ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 8 บทที่ 222 ความอ่อนโยนนั้นไม่อาจเสแสร้งได้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 8 บทที่ 222 ความอ่อนโยนนั้นไม่อาจเสแสร้งได้
เด็กสองคนเกาะตรงริมเตียง มองดูพี่ใหญ่ที่นอนหลับอยู่ เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่รอง ท่านดูสิเจ้าคะ ริมฝีปากของพี่ใหญ่แห้งเหลือเกิน พวกเราป้อนน้ำให้พี่ใหญ่เถอะ”
“เจ้าป้อนเป็นหรือ? ระวังอย่าทำให้เสื้อของพี่ใหญ่เปียกเอา” เซียวจื่อเซวียนกล่าว
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวอย่างได้ใจ “ข้าทำเป็นแน่นอน พี่สะใภ้ใหญ่ป้อนข้าดื่มน้ำเช่นนี้ทุกครั้ง! ”
นำช้อนในถ้วยออกมาวางไว้ข้างนอก เซียวจื่อเมิ่งยกถ้วยขึ้น ยื่นส่งไปยังริมฝีปากเซียวยวี่ ส่งปากถ้วยเข้าไปในปากเซียวยวี่ เซียวจื่อเมิ่งยกถ้วยขึ้น เริ่มเทน้ำ เวลานี้เซียวยวี่นอนหลับไปแล้วจริงๆ ถึงแม้ริมฝีปากจะงับปากถ้วยไว้ แต่เขาไม่มีสติรับรู้ที่จะดื่มน้ำ น้ำไหลจากปากถ้วยเข้าไปในปาก แล้วจึงไหลออกจากขอบปากไปถึงตรงคอ
น้ำถูกเทออกไปกว่าครึ่งถ้วย เสื้อตรงช่วงคอเปียกชุ่มอย่างรวดเร็ว
น้ำเย็นแล้ว เมื่อไหลไปถึงช่วงคอที่ร้อนผ่าว เซียวยวี่สัมผัสได้ว่าตรงคอเย็นวาบ จึงสะดุ้งตื่นเพราะความเย็น
“จื่อเมิ่ง เจ้าระวังหน่อย เจ้าดูสิ ป้อนน้ำไม่ได้ ทั้งยังทำให้เสื้อของพี่ใหญ่เปียกชุ่มแล้ว” เซียวจื่อเซวียนกล่าวตำหนิ
เซียวจื่อเมิ่งก็รู้สึกกระวนกระวาย “เช่นนั้นพี่รอง ตอนนี้ทำอย่างไรดีเจ้าคะ! ”
เซียวยวี่กำลังคิดจะลืมตาขึ้น เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ ก็เสนอ “พวกเราไปหาพี่สะใภ้ใหญ่เถอะ ให้พี่สะใภ้ใหญ่มาช่วยเปลี่ยนเสื้อให้พี่ใหญ่” เซียวยวี่หลับตาต่อ ไม่ให้เด็กสองคนพบว่าตัวเองตื่นนอนแล้ว
เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้า ทั้งสองคนวางของลง ก่อนวิ่งออกไป
เซียวยวี่จึงลืมตาขึ้น มองดูเพดานด้วยแววตานิ่งสงบ ดวงหน้านิ่งสงบของเขาดูอ่อนโยน ตวัดมุมปากเผยรอยยิ้มบาง ทั้งยังแฝงเร้นด้วยความรู้สึกตั้งตารอคอย
ตอนเซี่ยยวี่หลัวเข้ามา เขายังนอนหลับอยู่ เซี่ยยวี่หลัวดูเสื้อของเขาโดยละเอียด เสื้อตรงอกเปียกชุ่มแทบทั้งหมด
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “พี่สะใภ้ใหญ่ ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าทำให้เสื้อของพี่ใหญ่เปียก”
เซี่ยยวี่หลัวจะตำหนินางได้อย่างไร “เด็กโง่ ไม่เป็นอะไร พี่สะใภ้ใหญ่จะโทษเจ้าได้อย่างไร พี่ใหญ่ของเจ้าก็ไม่โทษเจ้าแน่ เจ้าป้อนน้ำให้พี่ใหญ่ดื่ม นั่นหมายความว่าเจ้าเป็นเด็กดีที่รู้จักเอาใจใส่ผู้อื่น”
