ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน - ตอนที่ 155 แม่นางเฉินถูกทุบตี
ตอนที่ 155 แม่นางเฉินถูกทุบตี
ผู้เฒ่าหยุนกับหยุนลี่เซียวทะเลาะกันอยู่ที่หน้าประตูห้องโถงใหญ่ คนหนึ่งต้องการเอาเงินสองตําลึงที่ได้จากการขายหมูคืน ส่วนอีกคนหนึ่งยึดไปเป็นของตนเองแล้วไม่ยอมคายออกมาพลางโยนความผิดให้หยุนลี่เต๋อ
“เจ้าสาม เจ้าอย่ามายุ่งกับเงินของข้า!” หน้าอกของผู้เฒ่าหยุนกระเพื่อมขึ้นลงและคิดไม่ถึงว่าการสั่งให้หยุนลี่เซียวตามหยุนลี่เต๋อเข้าไปในเมืองจะกลายเป็นปัญหาให้กับตัวเองเช่นนี้
“ก็แค่สองตําลึงเท่านั้น! หลายปีมานี้ท่านสูญเสียเงินให้พี่ใหญ่ไปตั้งเท่าใด ท่านพ่อเคยนับบ้างหรือไม่ว่ามันมากมายเท่าใด?” หยุนลี่เซียวคำนวณทุกอย่างอยู่ในใจแล้ว
“เจ้า…”
“ข้าทํางานทั้งวี่ทั้งวันด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่เคยได้รับค่าตอบแทน เงินก้อนนี้คิดเสียว่าจ่ายค่าอาหารรสเลิศให้ข้าได้ลิ้มลองเสียบ้างจะเป็นไรไป”
“ที่บ้านมีอาหารให้กินสามมื้อต่อวัน อยากจะกินก็กินไปสิ เหตุใดถึงต้องไปซื้อให้เสียเงินอีก?” ผู้เฒ่าหยุนกระทืบเท้าของตนเอง
“เหตุใดน่ะรึ?” หยุนลี่เซียวเอามือไพล่หลังพลางยิ้มกว้าง “โรงน้ำชาในเมืองนั้นมีสาวสวยคอยร้องเพลงให้ฟัง พี่ใหญ่เคยไปมาแล้ว และที่นั่นก็งดงามราวกับสวรรค์!”
“เหลวไหล!”
“ข้ามิได้พูดเหลวไหล หากท่านไม่เชื่อก็เรียกพี่ใหญ่ออกมาถามสิ! พี่ใหญ่! พี่ใหญ่! บอกมาสิว่าสถานที่สำหรับพักผ่อนในเมืองนั้นเป็นอย่างไร?” หยุนลี่เซียวจงใจตะโกนไปยังห้องทางทิศตะวันออก
เวลานี้ประตูและหน้าต่างของห้องตะวันออกปิดสนิท ดูเหมือนหยุนลี่จงใจทำเป็นไม่ได้ยินอันใด เนื่องจากไม่มีการเคลื่อนไหวเกิดแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นหยุนลี่เต๋อเดินออกมาจากห้องทางปีกตะวันตกแทน
“ท่านพ่อ ท่านต้องการเงินก็เอาจากพี่รองสิ” หยุนลี่เซียวกล่าวพร้อมเตรียมจะวิ่งหนีไปราวกับทาน้ำมันไว้ที่ฝ่าเท้า
“เจ้ารอง หยุดเขาเอาไว้! อย่าปล่อยให้มันหนีไป!” ผู้เฒ่าหยุนร้องตะโกนอย่างร้อนรน
บุตรชายที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่น้อยจนเติบใหญ่เป็นอย่างไรนั้นผู้เฒ่าหยุนย่อมรู้ดี ขอเพียงออกจากประตูใหญ่ไปเงินสองตําลึงที่มี หยุนลี่เซียวใช้เวลาเพียงครึ่งวันคงจะใช้มันหมดไปแล้ว!
“น้องสาม!” หยุนลี่เต๋อวิ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อน้องชายแล้วลากเขาให้เดินถอยมาข้างหลัง
“พี่รองต้องการอันใด!” หยุนลี่เซียวหนีไม่พ้นถลึงดวงตาและร้องโอดครวญด้วยเสียงอันแหลมคมดุจระฆังทองเหลือง “หากไม่ใช่เพราะพี่ ข้าคงจะขายหมู่นั่นได้ห้าตําลึง! ดังนั้นเงินนี้ควรจะเป็นของข้า! ปล่อยมือข้า!”
“เจ้าคนขี้โกง!” ผู้เฒ่าหยุนยกมือขึ้นด้วยความโกรธ
“ท่านพ่อ!” หยุนลี่เซียวลูบคอด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านจะลําเอียงเช่นนี้มิได้! สิ่งใดดีท่านก็ให้พี่ใหญ่แค่คนเดียว! มันถูกต้องแล้วหรือที่เขาได้กินเนื้อแล้วทิ้งซุปไว้ให้ข้ากิน? ข้าไม่เคยได้รับการดูแลเช่นนี้มาก่อน!”
