ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 103+104 ประนีประนอม/ความคับข้องใจ
บทที่ 103 ประนีประนอม
อวิ๋นซิ่วชิงยังคงไม่กลับไป จนกว่าคนทั้งหมู่บ้านที่มามุงดูจะแยกย้ายกันไปจนหมด
ครั้นอวิ๋นซิ่วชิงกลับไปแล้ว หลี่ฟู่หลานก็เดินไปหาผูเว่ยชางและถามเขาด้วยความเป็นห่วงว่า “ผูเว่ยชาง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ผูเว่ยชางมองมาที่หลี่ฟู่หลานและพูดอะไรไม่ออก
หลี่ฟู่หลานพยายามยั่วยุให้ชายหนุ่มนึกขยะแขยงอวิ๋นซิ่วชิง แต่ก็ต้องพยายามรักษาความอ่อนหวานให้สมกับรูปโฉมที่งดงามของตัวเอง
“อวิ๋นซิ่วชิงช่างอกตัญญูนัก ปล่อยให้แม่ตัวเองออกมาขออาหารกับบ้านคนอื่นได้อย่างไร? ช่างน่ารำคาญจริง ๆ ผูเว่ยชาง เจ้าอย่าไปถือโทษโกรธนางและคนตระกูลอวิ๋นเลย”
หลี่ฟู่หลานชอบผูเว่ยชางอย่างมาก แม้อีกฝ่ายจะเย็นชาและมักปฏิเสธนางอย่างไม่ไยดี แต่นางก็ยังคงชอบเขา!
เมื่อผูเว่ยชางได้ยินสิ่งที่นางพูดออกมา เขาก็รู้สึกว่าหลี่ฟู่หลานกับอวิ๋นซิ่วชิงก็มีบางด้านที่คล้ายกัน
เขาพูดจาดีกับหญิงตรงหน้าเป็นครั้งแรกว่า “ข้าไม่เป็นไร เจ้ากลับไปเถอะ”
เมื่อหลี่ฟู่หลานเห็นว่าชายหนุ่มในฝันพูดจาดีด้วยก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง นางจึงเหลือบมองเขาด้วยสายตาหวานเยิ้ม
ผูเว่ยชางมองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของหลี่ฟู่หลาน เขาคิดว่าตัวเองอยากเห็นอวิ๋นซิ่วชิงแสดงสีหน้าแบบนี้กับเขามากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นข้ากลับก่อนนะ” หลี่ฟู่หลานพูดกับเขาด้วยเสียงหวาน
ผูเว่ยชางพยักหน้า และหลี่ฟู่หลานก็จากไปอย่างมีความสุข
เมื่อฮูหยินอวิ๋นกระเสือกกระสนวิ่งกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลอวิ๋น พ่อเฒ่าอวิ๋นก็กำลังเดินเล่นอยู่ที่ลานคฤหาสน์
เขาเดินไปยังเล้าไก่ที่อยู่บริเวณสวนหลังคฤหาสน์ เพื่อดูว่าไก่ที่อวิ๋นซิ่วชิงเลี้ยงไว้เป็นอย่างไรบ้าง
ทว่าก่อนที่พ่อเฒ่าอวิ๋นจะเดินไปถึงลานคฤหาสน์ เขาก็ได้ยินเสียงประตูคฤหาสน์เปิดออกมาผสมกับเสียงฝีเท้าที่สาวเข้ามาอย่างรีบร้อน
พ่อเฒ่าอวิ๋นหันไปมองประตูคฤหาสน์ก็เห็นว่ามันปิดอยู่ จึงคิดว่าตัวเองคงจะได้ยินผิดไป แต่เมื่อกำลังจะหันหลังกลับไปดูที่ห้องของตัวเอง ทันใดนั้น เขาก็เห็นอวิ๋นซิ่วชิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ชิงเหนียง เจ้าไปไหนมาแต่เช้า?” พ่อเฒ่าอวิ๋นถามลูกสาวด้วยความสงสัย
”ท่านพ่อ…” อวิ๋นซิ่วชิงเรียกเขา และนางก็ตรงไปที่ลานด้านข้างซึ่งเป็นห้องของฮูหยินอวิ๋นและหมิงเซียว
แม้พ่อเฒ่าอวิ๋นจะแก่ชราเพียงใด แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าคงมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ เพราะปกติอวิ๋นซิ่วชิงไม่เคยเฉียดเข้าไปที่ห้องของอวิ๋นหมิงเซียวสักครั้ง
เมื่อเห็นดังนั้น พ่อเฒ่าอวิ๋นก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงรีบตามนางไปทันที
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงมาถึงห้องของอวิ๋นหมิงเซียว นางก็เตะประตูเสียงดังจนมันเปิดออก ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไป
ฮูหยินอวิ๋นถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อได้ยินเสียงนี้
แต่ฮูหยินอวิ๋นก็ยังคงตะโกนด่าทอลูกสาวด้วยเสียงแหลม “ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาในห้องข้า?! ออกไป!!!!”
