ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 191 น้ำส้มสายชูไหใหญ่
บทที่ 191 น้ำส้มสายชูไหใหญ่
“ปล่อยข้า!” เหยียนอี้คว้ามือจี้ชิงเฟิงไว้อย่างสิ้นหวัง “หากไม่รักษาบาดแผลของลั่วอิ๋ง นางจะตาย!”
เดิมทีจี้ชิงเฟิงนั้นแข็งแกร่งมาก แต่พอโดนเหยียนอี้ฉุดรั้งเขาไว้ เขาก็ยอมชักมือออกจากหลี่หรงอวี่พร้อมส่งเสียงต่ำออกมา จากนั้นก็ขยับตัวออกห่างออกไปเล็กน้อย
เหยียนอี้ส่งตะบันไฟให้หลี่หรงอวี่ ขอให้เขาจุดไฟอีกครั้ง
เมื่อมองไปที่เปลวไฟอันเลือนราง เหยียนอี้ก็เห็นว่าใบหน้าของลั่วอิ๋งซีดเซียว ไร้ร่องรอยของเลือด นางสวมอาภรณ์สีดำ มองไม่เห็นว่ามีเลือดอยู่บนร่างกายนางมากแค่ไหน เพียงแค่สัมผัสเสื้อผ้าที่หน้าท้องของนางก็พบว่ามันเปียกชุ่มไปด้วยเลือด…
ลั่วอิ๋งเป็นคนที่คุ้นเคยกับการใช้ดาบ ปืน และง้าว เมื่อนางออกจากบ้านนางจะพกยาสองขวดติดตัว ขวดหนึ่งเป็นยาแก้พิษและอีกขวดหนึ่งเป็นยารักษาแผล
หลี่หรงอวี่รู้ว่าลั่วอิ๋งมียาพกไว้ติดตัว เขากำลังจะเอื้อมมือไปแตะมัน แต่ก็ต้องหยุดเมื่อสัมผัสเข้ากับชายกระโปรงของนาง เขาจึงตั้งเทียนลงกับพื้นแล้วพูดกับเหยียนอี้ว่า
“บนหน้าอกหรือแขนเสื้อของนางอาจมียารักษาแผลอยู่ เจ้าหยิบมันออกมา ถอดเสื้อผ้านางออกแล้วใส่ยานั่นให้นาง แล้วค่อยใช้ผ้านี้พันแผลให้นาง”
พูดจบหลี่หรงอวี่ก็ฉีกเสื้อคลุมของเขาออกเป็นแถบผ้าที่มีความหนาครึ่งฝ่ามือให้เหยียนอี้ จากนั้นก็ยืนหันหลังให้พวกนาง
บาดแผลของลั่วอิ๋งอยู่ที่หน้าท้อง ฉะนั้นแล้วบุรุษจึงมิอาจพันแผลให้นางได้ แม้แต่ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ หลี่หรงอวี่ก็ยังคงคิดได้อย่างรอบคอบ
แสงเทียนส่องสลัว เหยียนอี้ปลดเสื้อลั่วอิ๋งออก นางถูกแทงเข้าที่ท้องจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ บาดแผลจึงยังฉีกและมีเลือดไหลซึมออกมา เห็นสภาพแผลแล้วน่าตกใจอย่างยิ่ง
เหยียนอี้เช็ดเลือดรอบ ๆ บาดแผลด้วยผ้า จากนั้นก็โรยยาผงทองลงบนบาดแผลของลั่วอิ๋งอย่างระมัดระวัง
ยานี้มาจากราชสำนัก จึงเป็นยาที่ใช้ได้ผลดีมาก เมื่อโรยยาลงไปที่แผล เลือดก็แข็งตัว แต่ก็จะเจ็บปวดมากเช่นกัน ลั่วอิ๋งที่ยังอาการหนักเลยได้แต่ส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด
เหยียนอี้จับมือของนางไว้ ใช้ยาเกือบหมดขวดโรยที่แผลของนาง
หลี่หรงอวี่หันหลังให้ลั่วอิ๋งและเหยียนอี้ตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เหยียนอี้ ไม่ต้องตกใจ ทำเหมือนที่เจ้าพันแผลให้ข้าครั้งก่อน ค่อย ๆ ทำไป”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความกังวล
เหยียนอี้พันแผลให้ลั่วอิ๋ง สวมเสื้อผ้าให้นาง จากนั้นก็บอกกับหลี่หรงอวี่ว่า “เสร็จแล้ว”
หลี่หรงอวี่หันกลับมา ขยับศีรษะของลั่วอิ๋งเพื่อให้นางนอนลงได้สบายขึ้น จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเขาออกคลุมร่างนางไว้