ผู้เฒ่าหยุนเอนหลังมือที่ยกขึ้นลอยอยู่กลางอากาศและดึงมันกลับมา ริมฝีปากสีม่วงสั่นระริกแต่ไม่ได้เอ่ยอันใดออก
เมื่อเห็นผู้เฒ่าหยุนชะงักงันด้วยความกังวลใจ หยุนลี่เซียวส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ สองตําลึงนี้มิใช่เงินมากมายนัก ในอนาคตเมื่อพี่ใหญ่ได้เป็นขุนนางแล้ว แม้สองร้อยตําลึงหรือสองพันตําลึงย่อมมิใช่เรื่องใหญ่ แล้วเหตุอันใดท่านต้องสนใจเรื่องนี้ด้วยเล่า? ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
ใบหน้าของผู้เฒ่าหยุนถึงกับซีดเผือดและดวงตาขุ่นมัวจ้องเขม็งที่หยุนลี่เซียว
โดยดวงตาคู่นั้นแดงก่ำราวกับมีเลือดไหลออกมาซึ่งมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ท่านพ่อ?” มือใหญ่ของหยุนลี่เต๋อเหมือนคีมเหล็กที่หนีบอีกฝ่ายไว้ ทําให้ร่างของหยุนลี่เซียวไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
และผู้เฒ่าหยุนยังคงนิ่งเฉยราวกับร่างกายแข็งเป็นหินไปแล้ว โดยมีเพียงคางกับแก้มที่ตึงแน่นด้วยเส้นเลือดปูดโปนบนขมับเท่านั้น
“ท่านพ่อ” หยุนลี่เต๋อรู้สึกกังวลเล็กน้อยจึงร้องเรียกผู้เฒ่าหยุนอีกครั้ง
“ปล่อยมันไป ปล่อยไปซะ”
“…”
“ปล่อยมือเถิด เขาอยากไปพักผ่อนในเมืองมิใช่หรือ?” เสียงของผู้เฒ่าหยุนแหบแห้งและสั่นเครือขณะเค้นมันออกมาจากริมฝีปากของเขา “ปล่อยเขาไป!”
หยุนลี่เต๋อ…
“ได้ยินหรือไม่ ท่านพ่อพูดแล้ว หากเจ้าไม่ยอมปล่อยข้า ข้าจะร้องตะโกน!” คราวนี้หยุนลี่เซียวมีความมั่นใจมาก เพราะหากผู้เฒ่าหยุนมิได้สั่ง หยุนลี่เต๋อย่อมไม่กล้าทําอันใด
ท่ามกลางเสียงด่าทอของแม่เฒ่าจูและคําสาปอันแหลมคมของหยุนชิ่วเอ๋อ หยุนลี่เซียวกำลังปัดก้นด้วยท่าทีหยิ่งผยองพร้อมผิวปากอย่างอารมณ์ดี
ส่วนแม่นางเฉินรีบบิดพาร่างอันอวบอัดที่เต็มไปด้วยไขมันวิ่งไล่ตามออกไปพลางร้องตะโกนว่า “เฮ้ พาข้าไปด้วย!”
ตอนนั้นผู้เฒ่าหยุนจับกรอบประตูพลางหอบหายใจอย่างหนักราวกับกล่องหลอดลมกำลังจะแตกสลายด้วยร่างกายเหี่ยวแห้งที่สั่นคลอน
“ท่านพ่อ ท่านเข้าห้องไปพักผ่อนเถิด” หยุนลี่เต๋อเอื้อมมือไปจับบิดาไว้
“เจ้าเดรัจฉานตัวนี้! ข้าไปทําบาปทำกรรมหนักหนาอันใดไว้นัก!” ผู้เฒ่าหยุนสั่นเทิ้มไปทั้งตัวและไม่มีเรี่ยวแรงที่จะคร่ำครวญออกมา “บ้านก็มีพร้อม แต่ไม่อยากอยู่บ้าน!”
หยุนลี่เต๋อรินชาให้ผู้เฒ่าหยุนโดยไม่ปริปาก เนื่องจากไม่รู้ว่าจะปลอบใจบิดาอย่างไรดี อย่างไรก็ตามเรื่องที่หยุนลี่เซียวเป็นเช่นนี้ อย่าว่าแต่หมู่บ้านไป๋ซีเลย แม้แต่หมู่บ้านทั้งแปดที่อยู่ห่างกันนับสิบลี้ยังรู้กันไปทั่ว แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนเช่นนี้ต้องมาอยู่ในบ้านของเขาด้วย…
“ครอบครัวเราช่างโชคร้ายเหลือเกิน! ครอบครัวเราช่างโชคร้ายนัก!”
“อนิจจา! เป็นเพราะข้ามิได้อบรมสั่งสอนลูกชายให้ดี ข้าสมควรแล้ว!”