อวิ๋นซิ่วชิงเดินไปหาฮูหยินอวิ๋นแล้วขู่ว่า “หากข้าเห็นท่านไปเที่ยวขออาหารจากคนอื่นอีก ข้าจะทำให้เจ้าพิการ! ท่านอยากเป็นขอทานนักใช่หรือไม่?! คราวนี้ข้าจะให้ท่านได้เป็นขอทานอย่างสมใจ! หากไม่เชื่อ ท่านจะลองดูก็ได้!”
”ถ้าอย่างนั้นข้าก็ยอมอดตาย!” ฮูหยินอวิ๋นจ้องมองอวิ๋นซิ่วชิงด้วยสายตาคล้ายกับจะกินเลือดกินเนื้อ และโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ท่านไม่มีมือมีเท้าหรือ? เอาเป็นว่าเพื่อเห็นแก่ที่ท่านให้กำเนิดข้าออกมา ข้าจะให้อาหารเจ้าเดือนละครั้งสำหรับกินทั้งเดือน แต่สำหรับท่านเท่านั้นนะ! หากท่านตะกละตะกลามกินจนหมดเร็วหรือแบ่งให้อวิ๋นหมิงเซียว ข้าจะไม่ให้อีก!”
อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างเย็นชาและให้เงื่อนไขกับฮูหยินอวิ๋น
“ข้าไม่ต้องการอาหารของเจ้า แม้ข้าจะอดตาย ข้าก็จะไม่ยอมกินอาหารของเจ้า!” ฮูหยินอวิ๋นตะโกนด่าทออย่างบ้าคลั่ง
”แล้วเจ้าจะกินอะไร?” พ่อเฒ่าอวิ๋นที่ยืนอยู่หน้าประตูพูดขึ้นทันที
ตอนนี้เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างฮูหยินอวิ๋นกับอวิ๋นซิ่วชิงอย่างชัดเจน แม้ว่าฮูหยินอวิ๋นจะไม่ได้บอกอะไรเขามากนัก แต่พ่อเฒ่าอวิ๋นเป็นคนฉลาด เขาสามารถเดาได้ว่าภรรยาตัวเองทำอะไรลงไป
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงหันไปเห็นผู้เป็นพ่อ ดวงตาของนางก็ถึงกับเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความรู้สึกผิด นางต้องการจะกลับห้องตัวเองเพราะรู้สึกเหนื่อย
หญิงสาวยอมทำอาหารให้กับฮูหยินอวิ๋น แต่นางทำเพราะหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ไปสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ชาวบ้านคนอื่นอีก จนทำให้ตระกูลอวิ๋นต้องกลายเป็นตัวตลกไปมากกว่านี้
อีกทั้งร่างใหม่ที่นางมาอาศัยอยู่นี้ก็มาจากนางเฒ่าหน้าเหม็นคนนี้ หากไม่มีร่างใหม่นี้ถือกำเนิดขึ้นมา นางคงไม่ได้โอกาสพลิกฟื้นชีวิตใหม่ให้ดียิ่งขึ้น…
“ชิงเหนียง เจ้าพักเถอะ เดี๋ยวพ่อทำอาหารให้”
ครั้นเห็นดวงตาแดงก่ำที่คล้ายกับกำลังจะร้องไห้ของบุตรสาว พ่อเฒ่าอวิ๋นก็รู้สึกเสียใจยิ่งนัก
…
บทที่ 104 ความคับข้องใจ
อวิ๋นซิ่วชิงเงยหน้าขึ้นและกะพริบตาเพื่อพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล จากนั้นก็เดินไปหาพ่อของนางที่ตบไหล่นางอยู่ และพูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะท่านพ่อ”
ทว่าจังหวะที่นางกำลังจะเดินออกไป ฮูหยินอวิ๋นก็ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอวดดี
“อย่าเพิ่งไป! ข้ายังพูดไม่จบ ข้าขอบอกไว้เลยว่าแทนที่จะให้อาหารเดือนละครั้ง เจ้าควรจะเอาอาหารมาให้ข้าสามมื้อต่อวัน! หากเจ้าไม่ทำตามข้อตกลง ข้าจะไปขออาหารคนอื่นทันที และป่าวประกาศให้รู้ว่าเจ้ามันอกตัญญู!”