นักฆ่าไม่ได้ตามมาอีก เพราะเหล่าองครักษ์ที่ต้องการตามหาหลี่หรงอวี่นั้นล่อคนพวกนั้นออกไปไกลแล้ว
เมื่อเห็นว่าหลี่หรงอวี่ดูแลลั่วอิ๋งด้วยสีหน้าที่จริงจัง เหยียนอี้จึงถามว่า “แม่นางลั่วอิ๋งจะเป็นอะไรหรือไม่”
หลี่หรงอวี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ตรัสว่า “ถ้าเราสามารถหาหมอให้นางได้ทันรุ่งสาง ข้าคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
เหยียนอี้สบายใจขึ้น นางพูดขึ้นมาว่า “ที่เมืองอวิ๋นเจี้ยนมีหมอชราคนหนึ่ง เป็นหมอหลวงที่มีชื่อเสียงในอดีต เราไปหาเขาหลังรุ่งสางกัน เขามีวิธีช่วยได้แน่”
หลี่หรงอวี่จับมือเหยียนอี้ “เจ้าเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว พักผ่อนเถอะ ยังพอมีเวลาอีกสักพักกว่าฟ้าสาง”
เหยียนอี้พูดกับเขาว่า “ท่านเองก็ต่อสู้มาทั้งคืนแล้ว ท่านควรจะพักผ่อนเช่นกัน”
หลี่หรงอวี่พยักหน้า แต่เขากลับไม่ได้พักผ่อนตามที่ว่า ชายหนุ่มยังคงเฝ้าดูแลลั่วอิ๋งต่อไป
ลั่วอิ๋งเสียเลือดมาก สติของนางพร่ามัว บางครั้งคำพูดที่คลุมเครือก็หลุดออกมาจากปากของนาง เหยียนอี้นั้นฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่หลี่หรงอวี่ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง สีหน้าของเขาจึงดูเศร้ามาก
“ท่านเป็นอะไรไป” เหยียนอี้ยืนพิงเขา
ในขณะที่ลั่วอิ๋งพึมพำ “ฝ่าบาท…”
เหยียนอี้สามารถได้ยินประโยคนี้ได้อย่างชัดเจน
ไม่คิดเลยว่าลั่วอิ๋งจะมีความภักดีขนาดนี้ แม้ในยามหลับใหล นางก็ยังเรียกหาองค์รัชทายาท
หลี่หรงอวี่ถอนหายใจ ซ่อนชายเสื้อคลุมของนางไว้ ดับเทียน และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง มีเพียงจี้ชิงเฟิงที่ยืนพิงหน้าต่าง มองเห็นเพียงแต่เงา
จู่ ๆ ในใจของเหยียนอี้ก็รู้สึกไม่ค่อยดี หลังจากที่ผ่านเรื่องต่าง ๆ มาทั้งคืนก็รู้สึกเหนื่อยล้า เหยียนอี้พิงกำแพงแล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน แต่คืนนี้ยังอีกยาวนาน ที่นี่ทั้งชื้นและเย็น จะนอนหลับได้อย่างไร
มีเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากข้างนอกและเข้ามาใกล้มากขึ้น หลี่หรงอวี่ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ทำให้เหยียนอี้สะดุ้งตกใจ
เขารีบส่งสัญญาณไม่ให้เหยียนอี้ขยับตัว ฟังอยู่ครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าก็ส่งสัญญาณเข้ามาใกล้ แต่สักพักก็เดินห่างออกไป
หลี่หรงอวี่หันกลับมาพูดกับเหยียนอี้ “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ อย่าส่งเสียงดัง ข้าจะออกไปดูสักหน่อย”
พูดจบเขาก็หยิบดาบแล้วเดินออกไป
เหยียนอี้นอนอยู่ใต้หน้าต่าง รออยู่พักหนึ่งหลี่หรงอวี่ก็ยังไม่กลับมา แต่ข้างนอกก็ไม่มีเสียงอื่นใดเลย
