ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 70 คืนฝนตก
บทที่ 70 คืนฝนตก
“หอก! หอกเพคะ!” เหยียนอี้เห็นรูปปั้นของหวังเยี่ยนจางตั้งตระหง่าน แม้ว่าจะเป็นรูปปั้นดินเหนียว แต่หอกในมือของรูปปั้นนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเหล็ก นางจึงรีบร้องบอกหลี่หรงอวี่
หลี่หรงอวี่กระโดดขึ้นไปบนแท่นรูปปั้นหวังเยี่ยนจางและดึงหอกออกมา
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมาอย่างน้อยหลายสิบปีแล้ว หอกจึงเป็นสนิม แต่มันก็ยังใช้เป็นอาวุธได้
เหล่าคนชุดดำกำลังล้อมรอบพวกเขา หอกเหล็กในมือของเขานั้นยาวกว่าอาวุธของศัตรูมาก เวลานี้เขาอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าและได้เปรียบอย่างแท้จริง
เหยียนอี้อยู่ด้านหลังรูปปั้น นางค่อย ๆ คลานออกมา จากนั้นก็โยนแตงโม ถ้วยผลไม้ และอาหารบนโต๊ะใส่คนเหล่านั้น
เหล่าคนชุดดำซึ่งกำลังระวังตัวจากหลี่หรงอวี่และหอกยาวเล่มนั้นจึงไม่ได้ป้องกัน “อาวุธที่ซ่อนอยู่” ของเหยียนอี้
หลี่หรงอวี่จึงถือโอกาสนั้นแทงใส่ศัตรูและฆ่าไปได้อีกคน
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี ชายชุดดำอีกสามคนที่เหลือจึงไม่กล้าสู้ต่อและรีบถอยออกมา ก่อนที่หลี่หรงอวี่จะหันมาแทงหอกเหล็กแล้วจัดการไปได้อีกหนึ่งคน
แม้เขาจะไม่เคยฝึกหอกมาก่อน แต่เขาก็มีความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ทั้ง 18 ประเภท*[1] หอกนี้แต่เดิมเป็นของตกแต่งวัด ทว่าหัวของหอกเป็นเหล็กแข็งและด้ามของมันกลวง ดังนั้นหอกจึงมีน้ำหนักเบามาก
ขณะที่ชายอีกคนกำลังจะลุกหนีไป เหยียนอี้ที่อยู่ข้างหลังก็ได้ทุบเขาด้วยชามน้ำขนาดใหญ่ แม้นางจะไม่ได้ฆ่าเขาด้วยตัวเอง แต่นางก็ถีบส่งไปให้หลี่หรงอวี่
หลี่หรงอวี่แทงเข้าที่คอ ทำให้ชายคนนั้นสิ้นชีพในทันที
ส่วนชายที่ใช้พัดนั้นได้รับบาดเจ็บ เขากำลังจะหลบหนีแต่กลับสะดุดร่างของขอทานที่ประตู
ขอทานที่เคยกินอาหารอยู่ในวัดก่อนจะถูกเขาลงมือฆ่าเมื่อเข้ามาที่นี่ ทว่าตอนนี้เขากลับถูกร่างของขอทานคนนี้ทวางทางไว้ ดูเหมือนจะเป็นเวรกรรมอย่างแท้จริง
หลี่หรงอวี่ก้าวไปข้างหน้า วางหอกยาวพาดไว้ด้านหลังชายชุดดำ และตะโกนว่า “ใครส่งเจ้ามาที่นี่”
ชายคนนั้นเป็นผู้พลีชีพที่ได้รับการฝึกฝนมา เขาจะตอบออกไปได้อย่างไร? เขาได้แต่กัดฟันและไม่ยอมปริปาก
หลี่หรงอวี่แทงหัวหอกเข้าที่หลังชายชุดดำ และค่อย ๆ ดันมันเข้าไป ชายตรงหน้านี้เหงื่อไหลออกมาด้วยความขมขื่น แต่ยังคงไม่ยอมบอกอะไรนอกจากตะโกนออกมาว่า “ฆ่าข้าซะ!”