ฮูหยินอวิ๋นเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนนางจะพบวิธีข่มขู่เพื่อให้อวิ๋นซิ่วชิงยอมทำตามคำสั่งแล้ว
เมื่อเห็นว่าการที่นางไปขออาหารจากผูเว่ยชางและยังเอะอะโวยวายจนชาวบ้านหัวเราะเยาะไปทั้งตระกูลอวิ๋น นังลูกสาวไม่รักดีก็นึกหน้าบางจนยอมอ่อนข้อให้ นางจึงเกิดการได้คืบจะเอาศอกทันที
สุดท้ายนังลูกสาวอัปลักษณ์ก็ยังคงโง่เง่าอยู่วันยังค่ำ!
อวิ๋นซิ่วชิงไม่คิดว่าแม่ของตัวเองจะยังดื้อรั้นอวดดีเช่นนี้ นางจึงเกาะประตูและหัวเราะเยาะ
พ่อเฒ่าอวิ๋นนึกแปลกใจกับท่าทีของลูกสาวตัวเอง จึงพูดว่า “ชิงเหนียง ปล่อยนางไว้ที่นี่เถอะ เราไปกันดีกว่า”
ส่วนฮูหยินอวิ๋นเองก็ตกใจกับท่าทีของอวิ๋นซิ่วชิงที่หัวเราะร่า นางจึงเริ่มขนลุกไปทั้งตัว
“เจ้าหัวเราะอะไร?! เจ้าได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไหม?!” ฮูหยินอวิ๋นตะโกนด่าเสียงแหลม
อวิ๋นซิ่วชิงหยุดหัวเราะ ก่อนจะหันกลับไปมองแม่ตัวเองอย่างเย็นชา “ท่านคิดจะข่มขู่ข้าด้วยเรื่องนี้เองหรือ? ข้าเพิ่งบอกท่านเองนะว่าหากท่านอยากเป็นขอทานนัก ข้าก็จะให้ท่านได้เป็นอย่างสมใจ ข้าจะทำให้ท่านพิการแล้วไปขอทานที่เมืองทุกวัน และท่านก็จะไม่ได้เห็นลูกชายของท่านตลอดไป ท่านจะลองดูก็ได้นะ…”
เมื่อพูดจบ อวิ๋นซิ่วชิงก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองฮูหยินอวิ๋นที่กำลังหน้าซีดเผือด
ตอนแรกพ่อเฒ่าอวิ๋นยังคงเห็นแก่ความเป็นสามีภรรยาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานาน
แต่ลูกสาวของตัวเองกลับถูกรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจึงเริ่มที่จะทนไม่ไหว!
พ่อเฒ่าอวิ๋นยืนอยู่หน้าประตูและเอ่ยกับภรรยาอย่างเย็นชาว่า “หากเจ้ายังรังแกชิงเหนียงอีก ก็เตรียมรอใบหย่าจากข้าได้เลย!”
“ไอ้แก่! นี่เจ้าคิดจะหย่ากับข้าหรือ?! มันเป็นเพราะใครกันล่ะ? หากเจ้ากับนังลูกสาวมีน้ำใจกับข้าและหมิงเซียว เรื่องมันจะเป็นเช่นนี้หรือ? ข้าคงไม่ต้องบากหน้าไปขออาหารจากคนอื่นให้ขายขี้หน้าเขาหรอก!”
แม้นางจะเถียงอีกฝ่ายเสียงแข็ง แต่ในใจของฮูหยินอวิ๋นเริ่มปรากฏความกังวล และแสดงออกด้วยดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ
นางแก่จนปูนนี้แล้ว หากนางหย่ากับไอ้แก่ตอนนี้ นางจะมีหน้าไปพบผู้คนได้เช่นไร?!
“ในเมื่อตอนนี้เจ้ายังไม่หิว ก็ยังไม่ต้องรับอาหารจากข้าอีก”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังจากไปโดยไม่เหลียวมองฮูหยินอวิ๋นอีก
“โอ้สวรรค์! ทำไมข้าถึงได้โชคร้ายเช่นนี้” ฮูหยินอวิ๋นทรุดตัวลงกับพื้น นางทุบอกตัวเองและคร่ำครวญ
อวิ๋นซิ่วชิงกลับไปที่ลานบ้านและนั่งอยู่ใกล้กับประตูห้องครัว
นางถอนหายใจพลางมองพื้นที่จับไปด้วยฝุ่น โชคดีที่นางยังมีพื้นที่มิติส่วนตัวสำหรับการใช้ชีวิตใหม่บนโลกใบนี้
แต่โชคร้ายที่ตามมาคือนางต้องมาเจอกับคนบ้าบอ อีกทั้งยังทำตัวเป็นปรสิตให้นางรำคาญใจได้ทุกเมื่อ!
เมื่อพ่อของนางเดินเข้ามาในลานบ้าน ก็เห็นอวิ๋นซิ่วชิงกำลังนั่งอยู่ที่ประตูอย่างเหม่อลอย เขาเดินไปหานางและตบไหล่เพื่อปลอบโยน “ชิงเหนียง เจ้าอย่าหงุดหงิดไปเลย วันนี้เจ้าอยากกินอะไร? ข้าจะทำให้เจ้าเอง”
ครั้นเงยหน้าขึ้นเห็นดวงตาที่ฉายแววห่วงใยจากผู้เป็นพ่อ อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้สึกได้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีท่านพ่อที่รักและห่วงใยนางอย่างแท้จริง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้แล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็ยิ้มพลางตอบออกไปว่า “ข้าอยากกินขนมแป้งทอดฝีมือท่านพ่อ”
อวิ๋นซิ่วชิงอารมณ์ดีขึ้นมา พ่อเฒ่าอวิ๋นเองก็เช่นกัน เขาจึงพยักหน้าทันที “ได้เลยชิงเหนียง เดี๋ยวข้าทำให้เจ้าเอง”
พ่อเฒ่าอวิ๋นม้วนแขนเสื้อขึ้นและเริ่มลงมือนวดแป้ง ส่วนอวิ๋นซิ่วชิงก็ช่วยพ่อของนางทำขนมแป้งทอด
…
เมื่อหลี่ฟู่หลานกลับมาจากบ้านของผูเว่ยชาง นางก็เห็นหลู่ชีฉางยืนอยู่ที่หน้าบ้านของนางในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงและเสื้อผ้าขาด ๆ
หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยงและมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ จากนั้นก็เดินไปหาอีกฝ่าย
”หลู่ชีฉาง เจ้ามาที่นี่ทำไม?” หลี่ฟู่หลานถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“หลี่ฟู่หลาน แม่ข้าตายแล้ว…” หลู่ชีฉางมองหลี่ฟู่หลานพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
หลังจากที่หลู่ชีฉางถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน ตอนนั้นแม่ของเขายังคงป่วยอยู่ พวกเขาไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัย จึงต้องไปอาศัยอยู่ในถ้ำ
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ภายในถ้ำจึงค่อนข้างชื้น อาการป่วยของนางหลู่จึงเริ่มกำเริบหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่กี่วันต่อจากนั้นนางก็หลับไป และไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย!