถูกใส่ร้าย ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย!!”
”ถุย! ถ้าเจ้าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมผู้มีพระคุณของข้าถึงปฏิบัติต่อเจ้าแบบนั้น? เจ้าต้องทำอะไรสักอย่าง? รีบไปขอโทษพี่ผูเดี๋ยวนี้!”
เล่ยถิงปล่อยให้เขาขอโทษผูเว่ยชางโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
ผูเว่ยชางมองลงมาที่แววตาของชายตาเดียว และก็ได้เห็นร่องรอยของความแค้นในสายตาของอีกฝ่าย
ผูเว่ยชางเยาะเย้ย สิ่งที่เขาต้องการก็คือปฏิกิริยานี้
อวิ๋นซิ่วชิงเป็นผู้หญิงของเขา หากไอ้มังกรตาเดียวกล้าที่จะทำให้อวิ๋นซิ่วชิงอับอายขายหน้า เขาก็จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างชายตาเดียวกับเล่ยถิง
อย่างไรก็ตาม มังกรตาเดียวก็ยังเป็นรองหัวหน้าในรังโจร มังกรตาเดียวจะไม่โกรธเล่ยถิงได้อย่างไรเมื่อเขาถูกเล่ยถิงทำให้อับอายต่อหน้าทุกคนเช่นนี้?
”พูดดัง ๆ!” ผูเว่ยชางเพิ่มไฟให้อีกฝ่าย
มังกรตาเดียวมองไปที่ผูเว่ยชางอย่างโกรธจัด และยิ่งโกรธที่เล่ยถิงไม่ไว้หน้าเขา
เขากัดฟันและพูดว่า “ข้าขอโทษ”
…
บทที่ 212 หว่านเมล็ดพันธุ์ความแค้น
ผูเว่ยชางเงยหน้าขึ้นและพูดกับเล่ยถิงด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า “ไม่เป็นไร ข้าเป็นคนใจกว้างพอ เรื่องนี้จบแล้ว เราจะได้พบกันอีกครั้งในภายหลัง”
ไม่ต้องรอให้เล่ยถิงบอกลา ผูเว่ยชางก็จากไปด้วยรถม้าของเขา
แต่อวิ๋นซิ่วชิงซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าไม่คิดปรากฏตัวออกมา เล่ยถิงเป็นหนี้บุญคุณนาง ไม่เพียงแต่ผูเว่ยชางจะช่วยเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นนางและผูเว่ยชาง ดังนั้นมีเพียงผูเว่ยชางที่ปรากฏตัวขึ้นก็เพียงพอแล้ว
หากนางปรากฏตัวด้วย เล่ยถิงอาจใช้โอกาสนี้ถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณสองครั้ง มันคงไม่ดีสำหรับพวกเขาที่ต้องการเร่งเดินทางไปฉางอันโดยเร็วที่สุด
หลังจากที่ผูเว่ยชางขับรถม้าออกไป เล่ยถิงก็รู้สึกสงสัย แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักกับผูเว่ยชาง แต่จากบุคลิกของผูเว่ยชางก็ไม่เหมือนคนที่บอกว่าเขาจะให้อภัย
อย่างไรก็ตาม เล่ยถิงได้ไตร่ตรองเป็นเวลานาน และยังคิดไม่ออกว่ามีอะไรผิดปกติ
มังกรตาเดียวก็ลุกขึ้นจากพื้นด้วยความสับสน เขามองเล่ยถิงอย่างโกรธจัด
เมื่อเล่ยถิงเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของมังกรตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นความน่าสงสารทันที
”พี่ชาย ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าแค่บอกว่าขอให้พี่ชายเอาตัวผู้หญิงของเขาลงมา แต่ยังไม่ทำอะไร เขาก็จ่อมีดมาที่ลำคอของข้า” มังกรตาเดียวพูด
”อะไรนะ? มีผู้หญิงอยู่ในรถของผูเว่ยชางด้วยเหรอ?” เล่ยถิงถามย้ำ
”ใช่ แต่ข้ายังไม่ได้เห็นใบหน้านางเช่นกัน แต่ต้าหนิวเห็นแล้ว” มังกรตาเดียวรีบอธิบาย
เล่ยถิงรีบเรียกต้าหนิวมา และถามว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?