“ชั่วช้า ลูกอกตัญญูผู้นี้ ไปเสียได้ก็ดี ไปแล้วจงอย่ากลับมา…”
ใบหน้าของผู้เฒ่าหยุนหม่นหมองราวกับผืนดินและกำลังอยู่ในอาการตะลึงงันและบ่นพึมพํากับตัวเองพักใหญ่
หยุนลี่เต๋อถูมือพลางพูดเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายคลายความโมโห “ท่านพ่อ ท่านอย่าโกรธไปเลย อย่าได้โกรธไปเลย…”
“ฮึ! เจ้ารอง!” ผู้เฒ่าส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าพลางถอนหายใจยาวหลายครา “เจ้าปล่อยให้มันเอาเงินไปได้อย่างไร?”
หยุนลี่เต๋อพูดราวกับสําลัก “หลังจากที่ร้านเอาหมูผ่านตาชั่งและคนรับซื้อล้วงเงินออกมา น้องสามก็เบียดตัวเข้าไปรับ… ข้า… ข้าเองก็มิได้คิดมากอันใด…”
หยุนลี่เต๋อเป็นคนซื่อตรงจึงคิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นคนในครอบครัวเดียว ดังนั้นเอาเงินให้ใครก็ย่อมเหมือนกัน แต่คาดไม่ถึงว่าหยุนลี่เซียวจะตั้งใจแน่วแน่ไว้นานแล้วว่าจะยึดเงินสองตําลึงนี้ไว้เป็นของตนเอง
“ฮึ! ไม่ควร ไม่ควรเลย!”
หยุนลี่เต๋ออ้าปากค้างและอยากจะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองสำหรับเรื่องนี้ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูเรือนได้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดออกมา
เป็นแม่นางเฉินที่เดินบิดก้นกลับมาด้วยความโกรธจนต้องร้องโอดครวญ ปากก็ยังคงบ่นพึมพําไม่หยุดหย่อน
ทันทีที่นางเข้ามาในประตู แม่เฒ่าจูกับหยุนชิ่วเอ๋อรีบพุ่งออกมาจากห้องชั้นบน โดยคนหนึ่งชี้หน้านางแล้วด่าทอ ส่วนอีกคนลงมือราวกับต้องการฉีกร่างของแม่นางเฉินเป็นชิ้นทันที
“เจ้ายังมีหน้ากลับมาบ้านนี้อีกรึ! เหตุใดเจ้าไปไม่ตายไปข้างนอกกับเจ้าเดรัจฉานนั่นเล่า! หากเจ้าไม่ตาย คนในครอบครัวนี้คงต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน!”
แม้ร่างกายของแม่นางเฉินจะดูมีพละกำลัง หากพูดถึงความดุร้ายและเผ็ดร้อนนั้น นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยุนชิ่วเอ๋อ ดังนั้นศีรษะของนางจึงถูกดึงไปทางซ้ายทีขวาที ทว่ายังสามารถร้องตะโกนด้วยความคับข้องใจว่า “จะโทษข้าได้อย่างไร เขาเอาเงินไปก็ใช่ว่าจะแบ่งให้ข้าแม้แต่แดงเดียว!”
“เจ้ามันไร้ประโยชน์ สามีของตัวเองแท้ ๆ ยังห้ามปรามไม่ได้! ทั้งวันนอกจากจะกินกับนอนแล้วเจ้าทําอันใดได้อีก?” หยุนชิ่วเอ๋อข่วนใบหน้าของแม่นางเฉินจนทำให้เกิดรอยเลือด
“โอ๊ย…” แม่นางเฉินร้องไห้คร่ำครวญด้วยเสียงอันดัง “ข้าไม่ผิด ท่านพ่อช่วยข้าด้วย นางจะฆ่าข้าให้ตาย! ช่วยข้าด้วย!”
“นังคนเกียจคร้านหนังหนา จะตีเจ้าให้ตายคงไม่เป็นไรหรอก!” แม่เฒ่าจูยิ่งด่ายิ่งโมโห นางไม่เพียงไม่ห้ามปราม แต่ยังรังเกียจที่หยุนชิ่วเอ๋อตบตีลูกสะใภ้คนนี้เบาเกินไป จึงรีบไปหยิบไม้ที่อยู่ข้างกําแพงขึ้นมาช่วยตีซ้ำ
เห็นดังนั้นแม่นางเฉินจึงวิ่งหนีไปทั่วลานบ้านและร้องไห้อย่างน่าเวทนา “ท่านพ่อช่วยด้วย พี่รอง พี่สะใภ้รอง ช่วยข้าด้วย!”
ทว่าผู้เฒ่าหยุนไม่มีอาการสะทกสะท้านขณะแววตาของเขานิ่งเฉย ราวกับไม่ได้ยินเสียงร้องของหมูที่กำลังจะถูกเชือด
ภายในห้องปีกตะวันออก สองพี่น้องแง้มประตูเอาไว้เพื่อรอดูเหตุการณ์
เมื่อนางเหลียนได้ที่ยินเสียงทะเลาะวิวาทจึงนั่งไม่ติด อยากจะออกไปช่วยพูดให้นางสักสองสามคํา แต่กลับถูกเชวี่ยเอ๋อจับไว้ “ท่านแม่ ท่านคงไม่อยากจุดไฟเผาร่างของตนเองอีกครั้งกระมัง”