ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน - ตอนที่ 105 คนบ้านนอกช่างกล้าหาญ
ตอนที่ 105 คนบ้านนอกช่างกล้าหาญ
ชีจินวิ่งมาจากทิศเหนือของถนนอย่างล้มลุกคลุกคลานตลอดทาง เมื่อเห็นหยุนเชวี่ย ดวงตาของชีจินจึงแดงก่ำ
“เชวี่ยเอ๋อ เหออวี้… เหออวี้กำลังต่อสู้กับคนแปลกหน้า!”
“ต่อสู้กับคนแปลกหน้ารึ?!” หยุนเชวี่ยตกตะลึง
ปกติแล้วเหอยาโถวมีนิสัยไม่ยอมคน แต่เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะหาเรื่องผู้อื่นก่อน หากเหอยาโถวเป็นคนก่อเรื่องจริง เด็กชายร่างกายผอมบางเช่นเขาคงสู้อีกฝ่ายไม่ไหว
“คนพวกนั้นมาหาเรื่องเหออวี้ก่อน!” ชีจินหอบหายใจ
“เพราะเหตุใด?!” หยุนเชวี่ยเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
“มะ… ไม่รู้!”
“พวกมันมีกี่คน?”
“สี่ห้าคน พวกมันมาเป็นกลุ่มใหญ่!”
แม้ชีจินจะเป็นเด็กผู้ชาย ทว่าไม่เคยผจญโลกภายนอกมาก่อน และเมื่อเข้ามาในเมืองเพื่อทำการค้าเป็นครั้งแรก ชีจินก็ต้องเจอกับเรื่องน่าตกใจ
“พี่เชวี่ยเอ๋อ ชีจิน มีอะไรหรือ?” เสี่ยวส้วยเอ๋อที่เพิ่งส่งห่อบ๊วยดองน้ำตาลให้ลูกค้าเห็นทั้งสองคนวิ่งผ่านมาด้วยความรีบร้อน
“เหออวี้กำลังถูกคนแปลกหน้าทุบตี!” ชีจินตะโกนเสียงดัง
“หา?!”
“สาวน้อย รับเงินไปสิ” ลูกค้ารับห่อบ๊วยพลางล้วงเหรียญเงินห้าเหรียญออกมา
เสี่ยวส้วยเอ๋อยื่นมือออกไปรับเงินก่อนออกตัววิ่งอย่างรวดเร็วราวกับลมกระโชกแรง
ทิศตะวันตกของตลาด พวกเขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนล้อมเด็กชายตัวเล็กจากที่ไกล ๆ
“ขอทางหน่อยเจ้าค่ะ! ขอทางหน่อย!” เสี่ยวส้วยเอ๋อผลักคนที่ขวางทางนางออกไป
หยุนเชวี่ยและชีจินวิ่งตามมาติด ๆ
ภาพตรงหน้าคือเหอยาโถวล้มลงกับพื้น บนเสื้อคลุมสีขาวนวลราวกับพระจันทร์มีคราบโคลนและรอยรองเท้าสีดำเปื้อนอยู่ ตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็กถูกโยนทิ้งอยู่ด้านข้าง ห่อบ๊วยตกกระจัดกระจายทั่วพื้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า ลูกพี่ขอบอกเจ้าไว้เลยนะว่าข้าสามารถบีบคอไอ้หนุ่มหน้าขาวปากเปราะเช่นเจ้าให้ตายด้วยมือเดียว ไม่ลุกยืนขึ้นรึ? เหตุใดเจ้าถึงยังขวางทางอยู่อีก?” ชายรูปร่างผอมแห้ง ผิวดำคล้ำยืนกอดอกพร้อมแสยะยิ้ม
“ถุย!” เหอยาโถวกัดฟันพลางยันกายลุกยืนขึ้นก่อนก่นด่า “พวกอันธพาลต่ำช้าเช่นเจ้า รอข้าก่อนเถอะ!”
“หึ ช่างปากดีเสียจริง ให้พวกข้ารออะไรรึ? รอให้สาวน้อยจอมผู้งดงามเช่นเจ้ามาปรนนิบัติลูกพี่หรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า” ชายคนหนึ่งกล่าวขณะพับแขนเสื้อขึ้นและเดินเข้าหาเหอยาโถวด้วยท่าทีคุกคาม
“เอ่อ จะว่าไปแล้ว… เจ้าหนูนี่สวยยิ่งกว่าพวกคุณหนูเสียอีก”
“หน้าตางดงามมีประโยชน์อันใดเล่า? ถ้ายังมีไอ้นั่นอยู่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า หอส้วยเซียง*ยังมีสาวงามและอ่อนโยนอีกมากมาย พวกเราไม่ต้องแย่งกันหรอก!”