หลี่หรงอวี่หัวเราะเยาะและเอ่ยว่า “คนอื่นตายหมดแล้ว เจ้าต้องรู้ดีกว่าข้าว่านายของเจ้าจะทำอะไรกับเจ้าซึ่งเหลือรอดกลับไปเพียงผู้เดียว”
ชายคนนั้นตกใจมาก หากเขารอดกลับไปเพียงคนเดียว เขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศแน่นอน เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าการที่เขาตายไปเสียอีก ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็เฮงซวยทั้งนั้น เช่นนั้นเขาขอตายที่นี่เสียดีกว่า!
เขาเหลือบมองไปที่หลี่หรงอวี่ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืนและพุ่งร่างของตัวเองเข้าใส่หอก!
หลี่หรงอวี่ตกใจและรีบชักมือกลับ ทว่ามันสายเกินไป
ชายคนนั้นคิดจะฆ่าตัวตาย ก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจ เขาต่อสู้ดิ้นรนด้วยพละกำลังมหาศาล กล้ามเนื้อเกร็งแน่น แม้แต่หลี่หรงอวี่ก็ช่วยเขาเอาหอกยาวออกจากท้องไม่ได้
“โอรสของฮ่องเต้ผู้เหี้ยมโหด… สมควรตายทุกคน!”
สิ้นคำพูดนั้น ชายชุดดำก็ล้มลงกับพื้นและสิ้นใจไป
เหยียนอี้ตกใจและกรีดร้อง
หลี่หรงอวี่นั่งยอง ๆ ลง เอื้อมมือออกไปปิดเปลือกตาให้คนตาย
หลี่หรงอวี่ได้รับบาดแผลมากมายบนร่างกายจากการต่อสู้ครั้งนี้ ร่างของเขาโชกไปด้วยเลือด ซึ่งบางส่วนเป็นของศัตรูและบางส่วนเป็นของเขาเอง เลือดข้นเหนียวผสมกันติดอยู่กับเสื้อผ้าเปียกชุ่มของเขา
หลี่หรงอวี่ต่อสู้อย่างดุเดือด ส่งผลให้เขาอ่อนแอเล็กน้อย เขารู้สึกมึนงงและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
เหยียนอี้พยายามพยุงเขาไว้ แต่นางไม่สามารถอุ้มเขาได้ นางจึงต้องจับร่างกายส่วนบนของเขาให้เข้าที่และขอให้เขาหายใจช้า ๆ
หลี่หรงอวี่ขยับแขนขวาด้วยความยากลำบากและพูดกับเหยียนอี้ว่า “มาเถิด ช่วยข้าดึงมันออกมา”
เหยียนอี้เห็นว่ามีมีดบินแทงที่แขนขวาของเขา นางไม่รู้ว่าตอนที่สู้กันเมื่อครู่ องค์รัชทายาทควงมีดและหอกได้อย่างไร เขาไปเอาความแข็งแกร่งเช่นนี้มาจากไหน?
นางไม่เคยเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจับมีดบินที่โผล่พ้นเนื้อแล้วดึงออกมา
หลี่หรงอวี่ยิ้มเยาะ ก่อนจะโน้มศีรษะลงและสูดลมหายใจบนไหล่ของเหยียนอี้โดยไม่รู้ตัว
เหยียนอี้ถอดเสื้อคลุมของนางออก และใช้คมจากมีดบินตัดเสื้อผ้าของนางเป็นแถบผ้า แล้วใช้มันพันรอบแขนของหลี่หรงอวี่เพื่อห้ามเลือด
“พระองค์บาดเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่เพคะ” เหยียนอี้ถาม
หลี่หรงอวี่กล่าวว่า “เจ้าเป็นหญิง มันไม่เหมาะสมที่ให้เจ้าดู”
เหยียนอี้ถึงกับสาปแช่ง “เช่นนั้นจะปล่อยให้เลือดไหลตายอยู่ที่นี่หรือ มันไม่สะดวกสำหรับหม่อมฉันที่จะอยู่คนเดียวกับศพในวัดที่ผุพังแห่งนี้นะเพคะ”
หลี่หรงอวี่ยิ้มเบา ๆ “ไม่ต้องกังวล ข้ายังไม่ตายตอนนี้หรอก”
เหยียนอี้จับร่างกายส่วนบนของเขาและรู้สึกว่าร่างของเขาสั่นเล็กน้อย นางตอบว่า “เวลาเช่นนี้ พระองค์ยังหัวเราะได้อยู่อีกหรือเพคะ!”
