ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1632 เข้าเฝ้าฮ่องเต้
บทที่ 1632 เข้าเฝ้าฮ่องเต้
……….
บทที่ 1632 เข้าเฝ้าฮ่องเต้
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงตนเอง หญิงสาวจึงรีบตบมือนางเบา ๆ เพื่อเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องกลัว “เจ้ารอข้าที่นี่ มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
เมื่อเห็นถึงความมุ่งมั่นของคุณหนู อาจั่วก็รู้สึกโล่งใจ
ถ้าคุณหนูบอกว่าไม่เป็นไร ก็ต้องไม่เป็นไร
นอกจากนี้นายท่านก็อยู่ด้วย
นายท่านจะต้องปกป้องความปลอดภัยของคุณหนูอย่างแน่นอน
กู้เสี่ยวหวานตามขันทีฉีเข้าไป และขันทีฉีเตือนนางถึงกฎบางอย่างด้วยโทนเสียงต่ำ “ฮ่องเต้ไม่ชอบคนที่ไม่สามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้และคนพูดมาก”
ขันทีฉีเตือนหญิงสาวให้ระวังคำพูดและการกระทำ
กู้เสี่ยวหวานรีบโค้งคำนับและพูดอย่างขอบคุณ “ขอบคุณขันทีฉีที่เตือนข้า”
ขันทีฉียิ้มและพูดว่า “ข้าน้อยไม่คิดว่าเสี้ยนจู่จะเป็นคนแบบนี้ ฮ่องเต้มีอายุไล่เลี่ยกับท่าน ท่านทั้งสองคนอาจจะคุยกันถูกคอ เพราะปกติแล้วฮ่องเต้จะเข้าถึงได้ง่ายมาก”
เมื่อเห็นเขาพูดเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลายการป้องกันของนางลงเลย
ขันทีฉีกล่าวว่าฮ่องเต้เป็นคนที่เข้าถึงง่าย แต่กู้เสี่ยวหวานไม่คิดเช่นนั้น
เขามีอำนาจถึงขนาดควบคุมชีวิตและความตายของชาวต้าชิงทั้งหมดไว้ในมือ ทั้งยังคอยจับตาดูผู้ที่พยายามจะแย่งชิงบัลลังก์ของเขา บุคคลเช่นนี้จะเข้าถึงง่ายได้อย่างไร
กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเป็นขันทีฉีที่พูดเพื่อให้นางมั่นใจขึ้นเท่านั้น และนางก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยสักนิด
เมื่อไปถึงประตูห้องโถง ขันทีฉีกล่าวว่า “เสี้ยนจู่รอที่นี่สักครู่ ข้าจะไปแจ้งฮ่องเต้ถึงการมาถึงของท่านก่อน”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าเห็นด้วย “ลำบากท่านแล้ว”
น้ำเสียงของนางไม่ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจ ในตอนแรกนางไม่ได้ดูถูกตัวเองเกินไปเพราะอยู่กับเขาผู้เป็นขันที ต่อมานางก็ไม่ได้ยกยอตัวเองเพราะเขาเอ่ยเตือนนาง ชั่งน้ำหนักดูแล้วล้วนเหมาะสม
ไม่เย็นชาเกินไปจนทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ก็ไม่ประจบสอพลอจนทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเสแสร้ง คนแบบนี้ไม่น่าแปลกใจที่จะมีเพื่อนและคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์มากมายอยู่ข้างกาย
และเมื่อเขาเห็น ก็ทำให้มีความสุข
ขันทีฉีเข้าไปในวังด้วยรอยยิ้ม ทิ้งให้กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ด้านนอก
เมื่อครู่ที่บันได มีทหารติดอาวุธหลายคนสวมชุดเกราะและถือหอกยืนเฝ้าอยู่ หลังจากขึ้นบันไดไปก็มีนางกำนัลในชุดสีชมพูอ่อนก้มศีรษะยืนเรียงแถว เมื่อเห็นคนยืนอยู่ข้างหน้า พวกนางก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมอง นางก็ก้มศีรษะลงทันทีและยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ รอให้ฮ่องเต้เรียกนาง
หลังจากนั้นไม่นาน ขันทีฉีก็ออกมา ยิ้มและผายมือ “เสี้ยนจู่ ฮ่องเต้เรียกให้ท่านเข้าไปในพระราชวัง”
กู้เสี่ยวหวานโค้งคำนับ “รบกวนท่านแล้ว”
หลังจากพูดจบ ภายใต้การนำของขันทีฉี นางก็ตามเขาเข้าไปด้านใน
หลังจากผ่านประตู ขันทีฉีก็ยืนนิ่ง ชี้เข้าไปข้างในแล้วพูดว่า “เสี้ยนจู่ ท่านเข้าไปข้างในเถิด ฮ่องเต้กำลังรอท่านอยู่”
กู้เสี่ยวหวานโค้งคำนับ พลางมองไปที่ขันทีฉีอย่างขอบคุณ จากนั้นก้าวข้ามธรณีประตูและเดินเข้าไปด้านใน