เหยียนอี้รอจนเริ่มเหนื่อย ล้มตัวลงนอนก็เปลี่ยนท่านอนไปแล้วก็หลายท่า นางขดตัวจนกลมเหมือนลูกบอล คืนนี้ช่างเป็นคืนที่หนาวเหน็บเสียจริง ๆ
แต่ทันใดนั้นก็มีเสื้อมาคลุมร่างของนาง จี้ชิงเฟิงนั่นเองที่ขยับเข้ามาใกล้เหยียนอี้โดยไม่รู้ตัว
“ข้าไม่ต้องการเสื้อผ้าที่เหม็นอับของท่าน…” เหยียนอี้คว้ามุมเสื้อคลุมกำลังจะเอาออก ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าเสื้อคลุมเปียกชุ่มหลายแห่ง ดูไม่เหมือนน้ำเลย แต่ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะคล้ายตอนสัมผัสเสื้อผ้าของลั่วอิ๋งไม่มีผิด แล้วเสื้อผ้าของจี้ชิงเฟิงจะมีเลือดมากมายได้อย่างไร?
แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของจี้ชิงเฟิง เผยใบหน้าซีดเซียวของเขาออกมาสู่สายตา เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “องค์รัชทายาทของเจ้าไม่ได้เรื่อง เขาปล่อยให้เจ้าอยู่อย่างลำพังเพียงเพราะลูกน้องคนหนึ่งของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ”
เหยียนอี้จ้องมองจี้ชิงเฟิงด้วยความโกรธ “แม่นางลั่วอิ๋งเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดของเขา นางอยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องเขาจากอันตราย ตอนนี้นางบาดเจ็บไม่ได้สติ การดูแลนางเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง”
จี้ชิงเฟิงแตะมือของเหยียนอี้แล้วพูดว่า “แต่เจ้าเองก็หนาวมาก เขากลับห่มผ้าให้นาง เจ้าไม่โกรธเลยหรือ”
เหยียนอี้รู้สึกหงุดหงิดมาก นางจึงรีบชักมือออก ใช้กำปั้นชกที่ตัวของจี้ชิงเฟิง จี้ชิงเฟิงไม่หลบไม่หลีก หลังจากถูกนางต่อยก็มีเสียงหายใจหนักดังออกมา เขากุมที่หน้าอก หอบอยู่เป็นเวลานาน
เหยียนอี้แตะดูที่หลังมือของตัวเอง พบว่ากำปั้นที่ใช้ชกจี้ชิงเฟิงนั้นเต็มไปด้วยเลือด
“นี่ท่าน… ”
จี้ชิงเฟิงพิงไหล่ของเหยียนอี้ด้วยความเหนื่อยหอบ “ยารักษาแผลของเจ้าเหลือเท่าไหร่? ขอข้าด้วย”
ตอนนั้นเองที่เหยียนอี้ค้นพบว่าจี้ชิงเฟิงเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลย จำได้ว่าในระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ก่อนที่หลี่หรงอวี่จะมา จี้ชิงเฟิงได้เดินอยู่ข้างหน้านาง เขาจึงได้รับคบดาบจำนวนไม่น้อยถึงได้บาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้
ยังมียารักษาแผลเหลืออยู่มากกว่าครึ่งขวด เหยียนอี้ยัดมันใส่มือเขาแล้วพูดว่า “หึ ในเมื่อเราเป็นลงเรือลำเดียวกันแล้ว ข้าจะตอบแทนท่านสักหน่อยก็แล้วกัน”
“ขอบคุณแม่นางเหยียน สำหรับของตอบแทนนี้!” เมื่อได้รับผารักษาแผลผงทองแล้วก็ใช้ผ้าพันแผล จี้ชิงเฟิงก็กลับมาใช้ลิ้นกะล่อนตามเดิม
เหยียนอี้รออยู่สักพัก แต่หลี่หรงอวี่ก็ยังไม่กลับมา นางจึงเกิดความสงสัยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นหรือไม่?