หลี่หรงอวี่มองศพที่นอนเกลื่อนทั่วบริเวณ และมองมาที่ตนซึ่งถูกอาบย้อมด้วยเลือด แล้วเขาก็คิดว่าเหยียนอี้เป็นผู้หญิง นางจะกลัวหรือไม่?
เหยียนอี้มองไปที่ประตู ข้างนอกฝนตกหนักและมีฟ้าร้องเป็นครั้งคราว นางพูดด้วยความกังวล “พระองค์คิดว่าจะมีนักฆ่ามาอีกหรือไม่เพคะ? มันปลอดภัยสำหรับเราที่จะอยู่ที่นี่หรือไม่? ข้าจะไปปิดประตู”
หลี่หรงอวี่กล่าวว่า “จะไม่มีผู้ใดมาอีกแล้ว ไม่ต้องห่วง หากพวกเขาส่งมามากกว่านี้ พวกเขาจะปล่อยให้เราฆ่าพวกพ้องของตนเองได้อย่างไร”
เหยียนอี้รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผลจึงพยักหน้า “ใช่ พวกเขาคาดเดาว่าเราต้องกลับมาที่นี่เพราะข้างนอกฝนตก พวกเขารอเหยื่อให้เข้ามาในวัด อนิจจาที่ขอทานเฒ่าต้องมาเสียชีวิตอย่างไร้ความยุติธรรม”
หลี่หรงอวี่กล่าวว่า “หากเราสามารถกลับไปได้อย่างปลอดภัย ข้าจะส่งคนไปเก็บศพของเขาและสร้างรูปปั้นเชิดชูเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา”
เหยียนอี้เห็นว่าวัดหอกเหล็กไม่ได้มีขนาดใหญ่ แต่ดูเหมือนจะมีลานอยู่ด้านหลัง นางคิดว่าขอทานน่าจะใช้ที่นั่นเป็นที่อยู่อาศัย นางกล่าวว่า “รอหม่อมฉันก่อนนะเพคะ หม่อมฉันจะเข้าไปดูข้างใน”
หลี่หรงอวี่พยายามลุกขึ้นและพูดว่า “เจ้าพาข้าไปด้วย… ด้านหลังนี้มันอาจจะไม่ปลอดภัย”
เหยียนอี้รีบไปช่วยพยุงหลี่หรงอวี่และพูดว่า “องค์รัชทายาทบาดเจ็บมาก พระองค์ยังต้องการปกป้องข้าอยู่อีกหรือเพคะ”
“ข้า… อา…” หลี่หรงอวี่ลุกขึ้นยืนและสัมผัสแผล เขาอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และพูดต่อว่า “ข้าเคยบาดเจ็บสาหัสกว่านี้ อย่างน้อยข้าก็เป็นผู้ชาย ข้าจะให้ผู้หญิงตัวคนเดียวไปเสี่ยงได้อย่างไร”
เหยียนอี้กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “องค์รัชทายาททรงเสี่ยงอันตรายกับข้ามาแล้ว ข้าจะยอมตายได้อย่างไร”
หลี่หรงอวี่ใช้หอกเหล็กเป็นไม้เท้ายันพื้น เขากับเหยียนอี้ค่อย ๆ ขยับไปที่ลานด้านหลัง
ภายในลานนั้นเรียบง่ายเป็นอย่างมาก มีเพียงบ่อน้ำและกระท่อมหลังหนึ่ง
ภายในกระท่อมไม่มีเตียง มีเพียงกองฟางปกคลุมด้วยผืนผ้าใบและผ้าห่มขาด ๆ มันส่งกลิ่นเหม็น คิดว่ามันคงเป็นสถานที่ที่ขอทานใช้นอน
เหยียนอี้หยิบคบเพลิงจากห้องโถงด้านหน้า มีกองฟืนอยู่ใต้ทางเดินนอกกระท่อม มันถูกกระดาษน้ำมันคลุมไว้ ฟืนด้านบนไม่เปียกและสามารถใช้จุดไฟได้
หลี่หรงอวี่หยิบผ้าห่มออกไปพร้อมกับย่นจมูกของเขา
มีหลายสิ่งอย่างภายใต้ผ้าห่ม เช่น ชาม ถังล้างหน้า หมวก เสื้อผ้า และกองขวดเล็ก ๆ ซึ่งเป็นข้าวของขอทานทั้งหมด
เหยียนอี้ย้ายทุกอย่างออกไปและจัดแจงพื้นที่สะอาดสำหรับหลี่หรงอวี่เพื่อให้เขานั่งลง
หลี่หรงอวี่คงเจ็บปวดอย่างมากเพราะเหงื่อที่ซึมเต็มหน้าผากของเขา เหยียนอี้พยุงองค์รัชทายาทขึ้นและรู้สึกว่าร่างกายของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“พระองค์หนาวหรือไม่เพคะ?” เหยียนอี้ถาม
หลี่หรงอวี่ไม่ได้ตอบ แต่เหลือบมองขวดเครื่องลายครามขนาดเล็กกองหนึ่งที่ขอทานทิ้งไว้ และพูดกับเหยียนอี้ว่า “ดูสิ นี่มันอะไรกัน”
เหยียนอี้หยิบขวดขึ้นมาก่อนจะได้กลิ่นและพูดว่า “มันมีกลิ่นเหมือนยา”
“เอามาให้ข้าดู” หลี่หรงอวี่หยิบขวดมาเทผงออกเพื่อดมกลิ่นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพูดว่า “มันเป็นยาสำหรับรักษาโรคตกสะเก็ด”
“พระองค์รู้เกี่ยวกับการรักษาด้วยหรือเพคะ” เหยียนอี้ยื่นขวดที่เหลือให้หลี่หรงอวี่ทีละขวด หลังจากการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เขาก็พบขวดยารักษาบาดแผล
“ขอทานเดินไปตามถนน กินและนอนในที่โล่ง เขาหิวและหนาว บางครั้งเขาถูกกัดและถูกไล่โดยสุนัขที่ดุร้าย มันเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานเหล่านี้โดยที่ไม่สามารถไปหาหมอได้ ดูเหมือนว่าเขาเก็บยาพวกนี้เอาไว้ใช้” หลี่หรงอวี่อธิบาย
เหยียนอี้กัดริมฝีปากของนาง “ดูสิเพคะว่าขวดขนาดเล็กเหล่านี้มีความละเอียดอ่อนเพียงใด ขอทานจะจ่ายเพื่อสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร? เขาต้องขโมยกล่องจากหมอที่โชคร้ายและเก็บยาไว้มากมายเป็นแน่”
หลังจากนั้นนางก็ยิ้มและพูดว่า “แต่เราโชคดีจริง ๆ ที่เขามียาพอดี”
หลี่หรงอวี่ไอสองครั้งและพูดกับเหยียนอี้ว่า “มีบ่อน้ำอยู่ในสนาม ออกไปเอาถังน้ำมาให้ข้า”
เหยียนอี้ทำตามที่บอก ตอนนี้ยังมีฝนตกหนักในลานบ้าน แต่เหยียนอี้เปียกโชกไปแล้ว นางจะใส่ใจทำไมอีก?