หลังจากที่เข้ามาแล้ว นางก็เห็นร่างหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะขนาดใหญ่กำลังอ่านหนังสือ หญิงสาวจึงก้มศีรษะและคุกเข่าลงที่หน้าโต๊ะโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “กู้เสี่ยวหวานถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี”
น้ำเสียงมั่นคง และสงบเช่นนี้ไม่เหมือนกับการเข้าพบฮ่องเต้เป็นครั้งแรกเลย แต่เหมือนกับการได้พบเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ซูเทียนซื่อทำเป็นอ่านหนังสือในมือ และสังเกตตั้งแต่นางเข้ามา เขาเห็นนางเดินตรงไปที่โต๊ะโดยไม่มองไปด้านข้าง และน้ำเสียงของนางก็ไม่ได้ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจ ซึ่งมันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของซูเทียนซื่อเอาเสียมาก ๆ
เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ถือหนังสือไว้ในมือ และอ่านต่อไปโดยไม่ตอบใด ๆ
กู้เสี่ยวหวานคุกเข่าอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอนุญาตให้นางลุกขึ้น นางก็ยังไม่ลุกขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน กู้เสี่ยวหวานก็พูดซ้ำสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่
ซูเทียนซื่อจึงวางหนังสือในมือลงและพูดเบา ๆ “ลุกขึ้นเถอะ”
กู้เสี่ยวหวานขอบคุณแล้วยืนขึ้น แต่นางก็ไม่กล้ามองไปที่ซูเทียนซื่อ
และสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ เป็นโอกาสที่ซูเทียนซื่อจะได้มองเสี้ยนจู่อันผิงในตำนาน
เขาเห็นว่าวันนี้นางสวมชุดสีฟ้า ซึ่งทำให้ผิวของนางขาวราวกับหิมะ รอบเอวมีเข็มขัดสีเดียวกันและมีไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ สองสามเม็ดประดับอยู่ มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่านางสง่างามและดูหรูหรา
ผมของนางถูกม้วนขึ้นและมีปิ่นปักผมไข่มุกปักเอาไว้ เหลือปอยผมไว้ข้างแก้มแต่ละข้างเล็กน้อย และมีกำไลหยกสีขาวเนื้อนวลที่ข้อมือ ที่ดูแล้วอบอุ่นเปล่งประกายแวววาวจนไม่อาจพรรณนาได้ นางช่างสง่างามและเคร่งขรึม
เป็นความงามที่หาได้ยาก
กุญแจสำคัญคือบรรยากาศที่เปล่งออกมาจากร่างบางนี้ แค่ยืนนิ่ง ๆ ก้มศีรษะลง ร่างที่สมส่วนของนางก็ยังสง่างามมากยิ่งขึ้น
ซูเทียนซื่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
ทันใดนั้นเขาก็สงสัยเกี่ยวกับเสี้ยนจู่อันผิงคนนี้ “เจ้าเงยหน้าขึ้น”
กู้เสี่ยวหวานทำตามคำสั่งของเขาและค่อย ๆ เงยหน้าของตนขึ้น แต่นางกลับจ้องมองลงพื้นและไม่ได้มองหน้าฮ่องเต้โดยตรง
เมื่อเห็นคนตรงหน้า เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางไม่มีร่องรอยของชาดอยู่บนใบหน้าเลย
ผิวขาวราวกับหยก สะอาดและเรียบเนียนราวกับหยกเนื้อดีที่สุด และดวงตาคู่นั้นของนางก็มีขนตายาวทอดใต้เปลือกตา นางไม่ได้มองมาที่เขาจึงมองไม่เห็นดวงตาของนาง เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย “เงยหน้าขึ้นอีก”
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นในตอนแรก และหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด นางจึงเงยหน้าขึ้นอีกเล็กน้อย แต่สายตาของนางก็ยังคงไม่ได้จับจ้องไปที่ซูเทียนซื่ออยู่ดี
อย่างไรก็ตามเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ดวงตากลมคู่นั้นเหมือนองุ่นที่เป็นเครื่องบรรณาการจากหนานหลิง มันมีสีเข้มและดูเหมือนว่าความเปล่งประกายในดวงตาจะทำให้ใบหน้าของหญิงสาวสดใสขึ้น
ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะสื่อสารออกมาได้
เมื่อซูเทียนซื่อเห็นว่านางเงียบตลอดเวลา จึงรู้ว่านางรู้สึกหวาดกลัวเขาเล็กน้อย เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคือเสี้ยนจู่อันผิง ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงเสียที”
กู้เสี่ยวหวานตกใจ ฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไร