ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 4 ครอบครัวที่แสนเย็นชา(รีไรท์)
บทที่ 4 ครอบครัวที่แสนเย็นชา(รีไรท์)
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน เหยียนฟู่กุ้ยก็ยืนขึ้นอย่างโอ้อวด เมื่อเขาลุกขึ้น เก้าอี้ก็ถูกเตะเป็นชิ้น ๆ
ในตอนบ่ายที่อากาศร้อนระอุ ทางเข้าลานบ้านตระกูลเหยียนเต็มไปด้วยผู้คน ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยความคึกคัก ทุกคนต่างมารับชมทั้งสองเขียนหนังสือหย่ากันทั้งสิ้น
โชคดีที่หลี่เจิ้งรับรู้สถานการณ์ภายในครอบครัวจึงรับดูแลทั้งสามเอาไว้ เนื่องด้วยตระกูลเหยียนได้ริบสินสอดของตระกูลเหอไป ทั้งยังขับไล่เหยียนอี้และเหยียนจื่อออกจากตระกูลเหยียน คนตระกูลหลี่รู้เข้าก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง
เสียงจักจั่นที่อยู่บนต้นไม้ส่งเสียงหรีดหริ่งชวนแสบหูคลอตลอดทางที่ทั้งสามกำลังเดิน พวกนางมุ่งตรงไปยังถนนอีกเส้นของหมู่บ้าน “ท่านแม่เจ้าคะ เรากำลังเดินไปที่ใดหรือ?”
“เราจะไปบ้านท่านยายกันจ้ะ ที่นั่นน่าจะมีที่พักสำหรับพวกเราอยู่” เหอซื่อกำชายเสื้อแน่น คิ้วขมวดไขว้เล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เหยียนอี้ได้มาที่บ้านตระกูลเหอ นางรู้เพียงว่าครอบครัวของท่านยายนั้นไม่ได้ดีเท่าไรนัก พอจะเดาได้ว่าอีกไม่นานตนเองน่าจะมีปัญหาอีกครั้ง
ลานขนาดเล็กล้อมรอบไปด้วยรั้วง่อนแง่น กระท่อมมุงจากติดกันสามหลังดูน่าอึดอัด เถาวัลย์และไม้เลื้อยขึ้นไปตามกำแพงหิน สุนัขตัวน้อยที่อยู่ตรงประตูลานบ้านกำลังแลบลิ้นน้ำลายหยดลงพื้น
เด็กสาวเห็นสตรีร่างเล็กแกร็นในชุดกระสอบหยาบ ๆ กำลังเก็บผักป่าอยู่แถวประตู เมื่อเห็นคนทั้งสาม นางก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะยิ้มจนดวงตาหยี “อุ๊ย! เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่เล่า? ไม่ใช่ว่าต้องคอยดูแลสามีทั้งปีทั้งชาติหรอกหรือ? กลับไปเสีย! บ้านนี้ไม่ต้อนรับเจ้า กลับไปบ้านสามีของเจ้าโน่นไป๊”
“ท่านพี่สะใภ้ ท่าน… ท่าน…” ท่านแม่ขมวดคิ้วพลางจับมือเหยียนอี้แน่น โดยไม่กล่าวคำใดออกมา
เหยียนอี้เห็นว่าป้าสะใภ้คนนี้เป็นคนที่พูดจาเฉียบขาด นางก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านป้าเจ้าคะ ท่านพูดเช่นนี้ แสดงว่าบ้านฝั่งแม่ของท่านป้าเองก็ไม่ต้อนรับท่านกลับบ้านหรือเจ้าคะ?”
“บ้านฝั่งแม่ของข้าไม่ต้องการข้า? เจ้าพูดจาไร้สาระอะไร!?” ป้าสะใภ้จางกลอกตา เหลือบมองมาอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นตะโกนเข้าไปในบ้าน “ท่านแม่ ฟางเอ๋อร์และเด็ก ๆ กลับมาแล้ว!”
ท้ายที่สุด ป้าสะใภ้จางก็เดินบิดสะโพกกลับไปที่ห้องครัวพร้อมกับผักป่าในมือ เมื่อมองจากด้านหลังจะเห็นเอวของนางถูกพันไว้ด้วยเสื้อผ้าอย่างแน่นหนา ไม่แปลกใจเลยที่นางจะอารมณ์เสียจนเหมือนสามารถจับสามีของตนไว้ในมือได้
แม่เฒ่าเหอเนื้อตัวสั่นไหวยันตัวออกมาจากบ้านหลังใหญ่ด้วยไม้เท้า ใบหน้าเหี่ยวย่นก้มมองลง เมื่อเห็นถุงข้าวของที่อยู่ในมือของบุตรสาว ไม้เท้าในมือก็ร่วงหลุดจากมือกระแทกลงพื้นอย่างแรง นางผรุสวาทออกมาว่า
“ช่างน่าอับอายเสียจริง ๆ เจ้ามาทำอะไรที่นี่! คิดจะให้แม่เฒ่าอย่างข้าต้องเลี้ยงดูพวกเจ้าทั้งสามด้วยหรือไร?”
“ท่านแม่เจ้าคะ ลูกสาวอย่างข้าคลอดลูกชายไม่ได้ ข้าจึงถูกทุบตีทุกวัน อี้เอ๋อร์กับเหยียนจื่อก็พลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย พวกนางเป็นหลานสาวของท่านนะเจ้าคะ!”
“พอไร้ประโยชน์ก็คลานกลับมาบ้านงั้นรึ? เจ้าเอาหน้าข้าไปไว้ที่ใดกัน? คนทั้งหมู่บ้านกำลังดูเรื่องตลกของตระกูลเรา เจ้ารู้ตัวบ้างหรือไม่!” แม่เฒ่าเหอกระทืบเท้าด้วยความโกรธ สีหน้าทวีซีดเผือด
เหอซื่อได้ฟังดังนั้นก็ทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม มือซีดเผือดของนางคว้าชายผ้าของแม่เฒ่าเหอไว้ นางเงยศีรษะขึ้นแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ เป็นบุตรสาวอย่างข้าเองที่อกตัญญู เป็นบุตรีที่ไร้ประโยชน์ แต่ท่านแม่เจ้าคะ… อี้เอ๋อร์กับเหยียนจื่ออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีบ้านเจ้าค่ะ!”
เหยียนอี้และเหยียนจื่อซึ่งยืนอยู่ข้างหลังจับมือกันไว้แน่น ดวงตาที่สดใสดวงน้อยสองคู่มองไปยังมารดาและแม่เฒ่าเหอ บาดแผลบนหน้าผากของเด็กสาวทั้งสองได้ทำให้ใจของแม่เฒ่าเหออ่อนลงในที่สุด
เวลาผ่านไปนาน แม่เฒ่าเหอก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “เข้าบ้านไปคุยกัน! อยู่ในสวนไม่อายหรือไร!”
ในบ้านโทรม ๆ มีเพียงเก้าอี้สองตัว หนึ่งในนั้นขาหักเป๋ แม่เฒ่าเหอวางไม้เท้าของนางด้วยมือสั่นเทา ก่อนจะขึ้นไปบนเตียงเตาพลางเหลือบมองเหยียนอี้กับเหยียนจื่อ นางเอ่ยขึ้นว่า “หญิงชราคนนี้เลี้ยงดูทั้งลูกชายและลูกสาว แต่กลับไม่ได้ดั่งใจเลยสักคน ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าชาติที่แล้วไปทำเวรกรรมอะไรไว้นักหนา!”
ขณะที่นางพูด สะใภ้จางก็บิดสะโพกเดินเข้ามา นางเดินเข้าไปหาแม่เฒ่าเหอพร้อมกับรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านแม่เจ้าคะ ตอนนี้ข้าทำอาหารอะไรที่บ้านไม่ได้เลย ท่านให้เงินแก่ข้ามากกว่านี้อีกหน่อยเถิด ข้าจะนำไปซื้อผักแล้วรีบกลับมา!”
“เงิน! เงิน! เงิน! สะใภ้อย่างเจ้าใช้เงินทั้งหมดไปได้อย่างไร! เมื่อไม่นานมานี้ข้าเพิ่งให้วัตถุดิบสำหรับครึ่งเดือนแก่เจ้าไป เหตุใดเจ้าถึงจะทำอาหารไม่ได้!” แม่เฒ่าเหอโกรธมาก ยิ่งเห็นลูกสะใภ้คนนี้นางก็ยิ่งโกรธจึงตวาดออกมา
สะใภ้จางเบิกดวงตา ยกมุมปากขึ้น “ท่านแม่ ที่บ้านไม่มีอะไรที่ใช้ได้เลย เมื่อสองวันก่อนข้าเพิ่งทำชุดให้เหอจวง เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ต้องใช้เงินทั้งนั้น ข้าก็จำไม่ได้ทั้งหมดหรอก อีกทั้งวันนี้ฟางเอ๋อร์มานี่ แถมยังพาลูกสองคนมาด้วย เช่นนั้นข้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้แล้ว!”
“ทำอะไรดีกว่านี้? คิดว่าตัวเองเป็นแขกหรือไร? ข้าไม่มีเงิน!” แม่เฒ่าเหอย่นคอ นางหันศีรษะนอนลง หลับตาแล้วผล็อยหลับไป ปล่อยให้พวกลูกหลานมองหน้ากันอย่างตะลึงงัน
ท่านแม่เห็นแบบนั้นจึงพาคนทั้งหมดเขย่งเท้าค่อย ๆ ออกไปจากห้อง สะใภ้จางเองก็ออกมาพร้อมกับเอวของนางที่บิดไปมา
“เห็นหรือไม่? แม่เฒ่าเหอไม่ต้อนรับเจ้า ลูกสาวที่แต่งงานแล้วเปรียบดังน้ำที่สาดออกไป จะกลับมาบ้านตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ฟางเอ๋อร์เจ้าช่างโง่เง่าจริง ๆ!”
“ท่านพี่สะใภ้ ท่านกำลังพูดถึงอะไร?” เหอซื่อนั่งอยู่ในสวนเพื่อเก็บผัก เตรียมทำผักป่าสำหรับมื้อกลางวัน นางยังจำได้ว่าพ่อและพี่ชายชอบกินผักป่า
สะใภ้จางเอนตัวพิงประตู นางขบริมฝีปากแล้วพูดว่า “แล้วเจ้าจะทำอะไรข้า ข้าพูดอะไรผิดรึ? ตอนนี้ท่านแม่ก็โกรธอยู่ ข้าไม่สนใจหรอก”