ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 330 ความสนุกสนานของเด็ก ๆ
ตอนที่ 330 ความสนุกสนานของเด็ก ๆ
ถึงเหล่าจางจะอยู่หมู่บ้านนี้มาพักใหญ่แล้วจนชาวบ้านหลายคนรู้จักเขา แต่เหล่าจางก็ยังไม่มีคนรู้จักมากนัก
ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ได้ทำความรู้จัก
พวกเขาต่างนับถือเหล่าจางเป็นอย่างมาก อย่างที่รู้กัน เขาเป็นถึงอาจารย์จากปักกิ่ง ทั้งยังเป็นพ่อบุญธรรมของจี้เจี้ยนอวิ๋น
เหล่าจางเองก็ได้เห็นน้ำใจของลูกบุญธรรม จึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวอีกฝ่ายไม่น้อย
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเสนอตัวและบอกว่า หากใครต้องการป้ายอวยพรแขวนหน้าประตู เขาจะเขียนให้!
ได้ยินเช่นนั้น สายตาทุกคนต่างเป็นประกาย
จากนั้นลุงจางก็ยุ่งมาก เขาเขียนป้ายมือเป็นระวิง
ชาวบ้านต่างซาบซึ้งกันมาก เขาเป็นถึงศาสตราจารย์อาวุโสที่มหาวิทยาลัยในปักกิ่ง เมื่อดูลายมือของเขา มันทั้งสวย และงดงามกว่าที่พวกเขาซื้อมาเสียอีก แถมยังอ่อนช้อยเหลือเกิน เพียงแค่มองก็ทำให้สบายใจ
ขณะที่เขาเขียนป้าย เหรินเหรินเองก็กำลังหัดเขียนพู่กันเช่นกัน
แม้ตัวอักษรจะยังไม่หนักแน่น แต่น้ำหนักมือถือว่าแม่นยำมาก ผลงานออกมาคล้ายคลึงกันทีเดียว ได้ยินมาว่าเขาสอบได้คะแนนเต็มถึง 2 วิชา เป็นที่ชื่นชมของชาวบ้านมาก
ซูตานหงไม่ได้สอนเขา จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็งานรัดตัว เขาคงไม่มีเวลาสอนลูก ๆ
ส่วนผู้เป็นปู่ย่าอย่างคุณพ่อกับคุณแม่จี้ พวกเขาก็งานยุ่งมากเช่นกัน
เหรินเหรินโตมากับพ่อบุญธรรมของพ่อ เขาเรียนเก่งและยังมีมารยาทงดงาม เช่นเดียวกันฝีพู่กันของเขาตอนนี้
ทุกคนปลื้มใจกันไม่น้อย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นศาสตราจารย์อาวุโส
เหรินเหรินได้รับการอบรมสั่งสอนมาเช่นนี้ ต่อไปต้องเติบโตเป็นคนที่น่าทึ่งอย่างแน่นอน
เทียบกับเหรินเหรินแล้ว ฉีฉีดูเกียจคร้านกว่า ยิ่งเด็กคนนี้โตก็ยิ่งเผยให้เห็นนิสัยมากขึ้น
เมื่อก่อนตอนพี่ชายอายุเท่าเขาก็สนใจเล่าเรียนอยู่มาก แต่ฉีฉีกลับตั้งใจเรียนเพียง 50 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นอกเหนือไปจากนี้เขาไม่ได้ใส่ใจนัก
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เจ้าเด็กคนนี้กลับออกไปเล่นสนุกข้างนอกทุกวัน
เสียงเสียงร้องจะตามเขาไป เขามีหลายอย่างที่อยากเล่นกับพี่ชาย เขามักจะติดตามพี่รองไปเสมอ ส่วนกับพี่ใหญ่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ พี่ใหญ่มักจับเขามานั่งอ่านหนังสืออยู่เรื่อย ทำให้เขานึกกลัวพี่ใหญ่ขึ้นมา
อีกฝ่ายกลายเป็นผีในสายตาของเขาตั้งแต่ยังเล็ก
หากแต่ซูตานหงไม่ได้คิดมากนัก ต่อให้ฉีฉีรำคาญน้องชาย แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับน้องด้วยวิธีที่ใช้กับคนนอกหรอก
กับคนนอก เขานั้นถือว่าเป็นคนใจร้อน หากใครทำให้เขาไม่พอใจ เขาก็จะเอาคืนโดยไม่ลังเล การใช้กำลังสำหรับเขาจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
ซูตานหงจึงมักเตรียมลูกอมและขนมหวานไว้ขอโทษอยู่เสมอ
เธอพยายามดุเขา แต่เจ้าเด็กคนนี้หัวแข็งและไม่เชื่อฟังเธออย่างจริงจังนัก เขายอมรับผิดเมื่อถูกจับได้คาตา มันเป็นสิ่งที่เขาควรทำหลังจากไปก่อเรื่องมา
แล้วเธอจะทำอย่างไรกับเขาได้กันล่ะ?
