ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 107+108 เจ้าชอบข้าหรือ?/เหม็นสาบ!
บทที่ 107 เจ้าชอบข้าหรือ?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผูเว่ยชางก็เริ่มวิตกกังวล “ไม่ใช่นะ ข้าอยากช่วยเจ้าจริง ๆ ข้าคิดว่าแม่ของเจ้าจะได้ไม่รบกวนเจ้าหากข้าให้อาหารกับนาง ข้าคิดแค่นั้นจริง ๆ”
อวิ๋นซิ่วชิงแค่นหัวเราะ “เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถช่วยข้าได้ด้วยวิธีนี้จริงหรือ? ตอนนี้ข้ากลายเป็นตัวตลกให้คนทั้งหมู่บ้านนินทากันสนุกปากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก หากเจ้าต้องการช่วยข้าจริง ๆ เจ้าก็ควรบอกข้าแต่แรกว่าแม่ของข้าไปขออาหารกับเจ้า เรื่องเหล่านั้นก็คงไม่บานปลายขนาดนี้ ตอนนี้เจ้าสร้างปมในใจข้า แต่กลับมาบอกว่าเจ้าต้องการช่วยข้าอีก นี่ข้าต้องขอบคุณงั้นหรือ?!”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่คิดมาก่อนเลยว่าผูเว่ยชางจะเป็นคนที่ซื่อบื้อขนาดนี้!
ดวงตาของผูเว่ยชางเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาไม่คิดมาก่อนว่าสิ่งต่าง ๆ จะกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ ชายหนุ่มต้องการช่วยหญิงสาวจริง ๆ และเหตุผลที่เก็บเรื่องฮูหยินอวิ๋นมาขออาหารเป็นความลับเพราะไม่อยากให้หญิงสาวต้องขุ่นเคืองใจ
ผูเว่ยชางรู้สึกขมขื่นเป็นอย่างมาก โดยปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่กินมื้อเช้าอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ทำอาหารเช้าเอาไว้ แต่ฮูหยินอวิ๋นกลับเป็นฝ่ายโกรธเขา มันเป็นความผิดของเขาเสียที่ไหน?!
เขาเป็นแม่ทัพที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพสงคราม เขาชนะข้าศึกมามากมายหลายครั้ง แต่การทำให้คนคนหนึ่งพอใจกลับยากยิ่งกว่าการสังหารศัตรู!
“ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องต่าง ๆ มันจะออกมาเป็นเช่นนี้!” ในใจของผูเว่ยชางคุกรุ่นด้วยความโกรธ แต่ชายหนุ่มก็พยายามยับยั้งอารมณ์เอาไว้เมื่อเห็นใบหน้าโกรธเคืองของอีกฝ่าย
อวิ๋นซิ่วชิงได้ระบายความโกรธทั้งหมดที่นางได้รับเมื่อเช้านี้ ตอนนี้นางจึงรู้สึกดีขึ้นมากและเริ่มได้สติขึ้นมา
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปมองผูเว่ยชางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นาง ดวงตาของเขากำลังวาวโรจน์ด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่กล้าโกรธหญิงสาว
หญิงสาวรู้สึกว่าชายตรงหน้าเธอน่ารักมาก!
”ผูเว่ยชาง ทำไมเจ้าถึงโง่จัง”
ผูเว่ยชางเปลี่ยนสีหน้าเป็นแปลกใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะของอวิ๋นซิ่วชิง
เปลวไฟในใจของเขาดับลงและไม่หลงเหลืออารมณ์โกรธ “เจ้าไม่โกรธข้าแล้วหรืออวิ๋นซิ่วชิง?”
อวิ๋นซิ่วชิงยิ้มและส่ายหัว
ตอนแรกนางโกรธ แต่เมื่อนางเห็นความคับข้องใจบนใบหน้าของเขา ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนสาวน้อยน่ารัก ความโกรธของนางก็มลายหายไป
“ข้าไม่โกรธเจ้าแล้ว” อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างใจเย็น “ผูเว่ยชาง ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าเองก็ไม่สมควรโกรธเจ้าเช่นกัน เพราะสิ่งที่แม่ของข้าทำกับเจ้าเมื่อเช้านี้มันก็เกินไปจริง ๆ และข้าก็ไม่พอใจมากด้วย นอกจากนี้ ข้าต้องขอบคุณเจ้าด้วยซ้ำที่ช่วยดึงสติข้า ไม่ให้ปล่อยอารมณ์โกรธมาครอบงำจนทำอะไรหุนหันพลันแล่น”
“ดีแล้วที่เจ้าไม่โกรธ เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า มันเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ยอมบอกเรื่องแม่ของเจ้ามาตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นเรื่องวุ่นวายทั้งหมดก็คงไม่เกิด นอกจากนี้ ข้าเองก็คิดเพียงแค่อยากจะช่วยเจ้าเท่านั้น”
ผูเว่ยชางรู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรผิด เขาควรจะมีความเมตตาให้ถูกคน และตอนนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าฮูหยินอวิ๋นเป็นคนอย่างไร?!