*หอนางโลม
คนที่เหลือระเบิดหัวเราะเสียงดัง
ผู้คนที่มุงดูบ้างหัวเราะตาม บ้างขมวดคิ้วพร้อมส่ายศีรษะ
ปกติแล้วเหอยาโถวไม่ใช่คนขี้อายหรือโกรธง่าย ทว่าตอนนี้ใบหน้าของเหอยาโถวกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขณะหมัดที่กำแน่นสั่นเทาเล็กน้อย
“เฮ้ สาวน้อยเขินอายจนหน้าแดงเลยหรือ…” ชายคนเดิมขยิบตา
เหอยาโถวไม่ตอบโต้
ดวงตาของเหอยาโถวแดงก่ำ เส้นเลือดบริเวณลำคอขาวผ่องปูดโปนขึ้น เหอยาโถวกำลังกำหมัดเตรียมจะเหวี่ยงหมัดใส่หน้าของชายอันธพาลผู้นั้น แต่เมื่อผ่านสักพักหนึ่ง ร่างผอมแห้งที่โผล่ออกมาจากกลุ่มคนที่กำลังยืนดูเหตุการณ์พุ่งเข้าชนชายอันธพาลอย่างจัง
“ไอ้อันธพาล! ผู้ใดให้เจ้าทุบตีคนอื่น! ผู้ใดให้เจ้ารังแกคนอื่น!”
มารดาของเสี่ยวส้วยเอ๋อมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ดังนั้นนางจึงทำงานบ้านและงานในทุ่งนามาตั้งแต่เล็กจนโต แม้ร่างกายของเสี่ยวส้วยเอ๋อจะผอมแห้งราวกับคนขาดสารอาหาร แต่แท้จริงแล้วนางมีเรี่ยวแรงมากกว่าที่คาดคิดไว้
ด้วยเป็นการพุ่งเข้าชนอย่างกะทันหัน ทำให้ชายอันธพาลไม่ทันระวังตัวจึงเซล้มไปด้านหลัง
เสี่ยวส้วยเอ๋อยังคงไม่ยอมแพ้ นางกอดเอวของชายอันธพาล ไว้แน่น ขณะใช้ศีรษะดันชายอันธพาล พร้อมกล่าวว่า “ใครให้เจ้าทุบตีคนอื่น! รังแกคนอื่น!”
หยุนเชวี่ยและชีจินตะลึงงัน
พวกเขาไม่คิดเลยว่าเสี่ยวส้วยเอ๋อจะใจกล้าเช่นนี้
“นังเด็กบ้าคนนี้โผล่มาจากที่ไหนเนี่ย!”
อย่างไรเสียชายอันธพาลก็เติบโตเป็นชายฉกรรจ์แล้ว เมื่อทรงตัวได้ ชายอันธพาลจึงหันไปจัดการเด็กหญิงตัวน้อย
ชายอันธพาลพยายามแกะแขนที่พันรอบเอวของเขาออก แต่กลับไม่คาดคิดว่าเสี่ยวส้วยเอ๋อจะคว้าแขนของเขามากัดจนจมเขี้ยว
“โอ๊ย…” ชายอันธพาลขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นังเด็กบ้า เจ้าเป็นหมาหรือไร ไสหัวไปซะ!”
เสี่ยวส้วยเอ๋อยังคงฝังเขี้ยวลงไปในแขนของเขาไม่ยอมปล่อย
“บัดซบ…” ชายอันธพาลสบถด้วยความโกรธก่อนยกขาขึ้นเตะเสี่ยวส้วยเอ๋อ
ทว่ายังไม่ทันได้เตะ ชีจินก็พุ่งเข้ามากอดขาของเขาไว้
“ยังจะกล้าทำร้ายร่างกายนางอีกรึ!” ชีจินกอดขาชายอันธพาลแน่น
“ตึง…” ชายอันธพาลทรงตัวไม่ได้จึงล้มลงไปกับพื้น
“ไอ้เด็กเหลือขอ วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!” ลูกน้องของชายอันธพาลตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพลางพับแขนเสื้อขึ้น
“เข้ามาสิ แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเล่นอยู่กับใคร!”
สิ้นเสียงตะโกน กะละมังที่บรรจุผงแป้งก็ถูกโยนเข้าไปในกลางกลุ่มของอันธพาล
พวกอันธพาลหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว แต่ก่อนที่จะหลบหนี หยุนเชวี่ยก็คว่ำหม้อซุปร้อน ๆ ลงบนพื้นอีกครั้ง
ชายชราเจ้าของร้านบะหมี่ข้างทางอ้าปากค้าง “สาวน้อย นั่น…”
“ค่าเสียหายทั้งหมดเท่าไหร่ ข้าจะชดใช้เอง” หยุนเชวี่ยหยิบคานหาบจากแม่ค้าขายข้าวฟ่างที่อยู่ริมถนนขึ้นฟาดศีรษะของชายอันธพาลอย่างแรง
“อันธพาลเช่นพวกเจ้าควรตายไปเสีย ตายไปให้หมด!”
