ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน - ตอนที่ 200 เรียกตัวมาที่บ้านเพื่ออธิบาย
ตอนที่ 200 เรียกตัวมาที่บ้านเพื่ออธิบาย
เรือนตระกูลหยุน
หยุนลี่เซี่ยวสบถด่าทอด้วยความโมโหอยู่ภายในลานบ้าน “พวกเด็กเปรต หาเงินไม่ได้แม้แต่แดงเดียว ทั้งยังตัดช่องทางทำกินของเราอีก! ข้าจะจัดการกับพวกมันอย่างไรดี!”
“ต่อให้เจ้าตะโกนจนคอแตกจะมีประโยชน์อันใด? พวกเด็กที่ก่อเรื่องหายหัวไปไหนหมดแล้วก็มิรู้” แม่นางจ้าวเหลือบมองหยุนลี่เซี่ยวด้วยหางตาพร้อมกล่าว “เราจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไม่ได้!”
“พี่สามไปลากตัวพวกมันมาสิ! พวกมันทำให้ครอบครัวของเราสูญเสียรายได้!” หยุนชิ่วเอ๋อยืนกระทืบเท้าพร้อมตะโกนอยู่ด้านหน้าบ้าน ใบหน้าดำคล้ำด้วยความโมโห มุมปากของนางโค้งลงเล็กน้อย
แม่เฒ่าจูสบถด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายทันที “ไม่ช้าก็เร็วพวกเดรัจฉานเหล่านี้จะต้องเข้าคุก และถูกบั่นคอจนหมดทุกคน…”
ครานี้แม่เฒ่าจูไม่ได้ตะโกนมาจากห้องชั้นบน ทว่ายกเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งบริเวณหน้าบ้าน นางโกรธแค้นเด็กหนุ่มเหล่านั้นอย่างมากจึงแผดเสียงก่นด่าจนดังไปไกลกว่าสองลี้
ความเงียบสงบยามเที่ยงของหมู่บ้านถูกทำลายลง เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงต่างชะโงกหน้ามองไปยังเรือนของตระกูลหยุนพร้อมซุบซิบนินทา
“เหตุใดพวกเขาถึงโดนเฆี่ยนตีเล่า? แล้วเจ้าออกไปแต่เช้าตรู่จะไม่เป็นอะไรหรือ?” หยุนเยี่ยนถือชามข้าวพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“พวกมันสมควรแล้ว เพราะว่าในบ๊วยที่พวกมันขายมีดินและทรายปะปนอยู่ จึงทำให้ฟันหน้าของเด็กคนหนึ่งแตกหัก พี่สาวว่าเขาสมควรถูกเฆี่ยนตีหรือไม่เล่า?”
“แล้วดินและทรายไปอยู่ในห่อบ๊วยดองน้ำตาลได้อย่างไร?” แม่นางเหลียนเอ่ยถาม
หยุนเชวี่ยก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก “ข้าไม่รู้ อย่างไรเสียบ๊วยดองของข้าก็มีกรรมวิธีที่พิถีพิถัน และท่านป้าสะใภ้จะคอยควบคุมดูแลทุกครั้งที่บรรจุลงห่อ”
ส่วนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพวกแมลงหวี่ที่ลอกเลียนแบบนาง หยุนเชวี่ยไม่ได้ใส่ใจนัก
“เด็กกลุ่มนี้…” แม่นางเหลียนส่ายศีรษะ “เหตุใดถึงทำการค้าแบบไม่ซื่อสัตย์ สุดท้ายก็กลับไปทำธุรกิจเดิมไม่ได้อีกแล้ว”
หยุนเชวี่ยยิ้มตอบ
“คนเราเปลี่ยนนิสัยผู้อื่นไม่ได้ ขอเพียงแค่ตัวของเรายึดมั่นในคุณธรรมก็พอแล้ว” หยุนลี่เต๋อกล่าวคำเบา
“พ่อของพวกเจ้าอยากให้พวกเจ้ายึดมั่นในคำสอนนี้น่ะ” แม่นางเหลียนคีบเนื้อหนึ่งชิ้นวางไว้ในชามของแต่ละคน
สามพี่น้องพยักหน้าอย่างรู้ความ
“เจ้ากลับขึ้นห้องไปได้แล้ว แค่นี้ยังอับอายไม่พออีกหรือ?” ผู้เฒ่าหยุนตะคอกใส่แม่เฒ่าจูพร้อมเผยสีหน้าเคร่งขรึม
เด็กเหล่านั้นถูกตระกูลหยุนจ้างวานให้ไปค้าขายบ๊วยดองน้ำตาลในเมือง ในขณะที่หยุนเชวี่ยและเหอยาโถวสามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ทว่าพวกเขากลับไม่ได้เงินเลยสักเหรียญ
แค่นี้ยังอับอายไม่พออีกหรือ?
“พวกเดรัจฉานกล้าทำเรื่องไร้คุณธรรม ทว่ากลับไม่กล้าโผล่หัวออกมา เหตุใดข้าจึงด่าพวกมันไม่ได้?” แม่เฒ่าจูตบต้นขาอย่างแรงพร้อมตะโกนเสียงดัง “ข้าอยากให้ทุกคนได้ยินว่าไอ้เด็กพวกนั้นทำให้ครอบครัวของข้าขาดทุนหลายพันเหรียญ! พวกเดรัจฉานพวกนั้นทำทุกอย่างพังพินาศ พวกมันไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!”
คิ้วของผู้เฒ่าหยุนขมวดเป็นปม ใบหน้าดำคล้ำดั่งก้นหม้อ เนื่องจากคร้านจะพูดกับสตรีที่เอาแต่ใจนางนี้ เขาจึงหันไปกล่าวกับหยุนลี่เซี่ยว “เจ้าสาม เจ้าจงไปเรียกเด็กพวกนั้นมาไต่ถามให้ชัดเจน”
“เหตุใดถึงต้องเป็นข้า?” หยุนลี่เซี่ยวโพล่งออกมา “ข้าไม่ไป เหตุใดถึงไม่ให้ข้าจัดการเรื่องดี ๆ บ้าง? พี่ใหญ่เป็นคนจ้างพวกมันมา พี่ใหญ่ต้องเป็นคนไป!”
หลังจากเกิดเรื่อง หยุนลี่จงก็ไม่ก้าวออกจากห้องชั้นบนเลย แม้แต่อาหารกลางวันก็ล้วนเป็นแม่นางจ้าวที่ยกเข้าไปให้ในห้อง
“พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังอ่านตำรา อย่าเอาเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ไปทำให้เขาคิดมากเลย” แม่นางจ้าวกล่าว
“หึหึหึ…” หยุนลี่เซี่ยวหัวเราะเยาะ “พี่สะใภ้ใหญ่มีส่วนในการจ้างพวกมันด้วยไม่ใช่หรือ หากพี่ใหญ่ไม่ไป ท่านก็ไปแทนสิ!”
แม่นางจ้าวหลุบตาลง “ข้าเป็นเพียงสตรีจะทำอันใดได้เล่า?”
ทั้งสองโต้เถียงกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ผู้เฒ่าหยุนทำได้เพียงถอนหายใจให้กับภาพตรงหน้า
“ท่านพ่อ ข้าไปเองขอรับ!” หยุนลี่เต๋อวางชามข้าวลง
ผู้เฒ่าหยุนหันไปมองลูกชายอย่างช้า ๆ ก่อนทำทีราวกับต้องการพูดบางอย่าง ทว่าไม่ได้พูดออกมา
ผู้เฒ่าหยุนให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตนเป็นที่สุด คนทั้งหมู่บ้านต่างรู้ดีว่าบุตรชายคนที่สองของเขาแยกครอบครัวออกไปแล้ว แต่ทุกคราที่เกิดปัญหา บุตรชายคนที่สองมักเป็นคนอาสาแก้ปัญหาเสมอ ดังนั้นผู้เฒ่าหยุนจึงเกรงว่าจะถูกชาวบ้านนินทาเรื่องนี้
เมื่อหันมองประตูห้องในปีกตะวันตกที่ปิดสนิทและใบหน้าอันบิดเบี้ยวเพราะความโกรธของบุตรชายคนที่สามแล้ว ความรู้สึกผิดหวังพลันแล่นขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจของผู้เฒ่าหยุนทันที
หยุนลี่เต๋อลุกยืนขึ้นและเดินไปหาบิดา
“เจ้ารอง…”
“ท่านพ่อมีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”
“ไม่มีอะไร ข้าจะไปกับเจ้าเอง” ผู้เฒ่าหยุนเอามือไพล่หลังพลางเดินนำออกไป
อย่างไรเสียเจ้าสองก็แยกครอบครัวออกไปแล้วจึงต้องมีคนรับผิดชอบให้ครอบครัวหลัก ในเมื่อเจ้าใหญ่และเจ้าสามไม่สามารถพึ่งพาได้ เขาก็ต้องพึ่งพาร่างกายแก่ชราของตนเอง!
