ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 358 รักแบบไม่ลืมหูลืมตา
ตอนที่ 358 รักแบบไม่ลืมหูลืมตา
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด การอยู่บนภูเขาซึ่งเต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ ได้กินอาหารแสนอร่อยทั้ง 3 มื้อ แถมยังมีของว่างและเครื่องดื่ม รวมถึงน้ำแกงบำรุงกำลังอีกด้วย มีสุขภาพจิตใจที่ดีแบบนี้แล้ว ยังจะไม่ใช่เรื่องดีอีกเหรอ?
เหล่าจางเองก็ชอบที่นี่เหมือนกัน ความจริงแล้วถึงแม้ทุกวันเขาจะต้องรับผิดชอบการทําอาหาร แต่เขาก็มีความสุขและไม่คิดว่ามันเป็นภาระหน้าที่อะไร
คนเราเมื่ออายุมากแล้ว มักไม่อยากให้ตัวเองต้องอยู่อย่างไร้ประโยชน์ เมื่อใดที่ต้องอยู่ว่าง ๆ ในใจจะรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา การอยู่ว่าง ๆ นั้นช่างไร้พลังจริง ๆ
ดังนั้นการมีงานยุ่งจึงนับว่าเป็นเรื่องดีที่สุด ในทุก ๆ วันเขาได้ปั่นจักรยานไปซื้อเนื้อหรือของอื่น ๆ ส่วนปลานั้นไม่ต้องซื้อ หากต้องการผักอะไร ก็สามารถเลือกเก็บได้ตามท้องทุ่ง ถ้าในสวนของตนไม่มี ชาวบ้านคนอื่นก็ต้องมีอย่างแน่นอน สามารถไปซื้อได้เลยตามใจชอบ
อีกอย่างหนึ่งที่เขาได้ทำคือการสั่งสอนชี้แนะให้กับเหรินเหริน ซึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มจับฉีฉีมาเรียนรู้อะไรบางอย่างบ้างแล้ว ทุกวันมีงานมากมาย พอให้คนแก่เล่นได้เต็มที่และไม่เสียพลังงานโดยสูญเปล่า
ชีวิตแต่ละวันช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
เมื่อถึงวันจ่ายค่าจ้าง ซูตานหงจึงได้จ่ายเงินเดือนให้ทุกคน และทุกคนก็มาที่นี่เพื่อรับค่าจ้าง
ส่วนฝั่งคุณแม่จี้นั้น ซูตานหงได้เรียกฉีฉีนำขึ้นไปส่งให้
คุณแม่จี้รับไว้ทันที นางอยากจะเก็บเงินไว้ให้ลูกสาวของนาง
ตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อนที่ได้เงินปันผลของสตรอว์เบอร์รี่กับแตงโมด้วย นางคงได้เงินมากกว่านี้ ตอนนี้นางได้เพียงเงินเดือนจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ยากที่จะเก็บออมไว้ได้
แต่การอุปโภคและบริโภคของนางไม่จําเป็นต้องใช้เงินอะไร เงินในแต่ละเดือนจึงถูกเก็บเอาไว้ ดังนั้นในหลายวันมานี้นางจึงพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง
ครั้นนางโทรไปหาจี้เจี้ยนเหวิน เขากลับโมโหในทันทีที่ได้ยินสิ่งที่แม่ของเขากำลังพูด
“แม่อย่าได้กังวลในเรื่องนี้อีกนะครับ พี่สะใภ้สามคอยเลี้ยงดูและจ่ายเงินให้แม่แล้ว แม่ก็เก็บเอาไว้ใช้เองเถอะครับ ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก ถ้าพี่สะใภ้สามรู้ว่าแม่พูดแบบนี้ หล่อนจะต้องผิดหวังแน่” จี้เจี้ยนเหวินพูด
“นี่เป็นเงินเดือนของฉัน ฉันจะให้ใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับหล่อน?” คุณแม่จี้กล่าว
“แม่ครับ ผมยุ่งมาก อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเข้าชั้นเรียนแล้ว ผมจะวางสายแล้วนะครับ” จี้เจี้ยนเหวินพูด “จริงสิ ช่วงวันปิดเทอมฤดูร้อน ลี่ลี่จะส่งเยียนเอ๋อร์กลับไปนะครับ”
“กลับมาทําไม?” คุณแม่จี้พูดขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าเยียนเอ๋อร์ยังมีเรียนพิเศษอีกเยอะหรอกเหรอ?”