ศัตรูมีมากมาย เขาออกไปสืบคนเดียวจะเกิดเหตุอะไรหรือเปล่า
ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล แต่นางนั้นไร้เรี่ยวแรง แม้จะออกไปตามหาเขาก็จะเป็นภาระแก่เขาเท่านั้น
ในเวลานี้ลั่วอิ๋งพึมพำอีกครั้ง เหยียนอี้รีบตรวจสอบดูว่านางตื่นหรือยัง แต่นางหลับสนิทและยังคงไม่ได้สติ
เหยียนอี้รู้สึกหงุดหงิด ถ้าหากนางสามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้ และสามารถปกป้องผู้อื่นในสถานการณ์เช่นคืนนี้ได้ มันจะดีแค่ไหน?
ในอดีตซานกู่จื่อต้องการสอนศิลปะการต่อสู้ให้นาง แต่เป็นนางเองที่ขี้เกียจ คิดว่าว่าศิลปะการต่อสู้มีเพื่อผู้ที่ต้องต่อสู้และพวกนักฆ่า นางเป็นเพียงแม่ครัว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ สุดท้ายนางก็ทำได้แค่ลากคนอื่นมาเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือตัวนาง ไร้ประโยชน์สิ้นดี!
จี้ชิงเฟิงเรียกนาง “นี่ เหยียนอี้ ช่วยข้าที”
“เกิดอะไรขึ้น?”
อย่างไรเขาได้รับบาดเจ็บสาเหตุก็เพราะช่วยนาง เหยียนอี้จึงรู้สึกผิด น้ำเสียงของนางจึงอ่อนโยนขึ้นมาก
“หลังข้าบาดเจ็บ แต่ข้าเอื้อมไม่ถึง” จี้ชิงเฟิงกล่าวกับนาง
เหยียนอี้เป่าตะบันไฟเพื่อจุดไฟอีกครั้งแล้วส่องไฟไปที่หลังของเขา
เพราะมีแต่รอยแผล จะเรียกว่าแผ่นหลังก็ไม่ถูก แผลใหม่ซ้อนทับกับแผลเก่า แผลเป็นนูนซ้อนกันอยู่อย่างฉวัดเฉวียน มีเนื้อหนังตรงไหนบ้างเล่าที่ไม่บุบสลาย
จี้ชิงเฟิงเองก็รู้ดีว่าเหยียนอี้คงตกใจเมื่อเห็นแผ่นหลังของเขา เขาจึงหันหน้ามายิ้มให้นาง “โชคดีที่บาดแผลเหล่านี้อยู่เพียงบนร่างกายของข้า ไม่ได้ทำลายใบหน้าอันหล่อเหลาของข้า เจ้าคิดอย่างนั้นหรือไม่”
ภายใต้แสงเทียน เหยียนอี้เห็นว่าหน้าอก ไหล่ และแขนของจี้ชิงเฟิงมีรอยแผลเป็นจำนวนมาก และมีบาดแผลใหม่หลายแห่งก็ยังคงมีเลือดไหลออกมา แผลเหล่านี้คงเพิ่งได้พวกมันมาใหม่เมื่อครู่
เมื่อเห็นนางจ้องมองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า จี้ชิงเฟิงก็จับคางตัวเองโดยไม่รู้ตัว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ช่วยไม่ได้ ข้าคนนี้มีรอยแผลเป็นง่าย เดิมทีข้าก็ไม่ได้ใส่ใจดูแลมันหรอก ข้าเลยไม่รู้ว่าจะใช้อะไรรักษาแผลเป็นพวกนี้”
เหยียนอี้อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ “ไม่ว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นง่ายแค่ไหน ท่านก็ต้องได้รับบาดเจ็บหลายสิบครั้งก่อนที่จะมีแผลเป็นหลายสิบรอยได้ขนาดนี้ จริงหรือไม่”
นางตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “หันกลับมาซิ!”
