ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 139+140 เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่า ‘พี่ผู’/เสี่ยวเถา
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 139+140 เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่า ‘พี่ผู’/เสี่ยวเถา
บทที่ 139 เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่า ‘พี่ผู’
อวิ๋นซิ่วชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์กับชายหนุ่มตรงหน้า ทั้งยังไม่มีอันตรายใด ๆ นางจึงให้คำตอบ “ตกลง ข้าขอบคุณมาก พี่ผู”
ผูเว่ยชางเข้าใจคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อตอนนี้เราต่างเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกัน ข้าขอเรียกเจ้าว่า ‘ชิงเหนียง’ ได้หรือไม่?”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าพร้อมตอบรับ “แน่นอน!”
“ชิงเหนียง” หลังจากที่ผูเว่ยชางเรียกอวิ๋นซิ่วชิง เขาก็ไม่สามารถที่จะกลั้นรอยยิ้มไว้ได้
อวิ๋นซิ่วชิงมองไปที่ใบหน้าโง่ ๆ ของผูเว่ยชางพลางลอบยิ้ม “ข้าเรียกท่านว่า ‘พี่ผู’ ได้ไหม?”
“ไม่หรอก เรียกชื่อข้าเถอะ” ผูเว่ยชางคิดว่าให้นางเรียกเขาแบบธรรมดาจะดูเป็นมิตรกว่า และการเรียกเขาว่า ‘พี่ผู’ จะกลายเป็นคำสุภาพและดูเป็นทางการเกินไป
ผูเว่ยชางไม่อนุญาตให้อวิ๋นซิ่วชิงทำตัวห่างเหินจากเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถให้อวิ๋นซิ่วชิงเรียกเขาว่า ‘พี่ผู’ ได้
อวิ๋นซิ่วชิงไม่รู้ว่าผูเว่ยชางกำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งหมดที่นางรู้สึกคือนางเคยเรียกอีกฝ่ายว่าผูเว่ยชาง มันจึงค่อนข้างน่าอึดอัดใจที่จะเรียกว่า ‘พี่ผู’
โชคดีที่ผูเว่ยชางไม่ยอมให้นางเปลี่ยนคำพูด ไม่อย่างนั้นนางจะต้องตายเพราะความอับอายเป็นแน่!
ระหว่างบังคับเกวียนกลับบ้าน อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางพากันพูดถึงแผนการเปิดร้าน อวิ๋นซิ่วชิงไม่รู้สึกเบื่อเลย รู้ตัวอีกที พวกเขาก็อยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านเสียแล้ว
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางกลับบ้านก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ชาวบ้านกำลังกินข้าวอยู่ที่บ้านและไม่มีใครออกมาพูดคุย ซึ่งเป็นสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิง ต้องการ
ผูเว่ยชางบังคับเกวียนลาและหยุดที่หน้าคฤหาสน์ของอวิ๋นซิ่วชิง โดยมีรถม้าอยู่ข้างหลังเขา
อวิ๋นซิ่วชิงกระโดดลงจากเกวียนลาและเปิดประตูเข้าไปในบ้าน นางเห็นผู้หญิงที่ดูแปลกและสง่างามเดินออกมาจากลานด้านข้าง
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วครู่หนึ่ง แล้วถามอีกฝ่ายไปว่า “เจ้าเป็นใคร?”
”ข้าชื่อเสี่ยวเถา ข้าเป็นสาวใช้ของนายหญิงเฉียวฮุ่ย” เสี่ยวเถาตอบอย่างเหนียมอาย
อวิ๋นซิ่วชิงเลิกคิ้วขึ้น เฉียวฮุ่ยทำเงินได้มากและยังจ้างหญิงรับใช้อีกด้วย!