แทนที่เขาจะได้ช่วยเหลือหญิงสาวอย่างที่ตั้งใจไว้ กลับกลายเป็นทำให้อวิ๋นซิ่วชิงยิ่งเดือดร้อนกว่าเดิมเสียอีก
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปมองผูเว่ยชางด้วยรอยยิ้ม
”ทำไมเจ้าถึงมองมาที่ข้า?” ผูเว่ยชางสงสัย
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะและถามกลับ “เจ้าชอบข้าหรือ?”
อวิ๋นซิ่วชิงแค่อยากล้อเล่นกับอีกฝ่าย เพราะสิ่งที่เขาทำให้นางหลายอย่างมันเหมือนกับนวนิยายโรแมนติกที่นางเคยอ่าน
อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่เคยคิดว่าผูเว่ยชางจะชอบนาง เพราะรู้ดีว่ารูปลักษณ์ตัวเองในปัจจุบันนั้นทั้งอ้วนฉุและอัปลักษณ์จริง ๆ
ขนาดตัวนางเองยังไม่ชอบเลย นับประสาอะไรกับชายอื่น โดยเฉพาะชายรูปงามอย่างเขา!
จู่ ๆ ผูเว่ยชางก็โดนถามในสิ่งที่อยู่ในใจเขาตลอดมา ร่างกายของเขาจึงแข็งทื่อทันที
ชายหนุ่มเลียริมฝีปากที่แห้งผากและพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร?”
อวิ๋นซิ่วชิงมองเขาอย่างขำขัน
ผูเว่ยชางรู้สึกเขินอาย เขาจึงลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ข้าจะกลับแล้ว”
ทันทีที่พูดจบ ผูเว่ยชางก็เดินออกจากห้องอย่างรีบร้อนโดยไม่รอคำตอบจากอวิ๋นซิ่วชิง
”นี่! ทำไมเจ้าเดินเร็วจัง? เอาของของเจ้ากลับคืนไปด้วย” อวิ๋นซิ่วชิงยืนอยู่ที่ประตูและตะโกน
”เจ้าเก็บไว้เถอะ!” พูดจบ ผูเว่ยชางก็วิ่งออกจากบ้าน
…
บทที่ 108 เหม็นสาบ!
อวิ๋นซิ่วชิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อนึกถึงใบหน้าของผูเว่ยชาง นางก็แย้มยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เจ้านี่มันโง่จริง ๆ”
อวิ๋นซิ่วชิงพึมพำ นี่มันยังสว่างอยู่ นางจึงปิดประตูและเข้าไปในพื้นที่มิติส่วนตัวของตัวเอง
อวิ๋นซิ่วชิงไปที่เชิงเขาของน้ำพุแห่งจิตวิญญาณ ก่อนจะมองไปที่เมล็ดพันธุ์พืชที่นางปลูกอยู่ กะหล่ำปลีที่เพิ่งงอกออกมาเมื่อวันก่อนเริ่มเติบโตขึ้นสูง ส่วนเมล็ดพันธุ์ที่นางเพิ่งหว่านไปเมื่อวานก็งอกออกมาเช่นกัน
ตอนนี้ผักชีในสวนของนางก็เริ่มสูงเท่านิ้วชี้ นางสามารถเก็บพวกมันมากินได้แล้ว!
เมื่อมองกะหล่ำปลีและผักชีที่ตัวเองปลูก หญิงสาวก็ยิ้มออกมา ดูเหมือนว่านางจะต้องรีบเข้าเมืองให้เร็วที่สุดเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์พืชทุกชนิดมาปลูกเสียแล้ว
ปัญหาเรื่องผักได้รับการแก้ไขเรียบร้อย แต่ปัญหาใหม่ก็คือ หากคนอื่นถามถึงเรื่องที่นางมีผักมากมายเช่นนี้ นางจะตอบอย่างไรดี?
อวิ๋นซิ่วชิงกลอกตาตัวเอง ครั้งสุดท้ายที่นางล้างพิษเจ็ดสีให้ผูเว่ยชาง เรื่องที่นางมีพื้นที่มิติส่วนตัวก็เกือบถูกเปิดเผย คราวนี้นางต้องระวังตัวให้มากขึ้น!
