ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 203+204 นอนไม่ค่อยสบาย/มองการณ์ไกล
บทที่ 203 นอนไม่ค่อยสบาย
เวลานี้อวิ๋นซิ่วชิงนั่งอยู่ในรถม้า ผูเว่ยชางหันไปมองอวิ๋นซิ่วชิงที่ดูไร้อารมณ์ เขาจึงนึกเป็นห่วงและเอ่ยปากถาม “กำลังคิดเรื่องอะไรหรือ? คิดถึงผู้เฒ่าอวิ๋นงั้นหรือ?”
อวิ๋นซิ่วชิงตอบอย่างอ่อนโยนว่า “ก่อนข้าออกมา ข้าทิ้งเงินไว้ให้พ่อของข้า ข้าไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่?”
หลังอาหารกลางวัน อวิ๋นซิ่วชิงได้ทิ้งเงินไว้สองสามตำลึงให้กับพ่อเฒ่าอวิ๋น
ในเวลานั้นนางคิดเพียงว่า หากนางกลับมาล่าช้า พ่อเฒ่าอวิ๋นอาจจะไม่มีอะไรกิน อวิ๋นหมิงเซียวและคนอื่นในบ้านก็คงไม่สนใจพ่อเฒ่าอวิ๋นอยู่แล้ว หากนางทิ้งเงินไว้ให้พ่อเฒ่าอวิ๋นก็จะได้สามารถออกไปซื้อของกินเองได้
แต่ตอนนี้อวิ๋นซิ่วชิงกำลังนึกเสียใจกับมัน นั่นก็เพราะเงินที่นางทิ้งเอาไว้จะสร้างความเดือดร้อนให้กับพ่อของนางหรือไม่?
”ไม่เป็นไรหรอก พ่อเฒ่าอวิ๋นเขาระวังตัวอยู่เสมอ ไม่ต้องห่วง” ผูเว่ยชางรู้ดีว่าอวิ๋นซิ่วชิงเป็นห่วงเรื่องอะไร เขาจึงได้แต่ปลอบใจนาง
อวิ๋นซิ่วชิงชะโงกออกไปมองทิวทัศน์แล้วถอนหายใจยาว “อนิจจา ไม่มีใครในครอบครัวของข้าที่ไว้ใจได้สักคน ข้าประหลาดใจนัก ข้าทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงได้พานพบกับคนพวกนี้?”
ผูเว่ยชางหัวเราะลั่นหลังจากได้ยินคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง
”เจ้าหัวเราะทำไม? มีอะไรตลกนักหรือ?” อวิ๋นซิ่วชิงกลอกตาใส่ผูเว่ยชางอย่างไร้คำพูด แล้วมองด้วยสายตาโกรธเคือง “เจ้ายังดี อยู่คนเดียวและไร้กังวล”
ผูเว่ยชางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าก็ไม่ดีเหมือนกัน ข้าเหงาเกินไป”
เมื่อผูเว่ยชางยังอยู่ในสนามรบ เขามีกลุ่มพี่น้องทหารทำให้เขาไม่รู้สึกเหงา แต่เนื่องจากตอนนี้เขาลาออกจากตำแหน่งแม่ทัพแล้วมาอยู่ในที่แห่งนี้ ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกเหงาขึ้นมา
เวลานั้นร่างกายของเขาเป็นพิษ เขาจึงสามารถระงับความเหงานั้นได้ ทว่าตอนนี้พิษในร่างกายของเขาได้รับการล้างออกไป ความเหงาของเขาจึงไม่สามารถระงับไว้ได้อีกต่อไป…
”ข้าคิดว่าการอยู่คนเดียวเป็นเรื่องดี เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ ไม่ต้องสนใจอะไรมาก แค่ทำตามใจตัวเอง”
อวิ๋นซิ่วชิงอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่อบอุ่นจากตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลานาน นางจึงอิจฉาชีวิตที่เรียบง่ายของผูเว่ยชางเป็นพิเศษ
ผูเว่ยชางหัวเราะ “งั้นเรามาเปลี่ยนกันเถอะ”
”ข้าหวังว่าข้าจะเปลี่ยนมันได้” อวิ๋นซิ่วชิงพึมพำ
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางนั่งอยู่หน้ารถม้าพลางพูดคุยกัน ทันใดนั้นสายลมเย็นก็พัดผ่านมา
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกหนาวเล็กน้อยจึงกระชับเสื้อให้แน่นขึ้น
”หากอากาศหนาวเย็นก็ให้กลับไปในรถม้า ข้างในนั้นอบอุ่นกว่า” เมื่อผูเว่ยชางเห็นว่าจมูกของอวิ๋นซิ่วชิงเป็นสีแดงเพราะความหนาวเย็น เขาก็ทุกข์ใจ
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า นางเงยหน้ามองสภาพอากาศและพูดขึ้นว่า “ผูเว่ยชาง เจ้าบอกว่าเราจะไม่โชคร้ายขนาดนั้น แต่หิมะตกทันทีที่เราออกเดินทางเลยนะ”
ผูเว่ยชางเงยหน้าขึ้นมองดูสภาพอากาศก็รู้สึกไม่ดี แต่ก็ยังคงปลอบโยนอีกฝ่าย “ตอนนี้เจ้าควรเข้าไปข้างใน”
อวิ๋นซิ่วชิงตอบรับและเดินเข้าไปในรถม้า ข้างในนี้อุ่นกว่าข้างนอกมากจริง ๆ อวิ๋นซิ่วชิงพบผ้าห่มผืนเล็ก ๆ จากกระเป๋า นางจึงนำมันมาคลุมตัวเอง
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงเข้าไปด้านในแล้ว ผูเว่ยชางก็เร่งขับรถม้าให้เร็วขึ้น
ครั้นอาทิตย์ตกดิน ทั้งสองก็มาถึงป่าในภูเขา ใบไม้ในป่าเริ่มร่วงหล่น เมื่อรถม้าวิ่งไปจะได้ยินเสียงใบไม้ที่ถูกเหยียบอย่างชัดเจน
ผูเว่ยชางมองหาพื้นที่ในภูเขาและหยุดรถม้า เขายกม่านรถม้าขึ้นและพูดกับอวิ๋นซิ่วชิงซึ่งกำลังง่วง “วันนี้เราสามารถหาที่นอนที่นี่ได้เท่านั้น”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า
”ชิงเหนียง เดี๋ยวก่อน ข้าจะจุดไฟให้ก่อน” ผูเว่ยชางมองไปที่จมูกแดง ๆ ของอวิ๋นซิ่วชิง
”ข้ารู้แล้ว ไปเถอะ” นางกล่าวพลางหรี่ตาลง
ผูเว่ยชางไม่กล้าไปไกลจากรถม้ามากเกินไป เขารวบรวมใบไม้ที่ร่วงหล่นทั้งหมดไว้ที่ด้านข้างของแคร่ก่อนจะจุดไฟ
ชายหนุ่มยังพบรากไม้ที่แข็งแรง เขาวางมันไว้ข้างกองไฟเพื่อที่จะทำเป็นที่นั่งให้อวิ๋นซิ่วชิงในภายหลัง…
”ผูเว่ยชาง เจ้าคิดว่ามีโจรอยู่ที่นี่ไหม?” อวิ๋นซิ่วชิงถามขณะเห็นกองไฟที่ผูเว่ยชางจุดไว้
…
บทที่ 204 มองการณ์ไกล
”ทำไมเจ้าถึงลงจากรถม้าเร็วนัก? มานั่งตรงนี้สิ” ผูเว่ยชางพูดขึ้นและตบรากไม้ที่เขาเพิ่งวางไว้ข้างกองไฟ
อวิ๋นซิ่วชิงตอบรับและเดินมานั่งลงบนรากไม้นั้น
ผูเว่ยชางนั่งอยู่บนท่อนไม้และจุดไฟด้วยท่าทีสบาย ๆ จากนั้นก็หยิบถุงสองใบออกมา พร้อมทั้งถุงบรรจุน้ำอีกหนึ่งใบออกมาจากแคร่
สิ่งของในถุงใบหนึ่งคือขนมแป้งทอดฝีมือพ่อเฒ่าอวิ๋นที่เตรียมไว้ให้พวกเขาสองคน ผูเว่ยชางหยิบแป้งทอดออกมาแล้วยื่นให้อวิ๋นซิ่วชิง
นางหยิบแป้งทอดมากัด ฝีมือของพ่อเฒ่าอวิ๋นนั้นอร่อยมาก แป้งทอดที่เขาทำนั้นมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษแม้ว่ามันจะเย็นแล้วก็ตาม!
ผูเว่ยชางหยิบเนื้อแห้งจากอีกถุงออกมาแล้วยื่นให้อวิ๋นซิ่วชิง “ลองชิมเนื้อแห้งของข้าดู”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและหยิบเนื้อแห้งของผูเว่ยชางออกมา เนื้อแห้งนั้นกัดยาก แต่ก็อร่อยมากเช่นกัน
อวิ๋นซิ่วชิงเคี้ยวกลิ่นหอมของเนื้อในปาก และพูดด้วยความแปลกใจ “ไม่เลวเลย!”
ผูเว่ยชางเฝ้าดูอวิ๋นซิ่วชิง เมื่อนางบอกว่ามันอร่อย มุมปากของเขาก็โค้งด้วยรอยยิ้ม “นี่คือเนื้อหมูป่า ข้าทำมันเมื่อตอนเช้า หลังจากหมักเนื้อ ข้าก็แขวนมันไว้กลางแดดเป็นเวลาหนึ่งเดือน”
”เจ้ามองการณ์ไกลมาก” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำชมจากปากของอวิ๋นซิ่วชิง ชายหนุ่มก็ตื่นเต้น “มันเป็นหมูป่าตัวน้อยที่ข้าจับได้ในฤดูร้อน ถึงจะเรียกว่าหมูป่าตัวน้อย แต่เนื้อของมันเยอะเกินไปที่ข้าจะกินคนเดียว ดังนั้นข้าจึงทำเนื้อแห้งเก็บไว้เป็นอาหารว่างเคี้ยวเพลิน แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์อย่างมากในครั้งนี้”
”ตอนแรกข้ายังคิดด้วยว่าเราคงจะสามารถกินแต่มังสวิรัติได้ตลอดทางเท่านั้น ไม่คิดว่าจะได้กินเนื้อสัตว์ด้วย ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ!” อวิ๋นซิ่วชิงพูดแล้วเอาเนื้อแห้งยัดเข้าปาก
ผูเว่ยชางยิ้ม “ข้าเอามามากพอที่เราจะกินไปตลอดทาง”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าขณะที่แก้มของนางเริ่มตุ่ยออกมา ผูเว่ยชางชอบหน้าตาที่น่ารักของนางเช่นนี้…
อวิ๋นซิ่วชิงไม่เคยไปฉางอัน นางไม่รู้ว่าฉางอันอยู่ไกลแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น อาหารของพวกเขามีจำกัด นางไม่กล้ากินอะไรมาก กินไปเพียงไม่เท่าไหร่ก็ไม่กล้ากินอีกต่อไป กลัวว่าเมื่อไม่มีอาหารกินจะต้องไปขุดรากไม้และหาอาหาร ซึ่งมีแต่จะสูญเสียมากกว่ากำไร
ผูเว่ยชางขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงกินแป้งทอดไปเพียงชิ้นเดียวและเนื้อหมูแห้งเพียงสองชิ้น เขาเคยกินอาหารกับอวิ๋นซิ่วชิงมาหลายครั้ง และเขารู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงยังคงกินไม่อิ่ม
”ชิงเหนียง ทำไมเจ้าไม่กินมันอีกล่ะ? ยังมีอีกมากนะ” ผูเว่ยชางขมวดคิ้วเขาไม่ต้องการให้อวิ๋นซิ่วชิงผอมแห้งลงในช่วงที่เขาพานางเดินทางด้วยวิธีนี้ เพราะมันจะทำให้เขาจะรู้สึกเสียใจ
”ไม่หรอก ข้าอิ่มแล้ว” อวิ๋นซิ่วชิงส่ายหัว นางไม่ได้ทำงานใช้แรงใด ๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ผูเว่ยชางมองอวิ๋นซิ่วชิงอย่างสงสัย เขาไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูด
เมื่อเห็นว่าผูเว่ยชางดูเหมือนจะรู้สึกผิด อวิ๋นซิ่วชิงก็โกหกออกไป “วันนี้ข้ารู้สึกคิดถึงบ้าน จึงไม่สามารถกินได้อีกแล้ว…”
เหตุผลนี้ทำให้ผูเว่ยชางเริ่มเชื่อในสิ่งที่นางพูด แต่เขายังคงหยิบเนื้อแห้งออกมาแล้วมอบให้นาง “ข้าจะไม่บังคับให้เจ้ากินอีกชิ้นหนึ่ง”
อวิ๋นซิ่วชิงรู้ว่าหากนางไม่เห็นด้วย ผูเว่ยชางอาจจะโกรธ ในเวลานี้นางไม่จำเป็นต้องขัดขืนผูเว่ยชาง ยิ่งไปกว่านั้น ผูเว่ยชางก็ทำเพื่อนางเช่นกัน
อวิ๋นซิ่วชิงจึงหยิบเนื้อแห้งในมือของผูเว่ยชางมาแล้วเคี้ยวมัน
คราวนี้อวิ๋นซิ่วชิงกินอย่างเชื่องช้า นางเคี้ยวเนื้อแห้งทีละนิด ๆ แต่สายตาของนางมักจะจ้องมองไปที่กองไฟ
นางกำลังคิดถึงพ่อเฒ่าอวิ๋น
ผูเว่ยชางเพิ่มกิ่งไม้แห้งเข้าไปในกองไฟและมองไปรอบ ๆ ในขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงเคี้ยวเนื้อแห้งอย่างเชื่องช้า ความเชื่องช้านี้อาจทำให้ผูเว่ยชางได้ยินเสียงของอวิ๋นซิ่วชิงเคี้ยวฟันของนางกับเนื้อแห้ง
ทันใดนั้นเสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังมาจากต้นไม้
อวิ๋นซิ่วชิงตื่นขึ้นจากภวังค์ นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พบว่ามีอีกาบินอยู่เหนือหัวของนาง
ทันใดนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็จำได้ว่าผูเว่ยชางยังไม่ได้ตอบคำถามของนางก่อนหน้านี้ “ผูเว่ยชาง เจ้าบอกว่าไม่มีโจรในป่าใช่ไหม?!”