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าโดยไม่สนใจเสี่ยวเถาอีก ก่อนจะกวักมือเรียกชายคนงานจากร้านขายถ่านสองคนมาขนถ่านไปที่ลานคฤหาสน์ใกล้ห้องของพ่อเฒ่าอวิ๋น
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงไม่สนใจนาง เสี่ยวเถาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
อวิ๋นซิ่วชิงเหลือบมองเสี่ยวเถา และสั่งอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กลับไปได้แล้ว”
เสี่ยวเถาขานรับและรีบกลับไปที่ลานด้านข้าง
พ่อเฒ่าอวิ๋นกำลังทำอาหารอยู่ในครัว เมื่อจู่ ๆ ได้ยินเสียงในลานคฤหาสน์ เขาก็รีบออกไปดูทันที
เขาเห็นอวิ๋นซิ่วชิงกวักมือเรียกชายทั้งสองให้ขนถ่านไปที่ลานบ้าน
“ชิงเหนียง!” พ่อเฒ่าอวิ๋นตะโกนอย่างตื่นเต้น
เมื่อได้ยินเสียงของพ่อเฒ่าอวิ๋น อวิ๋นซิ่วชิงก็รีบไปหาและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว!!”
พ่อเฒ่าอวิ๋นพยักหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ
”ท่านพ่อ เดี๋ยวนะ ข้าซื้อหมูมาให้!” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวและวิ่งออกจากลานบ้าน
ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงออกจากบ้าน นางก็เห็นผูเว่ยชางถือตะกร้าในมือข้างหนึ่ง พร้อมกับมันเทศและมันฝรั่งบนไหล่ของเขา
อวิ๋นซิ่วชิงก็เตรียมที่จะรับหมูมาจากผูเว่ยชาง
ทันทีที่มือของอวิ๋นซิ่วชิงแตะตะกร้า ผูเว่ยชางก็หยุดนาง “อย่าขยับ หากเจ้าขยับ ข้าจะเสียการทรงตัว ไปกันเถอะ!”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าอย่างโง่เขลา
เมื่อผูเว่ยชางเดินเข้าไปในลานบ้านของพ่อเฒ่าอวิ๋น นางก็นึกสงสัยในคำตอบของชายหนุ่ม
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมันฝรั่งกับมันเทศบนบ่าของผูเว่ยชาง?
”เว่ยชาง วางลงเถอะ” เมื่อเห็นว่าผูเว่ยชางแบกสิ่งของไว้มากมาย พ่อเฒ่าอวิ๋นจึงไปช่วย
หลังจากวางของลง ผูเว่ยชางก็ยืนขึ้นก่อนจะยืดเอวและปรบมือ
เจ้าพ่อเฒ่าอวิ๋นยิ้มให้ผูเว่ยชางและกล่าวว่า “เว่ยชาง เข้าไปในครัวและล้างมือก่อนเถอะ”
”ตกลง” ผูเว่ยชางตอบและเดินเข้าไปในครัว
พ่อเฒ่าอวิ๋นมองแผ่นหลังของผูเว่ยชางและยืนอยู่ที่ลานคฤหาสน์อย่างครุ่นคิด ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ชายชราก็ยิ่งรู้สึกว่าผูเว่ยชางสนใจลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน!
พ่อเฒ่าอวิ๋นพอใจกับการกระทำของผูเว่ยชางเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังไม่นานพอที่จะมั่นใจ เขายังไม่เห็นบุคลิกและนิสัยที่แท้จริงของผูเว่ยชาง ดังนั้น เขาจำเป็นต้องสังเกตให้มากขึ้น
เวลานี้ผู้ช่วยร้านได้ขนถ่านไฟมาเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวอย่างสุภาพว่า “พี่น้องทั้งสอง ทำไมพวกเจ้าไม่พักทานอาหารกลางวันที่นี่ล่ะ?”
ผู้ช่วยร้านโบกมือ เมื่อเริ่มเดินทางในตอนเช้า พวกเขาก็ได้รับเงินจากอวิ๋นซิ่วชิงมาแล้ว พวกเขาจะกินข้าวที่บ้านนางในเวลานี้อีกได้อย่างไร?