หยุนลี่เต๋อเผยท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าและเดินเข้าไปพยุงผู้เฒ่าหยุน จากนั้นสองคนพ่อลูกจึงเดินออกจากบ้านไป
“ท่านพ่อ รอข้าก่อน ข้าขอไปด้วยเจ้าค่ะ!” หยุนเชวี่ยตักข้าวสองคำเข้าปากอย่างรวดเร็วก่อนเช็ดปากและวิ่งตามบิดาออกไป “ข้ารู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมือง!”
เมื่อหยุนลี่เซี่ยวเห็นว่าหยุนลี่เต๋ออาสาจะไปด้วยตนเอง เขาจึงผิวปากพร้อมเดินตามไปอย่างเกียจคร้าน
เขามีนิสัยไร้ยางอาย มักอวดดีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่อ่อนแอกว่า ทว่าครั้นเจอเข้ากับผู้ที่แข็งแกร่ง เขาก็จะเอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง ดังนั้นเมื่อมีคนอาสาทำเรื่องน่าอายแทน หยุนลี่เซี่ยวจึงรู้สึกยินดีไม่น้อย
ผู้เฒ่าหยุนเหลือบมองบุตรชายคนที่สามด้วยสายตาเย็นชาก่อนทำทีเป็นไม่สนใจ
หยุนลี่เซี่ยวกอดอกพลางเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่รอง ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะสอนหรอกนะ ทว่าท่านอย่าใจอ่อนเหมือนครั้งก่อนล่ะ”
“เจ้าเด็กเปรตพวกนั้นมันทำให้ธุรกิจของเราเสียหาย พี่รองต้องเก็บเงินพวกมันทุกคนเป็นเงินห้าเหรียญต่อบ๊วยดองน้ำตาลหนึ่งห่อ!”
“ไม่ได้สิ พวกมันทำลายชื่อเสียงของตระกูลเราจนป่นปี้ เงินเล็กน้อยเช่นนั้นคงไม่เพียงพอ ท่านต้องเรียกค่าเสียหายจากพวกมันคนละยี่สิบหรือสามสิบตำลึง!”
“เรียกเก็บห้าสิบตำลึงดีกว่า! ปล่อยให้พวกมันลิ้มรสความขมขื่นเสีย!”
“พี่รอง ข้าพูดกับท่านอยู่ได้ยินหรือไม่? พี่รอง…”
หยุนลี่เซี่ยวยังคงคิดว่าความคิดต่ำช้าของตนจะได้ผล ทว่าหยุนลี่เต๋อและผู้เฒ่าหยุนกลับเดินออกไปโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย หากชาวบ้านรู้ว่าตระกูลหยุนทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนั้น พวกเขาคงด่าทอสาปแช่งเป็นแน่
“ไปเรือนตระกูลเถียนก่อนใช่หรือไม่?” ผู้เฒ่าหยุนเอ่ยถามหยุนลี่เต๋อ
เถียนตวนสื่อเป็นหัวโจกของเด็กเหล่านั้น เมื่อเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นคนแรกที่ถูกตามหา ทว่าสตรีตระกูลเถียนเช่นแม่และย่าของเถียนตวนสื่อไม่ใช่คนมีเหตุผลนัก
“ขอรับ” หยุนลี่เต๋อตอบ “ท่านพ่อ พวกเราให้เด็กเหล่านั้นอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน แล้วค่อยตัดสินใจเถิดขอรับ”
ผู้เฒ่าหยุนมองหน้าบุตรชายโดยไม่กล่าวคำใด
ผู้เฒ่าหยุนรู้ดีว่าหยุนลี่เซี่ยวเชี่ยวชาญด้านการพูดจาเหลวไหล เขามักทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เสมอ
“เด็กหนุ่มฟันหลอคนนั้นซื้อบ๊วยดองน้ำตาลมาจากพี่น้องโฉ่วเหือและโฉ่วช่วน นอกจากนี้สองคนนั้นก็เป็นคนลงมือก่อนจนทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท” หยุนเชวี่ยเล่าตามจริง
ผู้ใดเป็นคนทำผู้นั้นต้องรับผิดชอบ ดังนั้นมันจึงไม่ยุติธรรม หากบิดาและท่านปู่ของนางจะไปที่ตระกูลเถียนเพื่อขอคำอธิบาย
“เจ้าพูดจริงหรือ?” ผู้เฒ่าหยุนหันมองหยุนเชวี่ย
“เจ้าค่ะ ข้าเห็นเต็มสองตา”
“หากเป็นเช่นนั้นไปถามสองพี่น้องก่อนเถิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”
หยุนลี่เซี่ยวกล่าวขึ้น “ไปบ้านเด็กสองคนนั้นก่อนเถิด พ่อของพวกมันหัวอ่อนเชื่อคนง่าย!”