“เรียนพิเศษอะไรล่ะครับ ตอนนี้ที่บ้านไม่มีเงินแล้ว” จี้เจี้ยนเหวินพูด
“ไม่เป็นไร ส่งกลับมาเถอะ อยู่ที่บ้านเยียนเอ๋อร์คงไม่ค่อยได้กินได้ดื่มอะไร” คุณแม่จี้พูด “แกกับลี่ลี่ก็ไม่ต้องประหยัดเกินไป ร่างกายตัวเองสําคัญกว่า ส่วนเรื่องเงิน พี่สามของแกคงไม่ถือสาแกมากขนาดนั้นหรอก”
จี้เจี้ยนเหวินไม่อยากคุยกับแม่ของเขาแล้ว จึงรีบพูด 2 ถึง 3 ประโยคและวางสายไป
หลังจากที่วางสาย จี้เจี้ยนเหวินก็เงียบไปพักใหญ่ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนที่แม่เขาอยู่กับจี้อวิ๋นอวิ๋น จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดอะไรกับนางกันแน่ ทำไมตอนนี้นางถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
ช่างไม่ดูเลยว่าตอนนี้ใครเลี้ยงดูนางอยู่ พี่สะใภ้ใหญ่นั้นไม่ต้องหวัง กับพี่สะใภ้รองนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ต้องหวังอะไรกับหล่อนเลย
ตอนนั้นทั้งคู่ไม่ได้ซื้ออะไรกลับไปในช่วงปีใหม่ พวกหล่อนจึงก่อเรื่องขึ้นมาทันทีในช่วงที่กำลังฉลองปีใหม่อยู่
แม้เขาจะยอมรับว่าตนทำผิด หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ทางการเงินของเขาอยู่ในช่วงขัดสน เขาคงไม่ทำแบบนั้น เขาคิดแค่ว่าหลังจากชำระหนี้ค่าบ้านหมดแล้ว ค่อยซื้อของมาให้ทีหลังก็ได้ ครอบครัวของเขาไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงมากนัก
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาคิดน้อยเกินไป พี่สะใภ้ทั้งสองไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น
และสถานการณ์ของครอบครัวเขาตอนนี้ก็ยังเป็นหนี้ ต่อให้เขาจะติดหนี้กับพี่สาม มันก็นับว่าเป็นการติดหนี้อยู่ดี จึงไม่สามารถเห็นด้วยกับแม่ของเขาได้เลย
มีเพียงพี่สะใภ้สามเท่านั้น ที่แม้ว่าก่อนหน้านี้แม่เขาจะลําเอียงกับจี้อวิ๋นอวิ๋นมาก แต่พอนางกลับถึงบ้าน หล่อนก็ทำเพียงตำหนิบ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เพราะเมื่อก่อนเธอกตัญญูมาก แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับจากแม่ ย่อมต้องกลายเป็นจุดด่างพร้อยในใจ และไม่ค่อยอยากใส่ใจนัก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรจะกตัญญูและให้เกียรติต่อพี่สะใภ้สามของเขาไม่น้อย
การที่นางยังเก็บเงินได้ก็แสดงว่าชีวิตความเป็นอยู่นั้นดีเยี่ยม แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่ได้ยินคําพูดดี ๆ ถึงพี่สะใภ้สามจากปากของแม่เขาเลย
จี้เจี้ยนเหวินส่ายหน้า หากเขาพยายามหาเงินให้พอชําระคืนพี่สามแล้ว ถึงตอนนั้นชีวิตจะมั่นคงขึ้น เขาจะไปรับแม่ของเขามาเลี้ยงดู เพื่อไม่ให้พี่สะใภ้สามของเขามีปัญหากับแม่เขามากขึ้นอีกในอนาคต
จี้เจียนเหวินยุ่งมาก เขากำลังเตรียมบทเรียน และตอนนี้เขากำลังตรวจสอบการบ้านของนักเรียนในช่วงพัก เขายังต้องทำงานนอกเวลาอีก จึงไม่มีเวลาว่างเลยจริง ๆ
อย่างไรก็ตามคุณภาพการสอนนั้นยอดเยี่ยมมาก ชั้นเรียนที่เขาสอนเป็นห้องระดับสองในรุ่นเดียวกัน แต่ผลการเรียนของพวกเขาสามารถเอาชนะห้องเรียนหลักได้ไม่เลวเลย
นอกจากนี้จี้เจี้ยนเหวินก็เป็นคนดีมาก เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อำนวยการโรงเรียนและเพื่อนร่วมงาน เขายังคงอยู่ในโรงเรียน แม้ว่าจะไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งในอนาคต แต่งานของเขาก็มั่นคงมาก
ฝั่งคุณแม่จี้ ตอนที่นางคุยโทรศัพท์ สวี่เจี่ยภรรยาของผู้ใหญ่บ้านก็อยู่ที่นั่นด้วย คําพูดของนางที่พูดต่อหน้าสวี่เจี่ยจึงทำให้พอเข้าใจเรื่องในบ้านตระกูลจี้อยู่บ้าง
ความกตัญญูของซูตานหงสามารถมองเห็นกันได้ทั้งหมู่บ้าน ลูกชายทั้ง 4 คน แต่งลูกสะใภ้เข้ามา 4 คน มีคนไหนกตัญญูเหมือนซูตานหงบ้าง?