เมื่อมองลงไปที่กะหล่ำปลีสีเขียว ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมา นางสามารถปลูกผักไว้ที่นอกมิติส่วนตัวได้ เพื่อที่นางจะได้ปิดความลับเรื่องพื้นที่มิติส่วนตัวนี้ต่อไป…
อวิ๋นซิ่วชิงเดินออกจากห้องทันทีและวิ่งไปที่โกดัง นางเคยไปที่นั่นหลายครั้ง และจำได้ว่ามีกระถางมากมายเรียงรายอยู่ในโกดังเก็บของ
แต่เดิมทุกพื้นที่จะต้องมีดอกไม้ดอกเล็ก ๆ ขึ้นตามกระถาง แต่ในเวลานี้เมื่อไม่มีดอกไม้ให้ปลูกแล้ว กระถางเหล่านี้ก็ไร้ประโยชน์ทันที จึงได้แต่โยนมันกลับเข้าโกดังเก็บของเท่านั้น
อวิ๋นซิ่วชิงหยิบกระถางต้นไม้มายี่สิบใบจากโกดังเก็บของ และนำพวกมันไปไว้ในห้องของนาง จากนั้นก็ใช้จอบขุดเอาดินเปียกทั้งหมดในบ้านเพื่อไปใส่ในกระถางดอกไม้
กว่าจะเติมดินใส่กระถางจนหมด อวิ๋นซิ่วชิงก็เหนื่อยมากแล้ว
หลังจากนั่งพักสักครู่ อวิ๋นซิ่วชิงก็กลับเข้าไปในห้องเพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ หญิงสาวขุดหลุมเล็ก ๆ ในกระถางดอกไม้ทั้งยี่สิบใบด้วยมือของตัวเอง แล้วโยนเมล็ดทั้งสามลงไปในแต่ละหลุม
กะหล่ำปลีในเขตนี้เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพราะน้ำพุแห่งจิตวิญญาณที่นางรดใส่พวกมัน เพราะหากเป็นโลกแห่งความจริงนั้น สภาพอากาศที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ไม่น่าจะทำให้ผักสามารถงอกขึ้นมาได้ ดังนั้น หากนางปลูกทั้งสามเมล็ดพันธุ์ลงในกระถางแต่ละใบ แม้จะมีเมล็ดหนึ่งตายไป ก็ยังมีเหลืออีกสองเมล็ด
หลังจากปลูกผักแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็กลับเข้าไปในพื้นที่มิติส่วนตัว และล้างมือด้วยน้ำพุแห่งจิตวิญญาณ
จากนั้นนางก็ปรากฏตัวในห้องเพาะปลูกอีกครั้ง และเทน้ำจากน้ำพุลงในกระถางดอกไม้ทุกใบ โดยหวังว่าน้ำพุแห่งจิตวิญญาณจะสามารถทำให้เมล็ดพันธุ์เติบโตอย่างรวดเร็วและอยู่รอดได้ในฤดูหนาวอันแสนโหดร้ายนี้
หลังจากนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็ผล็อยหลับไปด้วยความงุนงง แต่แล้วนางก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงตะโกนโหวกเหวกของอวิ๋นหมิงเซียว
หลังจากถูกข่มขู่โดยอวิ๋นซิ่วชิง ฮูหยินอวิ๋นก็ร้องไห้และโหยหวนอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจไยดี นางก็ได้แต่ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง
หนึ่งชั่วยาม*[1] ต่อมา อวิ๋นหมิงเซียวและเฉียวฮุ่ยก็กลับมา นางวิ่งออกไปอย่างมีความสุขทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชายตัวเอง
ทว่าทันทีที่นางออกไป นางกลับเห็นเฉียวฮุ่ยเดินอาด ๆ ต่อหน้านางด้วยสีหน้าหยิ่งยโส ในขณะที่ลูกชายสุดที่รักกลับติดตามภรรยาของตัวเองราวกับสุนัข
เมื่อเห็นภาพนั้น ฮูหยินอวิ๋นก็โกรธขึ้นมาทันที “เฉียวฮุ่ย! เจ้าเอาลูกชายของข้าไปไหนมาสองวันแล้ว?!”
ฮูหยินอวิ๋นไม่ได้อาบน้ำสระผมมาสองสามวันแล้ว ดังนั้นเฉียวฮุ่ยจึงได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากร่างของอดีตแม่สามีอย่างชัดเจน “อยู่ให้ห่าง ๆ ข้า! เจ้าไม่ได้อาบน้ำสระผมมาสองสามวันแล้ว เจ้าตัวเหม็นมาก!”
ด้วยเหตุนี้ นางจึงกลับไปที่ห้องของนางและไม่สนใจฮูหยินอวิ๋นอีก
ราวกับว่าฮูหยินอวิ๋นกระแทกกำปั้นลงบนผ้าฝ้าย เพราะอีกฝ่ายยังดูสบายดี แต่นางกลับเหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง!
“ท่านแม่ เราไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่วัน ทำไมท่านถึงกลายเป็นแบบนี้?” อวิ๋นหมิงเซียวบีบจมูกและถามด้วยความขยะแขยง
ทันทีที่ฮูหยินอวิ๋นเห็นลูกชาย นางก็ร้องออกมาว่า “หมิงเซียว! เจ้าไปอยู่ไหนมา? ทำไมเจ้าถึงทิ้งข้าไว้คนเดียว? รู้ไหม? เมื่อเจ้าไม่อยู่บ้าน นังลูกสาวไม่รักดีรังแกข้ามากขนาดไหน? นางไม่ยอมให้อาหารกับข้า แถมยังจะไล่ให้ข้าไปขอทานด้วยซ้ำ!”
เมื่อเห็นว่าแม่ของเขากำลังจะดึงเขาขึ้นมา อวิ๋นหมิงเซียวก็รีบกระโดดออกไปไกล ๆ และถามว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ได้แปรงฟันมาสองสามวันแล้วหรือ?”
ครั้นได้ยินสิ่งที่อวิ๋นหมิงเซียวพูด ฮูหยินอวิ๋นก็ร้องไห้หนักขึ้น
[1] 2 ชั่วโมง