แม้ว่าเสียงนั้นจะเป็นคำสั่ง แต่จี้ชิงเฟิงก็มีความสุขมากเมื่อได้ยิน เขาหันกลับมาอย่างเชื่อฟังและขอให้เหยียนอี้ใส่ยาให้เขา
ยังไม่ทันได้ใส่ยาที่แผลของเขา หลี่หรงอวี่ก็กลับมาแล้ว
ทันทีที่ชายหนุ่มเข้าไปในห้อง เขาเห็นเหยียนอี้และจี้ชิงเฟิงอยู่ใกล้กันมาก ที่สำคัญ ร่างกายท่อนบนของจี้ชิงเฟิงเปลือยเปล่า เขาจึงทำหน้าบูดบึ้งทันที หลี่หรงอวี่เดินไปดึงเหยียนอี้ให้ลุกขึ้น
“เอ้อหล่าง ท่านกลับมาแล้ว!” เหยียนอี้เรียกเขาเบา ๆ ด้วยความดีใจ
หลี่หรงอวี่ขมวดคิ้ว มองไปที่จี้ชิงเฟิง ทันทีที่เห็นบาดแผลบนร่างกายของเขาก็หยิบขวดยารักษาแผลจากมือเหยียนอี้
เหยียนอี้พูดขึ้นทันที “ข้ากำลังจะใส่ยาให้เขา…”
หลี่หรงอวี่พยักหน้าเข้าใจ “เจ้าถอยไป ข้าจะใส่ยาให้เขาเอง”
จี้ชิงเฟิงเอ่ยเสียงดัง “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าแตะต้องแผลข้า! ใครจะรู้ว่าคนร้ายกาจอย่างเจ้าจะวางยาข้าหรือเปล่า!”
หลี่หรงอวี่เก็บขวดยาไว้ “เจ้าไม่อยากใช้ยานี่ก็ไม่เป็นไร บาดแผลของเจ้าไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก”
เหยียนอี้รู้ดีว่าที่จี้ชิงเฟิงต้องบาดเจ็บก็เพราะปกป้องนาง นางจึงพูดกับหลี่หรงอวี่ว่า “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส … ”
“โชคดีที่ข้ากลับมาเร็ว ไม่เช่นนั้นอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยของเจ้าคงจะหายดีแล้ว” หลี่หรงอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา คว้าตัวเหยียนอี้พร้อมขวดยาแล้วมองหาที่นั่งให้ไกลจากจี้ชิงเฟิง
ไม่รู้เหตุใดเหยียนอี้จึงแน่นที่อก เห็นหลี่หรงอวี่อารมณ์ไม่ดีเช่นนี้ นางมีความอย่างสุขมาก
จี้ฟิงเฟิงเมื่อเห็นว่าหลี่หรงอวี่ไม่ให้ยารักษาแก่เขา อีกทั้งยังหยิบขวดยาไปจริง ๆ บาดแผลบนร่างกายของเขาก็มีอาการเจ็บขึ้นมา ชายหนุ่มส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย!”