“ไม่เลยแม่นาง! พวกเรามาพร้อมอาหารแห้ง และเจ้านายของเรากำลังรอให้เรากลับไป”
…
บทที่ 140 เสี่ยวเถา
อวิ๋นซิ่วชิงทั้งสุภาพและมีน้ำใจ แต่คนงานผู้ช่วยร้านค้าก็ปฏิเสธเช่นกัน นางจึงยอมรับการตัดสินใจของพวกเขา
เมื่อคนงานขนถ่านกลับออกไปแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็ได้มอบเหรียญทองแดงห้าเหรียญเป็นสินน้ำใจให้พวกเขา
คนงานปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แต่อวิ๋นซิ่วชิงไม่สามารถกลับคำได้ ในท้ายที่สุด พวกเขาก็รับไปเพียงสามทองแดงและรีบจากไป
เฉียวฮุ่ยซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ลานด้านข้าง นางกำลังนั่งกินอาหารอยู่ในห้องโถงใหญ่ โดยมีอวิ๋นหมิงเซียวยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่เสี่ยวเถากลับมา เฉียวฮุ่ยก็ขมวดคิ้วและถามว่า “เสี่ยวเถา เกิดอะไรขึ้นข้างนอก ทำไมถึงเสียงดัง?”
“นายหญิงฮุ่ย แม่นางน้อยกลับมาแล้ว” เสี่ยวเถาเป็นสาวใช้มาหลายปีแล้ว และเป็นคนเก่งที่สุดในการประเมินสถานการณ์
เมื่อนางเห็นการปรากฏตัวของอวิ๋นซิ่วชิงที่เพิ่งกลับมาคฤหาสน์นี้ นางก็จำได้ทันทีว่าอวิ๋นหมิงเซียวเคยกล่าวไว้ว่า ฮูหยินอวิ๋นมีลูกชายเพียงคนเดียวและลูกสาวอีกหนึ่งคน
นางรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะต้องเป็นลูกสาวของบ้านหลังนี้
เฉียวฮุ่ยไม่ชอบที่จะได้ยินสาวใช้ของนางเรียกอวิ๋นซิ่วชิงว่า ‘แม่นางน้อย’ นางจึงพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าเรียกนางว่าแม่นางน้อย เรียกชื่อนางเฉย ๆ ก็พอ!”
เมื่อได้ยินเสียงดุดันของเฉียวฮุ่ย เสี่ยวเถาก็สะดุ้ง “แต่ข้าไม่รู้จักชื่อของนาง”
“นางชื่อ ‘อวิ๋นซิ่วชิง’” เฉียวฮุ่ยได้ยินว่าอวิ๋นซิ่วชิงกลับมาแล้ว นางก็โกรธจนกินอะไรไม่ลงอีก
นางกระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะแล้วพูดว่า “คราวนี้อวิ๋นซิ่วชิงนำอะไรกลับมาบ้าง?!”
“นายหญิงฮุ่ย อวิ๋นซิ่วชิงนำถ่านไฟ ผัก และหมูน้อยสองตัวมาด้วยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเถาตอบอย่างสุภาพ
เฉียวฮุ่ยขมวดคิ้วและพูดว่า “อวิ๋นซิ่วชิง เจ้าสร้างความมั่งคั่งแบบไหนกัน?! เจ้ากลายเป็นคนชอบซื้อของในเมืองไปซะแล้ว…”
“อย่าโกรธเลยนายหญิง” อวิ๋นหมิงเซียวรีบประจบนางราวกับสุนัข
เฉียวฮุ่ยชำเลืองมองอวิ๋นหมิงเซียวและกล่าวว่า “ไปให้พ้น! ข้าอารมณ์เสียทุกทีที่เห็นหน้าเจ้า!!!”
อวิ๋นหมิงเซียวจึงรีบออกไปด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่อวิ๋นหมิงเซียวออกไป เฉียวฮุ่ยก็ถามเสี่ยวเถาว่า “เสี่ยวเถา นายท่านหวังจะมาในเย็นนี้หรือไม่?”