แต่ต่อให้เขาจะชอบชกต่อยไปทั่ว แต่เขาก็มีเพื่อนฝูงมากมาย เด็ก ๆ ในหมู่บ้านแม้แต่เด็กโตแล้วยังอยากจะเล่นกับเขา
ทำไมน่ะหรือ?
เพราะว่าเขาใจป้ำน่ะสิ!
แม้เขาจะมีขนมเพียงคำเดียว เขายังยินดีจะแบ่งให้เพื่อนได้ชิมรสชาติด้วย
ตอนนี้ที่สวนผลไม้งานยุ่งมาก ฉีฉีพาพวกเขาไปช่วยงานที่สวน หากเขามีเรื่องบาดหมางกับเพื่อน ๆ เขาคงไม่มีใครคบ และไม่แม้จะคิดขึ้นไปที่สวนของบ้านเขา
หากแต่การไปช่วยงานที่สวนก็มีข้อดีมากมาย
หลังจากเสร็จงาน พวกเขาจะได้ค่าแรง และยังมีผลไม้ให้กิน หรือสามารถแลกค่าแรงเป็นไข่เพื่อนำกลับไปกินที่บ้านได้
ถือเป็นกิจกรรมที่ดีให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลังกาย
ฉีฉีไม่ชอบการทำงานแม้แต่น้อย ปกติเขาจะคอยสั่งให้คนอื่นทำมากกว่า รวมถึงตรวจดูว่าคนอื่นทำได้ดีหรือไม่ หากไม่ถูกต้อง เขามักบอกให้แก้ไขให้ถูก หลังทำถูกต้องแล้วและสามารถทำงานต่อได้ เขาก็จะไม่กำชับอะไรอีก ก่อนจะเดินจากไป
ด้วยนิสัยจอมบงการของเขา ซูตานหงคิดว่าเขาไม่น่าจะมีเพื่อนคบ แต่ดูเหมือนเขาจะมีเพื่อนไม่น้อยทีเดียว
ทั้งยังไม่รู้ว่าเขาไปเรียนรู้มาจากไหน ซ้ำไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนปากหวานตั้งแต่เมื่อไร
อย่างตอนที่เขามาทาน้ำมันให้เธอเมื่อเช้า “แม่ครับ พวกเขาอิจฉาผมที่มีเสื้อผ้าใหม่ แล้วก็อิจฉาที่ครอบครัวของเรารวยด้วยครับ”
“แล้วยังไงล่ะ?” ซูตานหงถามกลับ
ว่าไปแล้ว ครอบครัวของเธอก็ค่อนข้างร่ำรวย เธอเห็นบัญชีสรุปรายได้ที่จี้เจี้ยนอวิ๋นทำไว้ ปีนี้ทำรายได้มากกว่า 2 เท่าของปีก่อน
“แม่ครับ ผมอยากขอเงินไปซื้อประทัดแล้วชวนเพื่อน ๆ มาเล่นด้วยกัน แต่ถ้าผมไม่ได้เล่นเอง ผมก็จะให้พวกเขาเล่นครับ” ฉีฉีบอก
“ลูกแน่ใจเหรอว่าจะไม่เล่นเอง?” ซูตานหงมองหน้าเขา
“เป็นผู้ชายต้องรู้จักรับผิดชอบ แม่สอนผมเองนะ ผมให้สัญญาเลย ว่าผมจะไม่ไปเล่นถ้ายังทำงานไม่เสร็จ!” ฉีฉีรับคำ
“ก็ได้ เอาไปสิ” ซูตานหงบอกพลางกลั้วหัวเราะ
“แม่ แม่ใจดีที่สุดเลย เด็กทุกคนในหมู่บ้านอิจฉาผมที่มีแม่แบบแม่กันทั้งนั้นเลยครับ” ฉีฉีสวมกอดเธอพลางบอก
แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะดื้อซนเหลือเกิน แต่ครั้งนี้เขาออดอ้อนเป็นพิเศษจนเธอใจอ่อน และให้เงินเขาไป 5 เหมา “เอาไปซื้อของเล่นสิ!”