นางหิ้วถังน้ำเข้าไปในห้องแล้ววางลง จากนั้นหลี่หรงอวี่ก็พูดว่า “ออกไปข้างนอกเถิด หากเจ้ากลัว ให้นั่งที่ประตูและคุยกับข้า”
เหยียนอี้ตกใจมาก “ให้หม่อมฉันออกไปข้างนอกหรือเพคะ?”
หลี่หรงพยักหน้าช้า ๆ “ใช่”
ทันใดนั้น เหยียนอี้ก็เข้าใจและยิ้ม “พระองค์มีบาดแผลที่หลัง พระองค์จะทายาถึงได้อย่างไร? ถอดเสื้อผ้าเถิดเพคะ แล้วหม่อมฉันจะทำความสะอาดแผลให้”
จากนั้นนางจึงเอื้อมมือไปถอดเสื้อคลุมของหลี่หรงอวี่ออก
ชายหนุ่มรีบหลบ แต่เมื่อเขาขยับก็ทำให้สัมผัสโดนแผล เขากัดฟันด้วยความเจ็บปวด
“อย่าขยับ!” เหยียนอี้รีบร้อน นางไม่สนใจมารยาทของราชวงศ์ นางตบเขาที่ต้นขา
หลี่หรงอวี่เริ่มอายมากขึ้นเรื่อย ๆ เขายังคงปฏิเสธที่จะถอดเสื้อผ้า
เหยียนอี้พูดอย่างกระวนกระวายใจ “องค์ชายรัชทายาท เหตุใดพระองค์ไม่ถอดเสื้อผ้าออกล่ะเพคะ พระองค์ได้รับบาดเจ็บที่ส่วนล่างของร่างกายหรือไม่?”
หลี่หรงอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ขาขวาของข้ามีบาดแผล” ขณะที่เขาพูด เขาม้วนกางเกงของขึ้นครึ่งหนึ่งจนเผยให้เห็นบาดแผลที่น่อง
เหยียนอี้กล่าวว่า “พระองค์ยอมเปิดเผยน่องแต่ไม่ยอมเปิดเผยหน้าอกเนี่ยนะเพคะ?”
จากนั้นไม่นาน หลี่หรงอวี่ก็กล่าวว่า “ชายและหญิงจะกระทำการเช่นนี้ได้อย่างไร? อีกทั้งข้าไม่ได้เจ็บเจียนตาย ออกไปเถิด ข้าจะทำเอง”
เหยียนอี้กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “องค์รัชทายาท หากวันนี้ข้าเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตาย แต่แผลอยู่ที่หน้าอกและหลังของข้า พระองค์จะทำอย่างไรเพคะ”
“ข้า…” หลังจากอึ้งไปชั่วขณะ หลี่หรงอวี่ก็เอ่ยออกมาว่า “หากมันเป็นเรื่องของชีวิตและความตายจริง ๆ ข้าจะช่วยเจ้าให้รอด แต่หลังจากช่วยเจ้าแล้วข้าจะกลายเป็นคนทำลายชื่อเสียงของเจ้า แล้วข้าก็… ข้าจะให้คำอธิบายกับเจ้า”
“คำอธิบายอะไรเพคะ?” เหยียนอี้ถาม
“ข้า… เจ้าออกไป!” หลี่หรงอวี่ต่อปากต่อคำกับหญิงสาวมานานจนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไล่นางออกไป
แผลของหลี่หรงอวี่เริ่มบวมขึ้น อีกทั้งเขายังรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลียมาก ชายหนุ่มค่อย ๆ พิงกองฟางอย่างหมดแรง
[1] ศิลปะการต่อสู้ทั้ง 18 ประเภทได้แก่ คันธนู หน้าไม้ ปืน มีด ดาบ หอก โล่ ขวานเล็ก ขวานรบ ทวน แส้ กระบอง เสียม กริช殳 สามง่าม คราด เชือก มือเปล่า