ในตอนแรกก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทว่าเป็นเพราะจี้อวิ๋นอวิ๋น
จี้อวิ๋นอวิ๋นเป็นคนแบบไหนล่ะ นั่นคือผู้หญิงที่ทำลายชื่อเสียงของหมู่บ้านด้วยตัวหล่อนเองเลยล่ะ
หล่อนแต่งงานกับหลี่จื้อจากหมู่บ้านต้าวาน ชายหนุ่มที่ดีเช่นนี้กล่าวโดยทั่วไปก็คือคนดีคนหนึ่ง เขามีการงานที่มั่นคงและมีความรับผิดชอบ จนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ชายที่ดี
ทว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นกลับทำตัวเหมือนรองเท้าขาด ๆ*กับใครก็ได้ แม้จะเคยเห็นคนหน้าไม่อายมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายขนาดนี้เลย
* ผู้หญิงที่ชอบมั่วผู้ชาย
หล่อนไม่คิดถึงคนในครอบครัวบ้างเหรอ? ดีที่ว่าเป็นยุคสมัยนี้ หากเป็นสมัยก่อน หล่อนคงถูกแห่ประจานตามท้องถนนและถูกปาไข่เน่าใส่ อย่าคิดแม้แต่จะได้เงยหน้าขึ้นมาเป็นผู้เป็นคน
แต่ต่อให้เป็นสังคมสมัยนี้ก็ตาม พฤติกรรมของหล่อนก็ทำให้ครอบครัวต้องอับอาย หากเป็นครอบครัวอื่นหล่อนจะต้องถูกเยาะเย้ยจนตายอย่างแน่นอน
ด้วยตระกูลจี้มีเจี้ยนอวิ๋นที่พัฒนาชุมชนขึ้นมา ไม่อย่างนั้นคงจะถูกคนอื่นดูหมิ่น ตอนนี้จึงมีจี้อวิ๋นอวิ๋นคนเดียวเท่านั้นที่ดูแย่
ทว่าคุณแม่จี้กลับถือเอาความกตัญญูของลูกสะใภ้เป็นเหตุให้สิ้นเปลืองเงินทองเพราะลูกสาวคนนี้อยู่บ่อยครั้ง ยากจะเข้าใจจริง ๆ
หลังจากนี้ใครจะเป็นคนดูแลนางในยามแก่เฒ่า เรื่องนี้ยังต้องพูดอะไรอีก?
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของคนอื่น แม้ว่าสวี่เจี่ยจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซูตานหง แต่หล่อนก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด หล่อนรู้ว่าซูตานหงเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ จึงไม่จําเป็นต้องพูดถึงมันอีก
แต่คุณแม่จี้กลับไม่ยอมเงียบ เงินที่เก็บไว้กับตัวจะดูไร้ประโยชน์หากไม่ได้ส่งออกไป เพราะการกินอยู่ที่นี่ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน แต่ลูกสาวของนางนั้นย่อมต้องการมันอย่างแน่นอน
ดังนั้นคุณแม่จี้จึงกลับมาคุยกับคุณพ่อจี้
“คุณนี่มันรักแบบไม่ลืมหูลืมตาจริง ๆ” คุณพ่อจี้โบกมือใส่อย่างไม่สนใจนาง
หากตัวนางเองยังคิดไม่ได้ เช่นนั้นเขาจะสนใจนางไปทําไม ทุกวันนี้ชีวิตก็ดีอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็ออกไปทำเลย ตอนนี้ลูกชายคนที่สามมีเรื่องต้องรับผิดชอบมากมาย ยังมีหลาน ๆ ที่ต้องดูแล ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นปล่อยนางไปเถอะ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขนาดลูกชายสี่ยังนึกละอายกับการกระทำของแม่เลยคิดดู สมงสมองหายไปไหนหมดแล้วเนี่ยนางแม่จี้ ลูกสาวตัวดีล้างหมดแล้วเหรอ ล้างซะเหลือแค่แปดหมื่นสี่พันเซลล์เลย
ไหหม่า(海馬)