พูดได้ว่าคราที่หยุนเชวี่ยดักทุบตีหยุนชิ่วเอ๋อ นางยังคงยั้งเรี่ยวแรงไว้ถึงสามส่วน แต่ครั้งนี้หยุนเชวี่ยใช้แรงทั้งหมดที่มีในการต่อสู้
เหล่าชายอันธพาลต่างใช้มือปัดป้องไม้ที่ฟาดลงมาเป็นพัลวัน พวกเขาส่งเสียงร้องพร้อมกระโดดเหยง ๆ เพื่อหลบการโจมตีของอีกฝ่าย
ขณะนี้เหอยาโถวหลุดออกจากภวังค์แล้ว เมื่อมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นผู้คนเข้ามาช่วยเหลือ เหอยาโถวจึงหยิบตะกร้าขึ้นครอบศีรษะของหนึ่งในกลุ่มอันธพาลก่อนยกเท้าขึ้นถีบอย่างเต็มแรง
ชายอันธพาลช่างน่าสมเพชยิ่งนัก ถูกหยุนเชวี่ยใช้ไม้ฟาดไม่พอ ยังถูกเหอยาโถวเอาตะกร้าครอบศีรษะและถีบอย่างเต็มแรงจนล้มหัวคะมำอีก
“นังเด็กเปรต! หากวันนี้ข้าไม่ได้สั่งสอนพวกเจ้า ก็อย่าเรียกข้าว่าลูกพี่เลย!”
“ดูถูกผู้หญิงรึ หากเด็กหญิงคนนี้ไม่ทุบตีสั่งสอนเจ้า ก็อย่าเรียกข้าว่าย่าเลย!”
เหอยาโถวและหยุนเชวี่ยตะโกนเสียงดังขณะต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ผู้คนที่สัญจรไปมา…
“นางคือเด็กสาวจากหมู่บ้านไป๋ซีไม่ใช่หรือ?”
“โอ้ ใช่แล้ว พวกนางกล้าหาญไม่น้อย…”
“เด็กพวกนี้มาด้วยกันรึ?”
“จุ๊ ๆ ๆ คนบ้านนอกช่างกล้าหาญ…”
ผู้คนต่างมุงดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ต้าจี๋พาเด็กรับใช้สองสามคนเดินตลาดเพื่อซื้ออาหารเลิศรสให้นายน้อยของเขา ฉับพลันได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ต้าจี๋จึงเดินเข้าไปไต่ถามพ่อค้าเร่
“มีคนทะเลาะกันน่ะ พวกอันธพาลรังแกเด็กจากหมู่บ้านไป๋ซีที่ขายบ๊วยดองน้ำตาล…”
ขณะที่พ่อค้าเร่ชั่งน้ำหนักขาหมูตุ๋นซีอิ๊วสองจินยังไม่ทันเสร็จ ต้าจี๋ก็หายเข้าไปในฝูงชนแล้ว
พ่อค้าเร่อ้าปากค้าง
ต้าจี๋ควรจะฟังให้จบ… เพราะว่าพวกอันธพาลถูกเด็กหลายคนรุมจัดการจนมีสภาพน่าสังเวช…
ต้าจี๋เดินฝ่าวงล้อมเข้าไปอย่างโง่งม
ไม่ใช่ว่าถูกรังแกหรอกหรือ?
เหตุใด… ภาพที่เห็นถึงไม่ถูกต้องนักล่ะ?
“หยุดเดี๋ยวนี้! หยุด!” ต้าจี๋ตะโกน
เด็กรับใช้ที่ติดตามต้าจี๋มารีบรุดไปข้างหน้า พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
“มีอะไร? พวกเจ้าชอบสอดรู้สอดเห็นเวลาคนทะเลาะกันรึ” ต้าจี๋จ้องมองหยุนเชวี่ยและเหอยาโถวก่อนหันกลับไปคำรามใส่ฝูงชน
“เจ้าคือใคร? แล้วนี่มันธุระกงการอะไรของเจ้า?” เสียงของชายผู้หนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน
หลังจากโดนเด็กพวกนี้รุมทำร้ายอย่างจงใจ พวกเขากำลังจะได้เปรียบ แล้วไอ้หน้าโง่คนนี้โผล่มาได้อย่างไร?
“ข้าคือใครน่ะหรือ? หึหึ…” ต้าจี๋หัวเราะ ตอนนี้นายน้อยของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นเอวของต้าจี๋จึงตั้งตรงขึ้นหลายเท่า ไม่มีท่าทีประจบประแจงเหลืออยู่แม้แต่น้อย