ต้าหนิวที่เห็นรูปร่างหน้าตาของอวิ๋นซิ่วชิงชัดเจนจึงตอบว่า “นางเป็นผู้หญิงที่งดงามมาก ตาของนางกลมโต และผิวพรรณก็ผุดผ่อง”
เล่ยถิงรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคืออวิ๋นซิ่วชิงโดยไม่ต้องเสียเวลาคาดเดา เขาควรจะคิดได้นานแล้ว ผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิงอยู่ด้วยกันเมื่ออวิ๋นซิ่วชิงช่วยชีวิตเขาครั้งก่อน
”อวิ๋นซิ่วชิง…” เล่ยถิงพูดชื่ออวิ๋นซิ่วชิงอย่างเสียดาย
ชื่อที่เล่ยถิงพึมพำออกมาทำให้เถ้าแก่หวังซึ่งนั่งอยู่บนพื้นต้องขมวดคิ้ว เขารู้จักชื่อของอวิ๋นซิ่วชิงเป็นอย่างดี ดูเหมือนว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักแห่ง?
เวลานี้ผูเว่ยชางอารมณ์ดีอย่างมาก สิ่งที่เขาทำคือทำให้มังกรตาเดียวจดจำบัญชีความแค้นกับเล่ยถิงได้สำเร็จ
และเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายกล้าที่จะทรยศเล่ยถิง มันก็เป็นเรื่องของเวลา
ในขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางเครียดเกินไปและเพิ่งจะได้ผ่อนคลายลง นอกจากนี้หลุมบ่อบนท้องถนนยังทำให้นางรู้สึกง่วงนอนยิ่งนัก
”ผูเว่ยชาง ข้าขอพักก่อนนะ” อวิ๋นซิ่วชิงพูดกับผูเว่ยชางซึ่งยังคงขับรถม้าอยู่
ผูเว่ยชางพยักหน้า และอวิ๋นซิ่วชิงก็ปีนขึ้นไปบนแคร่ จากนั้นดวงตาของนางค่อยปิดลง
ผูเว่ยชางขับรถม้าไปตลอดทางโดยไม่หยุด จนกว่าจะไปถึงสถานที่ที่เรียกว่าเมืองฉางชิง
ผูเว่ยชางหันไปยกม่านรถขึ้น เขาเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงยังคงหลับสนิท แต่แทนที่จะปลุกนางขึ้นมา ผูเว่ยชางกลับเลือกที่จะเงียบ และขับรถม้าเข้าไปในเมือง
เขาเดินไปรอบ ๆ เมืองอยู่พักหนึ่งก่อนจะหาโรงเตี๊ยมได้
ผูเว่ยชางขึ้นรถม้าและปลุกหญิงสาวขึ้นมา
อวิ๋นซิ่วชิงตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย และก็เห็นผูเว่ยชางอยู่ข้าง ๆ
อวิ๋นซิ่วชิงขยี้ตาและถามขึ้นว่า “ผูเว่ยชาง ข้าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?”
”ข้าใช้เวลาไม่นานในการหาโรงเตี๊ยม เจ้าสามารถลงรถม้าได้ในภายหลัง มิฉะนั้นเจ้าจะหนาว ข้าจะเข้าไปในโรงเตี๊ยม และถามว่ามีห้องหรือไม่ เจ้าก็รอข้าอยู่ในรถม้านี้”
เขากลัวว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะตกใจเมื่อนางตื่นขึ้นมาไม่เห็นเขา ชายหนุ่มจึงปลุกอวิ๋นซิ่วชิงขึ้นมาก่อนที่จะเข้าไปถามในโรงเตี๊ยม
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและกล่าวขอบคุณ
ผูเว่ยชางมองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงด้วยสีหน้างุนงง ก่อนจะยกมือขึ้นและสัมผัสเรือนผมของนาง จากนั้นก็ลงจากรถม้าไป