เสี่ยวเถาพยักหน้าและตอบว่า ‘ใช่’
“อืม ดี! ยังไงก็เถอะ อย่าให้อาหารกับนังเฒ่าอวิ๋น” เฉียวฮุ่ยกล่าวอย่างเย็นชา
เสี่ยวเถาตอบรับแล้วเดินออกจากห้องไป
เสี่ยวเถา เป็นสาวใช้ที่เศรษฐีหวังมอบให้เฉียวฮุ่ย
เฉียวฮุ่ยและเศรษฐีหวังสื่อสารกันผ่านเสี่ยวเถา ดังนั้นเฉียวฮุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดเสี่ยวเถาเรื่องเศรษฐีหวัง
เมื่อวานนี้อวิ๋นซิ่วชิงไม่อยู่บ้าน จึงทำให้เฉียวฮุ่ยกับเศรษฐีหวังไม่จำเป็นต้องมีความเกรงใจ
แต่ตอนนี้ อวิ๋นซิ่วชิงกลับมาแล้ว เฉียวฮุ่ยจึงรู้สึกกังวลมากขึ้น
นางจะบอกเศรษฐีหวังเรื่องนังอวิ๋นซิ่วชิงอีกครั้ง แม้ว่านางจะเป็นนายหญิงของเศรษฐีหวัง แต่นางก็ยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหานี้!
ตรงกันข้ามกับเฉียวฮุ่ยที่กำลังหงุดหงิด อวิ๋นซิ่วชิงกลับกำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
แต่เดิมผูเว่ยชางต้องการจะล้างมือและรีบกลับบ้านของตัวเอง แต่พ่อเฒ่าอวิ๋นก็ยืนกรานที่จะให้ผูเว่ยชางอยู่กินอาหารด้วยกันต่อ
ผูเว่ยชางอยากอยู่ต่อ แต่เขาก็เกิดความลังเล เมื่อคิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงและพ่อของนางคงจะมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมาย และเขาอาจจะขวางเวลาความรักของพ่อและลูกสาว…
“อย่าเพิ่งกลับไป กินข้าวที่นี่เถอะ กลับไปแล้วต้องทำอาหารใหม่อีก หากเหนื่อยนักก็พักก่อน” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกว่าอีกฝ่ายได้ช่วยเหลือนางมากนางควรเลี้ยงอาหารเย็นแก่ผูเว่ยชาง
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงเอ่ยเช่นนี้ ผูเว่ยชางก็ไม่ลังเลใจอีกต่อไป
พ่อเฒ่าอวิ๋นพับแขนเสื้อขึ้นและทำอาหารอย่างรวดเร็ว ส่วนอวิ๋นซิ่วชิงเดินไปรอบ ๆ ห้องครัว นางอยากช่วยแต่ก็พบว่าในครัวมีสิ่งของหลายอย่าง
“ท่านพ่อ ทำไมมีถุงแป้ง? มีตะกร้าไข่ด้วย?” อวิ๋นซิ่วชิงถามพ่อเฒ่าอวิ๋น ด้วยความสงสัย
“พี่ชายเจ้าส่งมาให้” เจ้าพ่อเฒ่าอวิ๋นกล่าวอย่างใจเย็น
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินว่าเป็นอวิ๋นหมิงเซียว
นางจึงพูดเกี่ยวกับสิ่งที่อวิ๋นหมิงเซียวทำว่า “พังพอนให้ไก่มาร้อยปีแล้ว และพวกเขาไม่มีเจตนาดี”
หลังจากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพราะผูเว่ยชางยังคงอยู่ที่บ้านของนาง
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงเงียบไป ชายชราอวิ๋นก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว
”ชิงเหนียง อย่าปล่อยให้ผูเว่ยชางอยู่คนเดียวในบ้าน เจ้าไปคุยกับเขาเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงตอบรับ และเดินไปที่ห้องของพ่อเฒ่าอวิ๋นซึ่งอยู่ติดกัน