“ขอบคุณครับแม่ แม่ใจดีที่สุดเลย” ฉีฉีเอ่ยก่อนวิ่งโร่ออกไป
ซูตานหงมองเขาวิ่งออกไปอย่างมีความสุข อย่างที่คาดไว้ แม้ไม่มีลูกสาว เธอก็รู้สึกดีที่ได้มีลูกชาย
พูดถึงลูกสาว หลี่จื้อได้พาหยวนหยวนกลับไปในช่วงสุดสัปดาห์แล้ว
เมื่อ 2 วันก่อน หลี่จื้อมารับหยวนหยวนกลับไป เขาเอาหนังสือความรู้มาให้เหรินเหรินจำนวนมาก ฉีฉียังได้หนังสืออ่านเล่นอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าหยวนหยวนติดซูตานหงมาก เธอไม่อยากจากอ้อมอกซูตานหงไปเมื่อผู้เป็นพ่อมาถึง เธอเข้ากันได้ดีกับเสียงเสียง แม้แต่เสียงเสียงยังจำเธอได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็เติบโตมาด้วยกัน
“แม่ ขอกินเค้กหน่อยครับ” เสียงเสียงเอ่ยเมื่อเขามาถึง
ซูตานหงนำเค้กชิ้นหนึ่งมาให้เขากิน
เจ้าตัวน้อยกินอย่างเอร็ดอร่อย เขามีของกินไม่ขาดปาก ถึงได้หุ่นอ้วนกลมเสียจนซูตานหงแทบอุ้มไม่ไหว
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาจากนำของขวัญปีใหม่ไปให้ผู้เป็นแม่ เขาอุ้มลูกชายแสนจ้ำม้ำขึ้น
“นี่ลูกกินอีกแล้วเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
“อร่อยดีครับ พ่อไม่กินเหรอ?” เสียงเสียงมองหน้าเขา
“พ่อกินแล้วครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งยิ้ม
แม้ว่าสีหน้าของจี้เจี้ยนอวิ๋นจะยิ้มแย้ม หากแต่ซูตานหงดูออกว่าเขาอารมณ์ไม่ดีนัก
เป็นดังที่คิด เขาอดกลั้นไม่ไหวในท้ายที่สุด ก่อนบอก “ผมเห็นแม่กับจี้อวิ๋นอวิ๋นอยู่ด้วยกันด้วย!”
เห็นได้ชัดว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่รู้ว่าคุณแม่จี้ยกโทษให้จี้อวิ๋นอวิ๋นแล้ว
ซูตานหงไม่ได้พูดสิ่งใด ทำเพียงมองหน้าเขา
เธออยู่ในฐานะลูกสะใภ้ ลำบากใจจะออกความเห็น แน่นอนว่าตอนที่เธอรู้ว่าแม่สามีไปพบกับน้องสาวสามี เธอก็อดจะรู้สึกไม่พอใจไม่ได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจี้ยนอวิ๋น คงไม่อาจคิดถือสา
“ทำไมแม่ถึงโลเลแบบนี้กัน ลืมไปได้ยังไงว่าก่อนหน้านี้จี้อวิ๋นอวิ๋นทำให้ตัวเองต้องเข้าโรงพยาบาลน่ะ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นว่าสำทับ
“คุณแม่ก็เป็นคนใจอ่อนแบบนี้มาตลอดล่ะค่ะ แล้วตอนนี้ท่านก็ไม่ได้โกรธแล้วด้วย” ซูตานหงยังคงออกความเห็นในฐานะคนนอก
ขอเพียงจี้อวิ๋นอวิ๋นยอมรับผิด ด้วยนิสัยแม่สามีของเธอแล้ว จะไม่ยอมยกโทษให้ได้อย่างไรกัน?
“ผมรู้นะว่าแม่คิดอะไรอยู่ ปีนี้แม่คงอยากให้จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับมาฉลองปีใหม่ด้วยน่ะสิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้ามืดครึ้ม