ความรู้สึกหดหู่ของเซียวจื่อเมิ่งหายไปจนสิ้น “จริงหรือเจ้าคะ? ”
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่เมื่อครู่นี้พี่ใหญ่ของเจ้าหลับไปแล้ว จะใช้วิธีที่ข้าป้อนเจ้าดื่มน้ำมาป้อนเขาไม่ได้ เจ้าต้องใช้ช้อนป้อนเข้าปากเขาไปทีละนิดอย่างนี้ เช่นนี้ต่อให้ไหลออกมา ก็จะไหลออกมาเพียงเล็กน้อย เข้าใจหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมสาธิตให้ดูหนึ่งครั้ง
หากใช้ช้อนป้อนน้ำ ต่อให้ไหลออกมา ก็ออกมาเพียงเล็กน้อยจริงๆ
เซียวจื่อเมิ่งรีบพยักหน้าพร้อมบอกว่าเข้าใจแล้ว เซี่ยยวี่หลัวยิ้มทีหนึ่ง “เข้าใจก็ดีแล้ว จื่อเมิ่งของข้าช่างเป็นเด็กดีจริงๆ รู้จักเป็นห่วงคนอื่นแล้ว หากพี่ใหญ่ของเจ้ารู้เข้า ต้องดีใจมากแน่นอน! ”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กล่าวจนเซียวจื่อเมิ่งรู้สึกดีอกดีใจ ตามติดอยู่ข้างกายเซี่ยยวี่หลัวเอ่ยเรียกพี่สะใภ้ไม่หยุด จู่ๆ เซียวยวี่ก็เข้าใจว่าเหตุใดเด็กสองคนถึงชอบเซี่ยยวี่หลัวถึงเพียงนี้ น้ำเสียงของนางฟังดูนุ่มนวล เมื่อเกิดเรื่องก็ไม่ตำหนิ แต่อธิบายกับเด็กสองคนด้วยเหตุผล ทั้งยังดูแลเอาใจใส่เด็กสองคน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน เสื้อผ้าที่สวมใส่ ข้าวของเครื่องใช้ ที่อยู่อาศัย หรือด้านการเรียน นางล้วนดูแลเป็นอย่างดี
เซี่ยยวี่หลัวในเวลานี้ อ่อนโยนมีเมตตา
เซี่ยยวี่หลัวที่เย็นชาเห็นแก่ตัวในอดีตไม่เคยมีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
แต่เซียวยวี่รู้สึกประหลาดใจนัก หากเซี่ยยวี่หลัวในอดีตไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย แล้วนางในตอนนี้ เหตุใดถึงอ่อนโยนถึงเพียงนี้?
เขาดูออก ว่าเซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้ไม่ได้เสแสร้ง บางทีน้ำเสียงอาจสามารถแสร้งได้ แต่ความอ่อนโยนนั้นไม่สามารถเสแสร้งได้
มันจะแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติระหว่างเอื้อนเอ่ยวาจา และระหว่างทำอิริยาบถต่างๆ เก็บซ่อนไม่ได้และแสร้งทำไม่ได้ เซี่ยยวี่หลัวในยามนี้ อ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติเกินไป ราวกับว่าเดิมทีนางก็เป็นคนเช่นนี้อยู่แล้ว
หรือว่า ความยโสโอหังและความเย็นชาเห็นแก่ตัวในอดีตล้วนเป็นการแสร้งทำ?
ไม่ถูก ท่านตาของเซี่ยยวี่หลัวเคยยอมรับกับเขาด้วยตัวเอง ว่าเซี่ยยวี่หลัวถูกเขาเอาใจจนเสียคนตั้งแต่เด็ก เห็นแก่ตัวหยิ่งยโส ในสายตาของนางมีเพียงตัวนางเอง ไม่เคยเห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา
คนที่ใช้ชีวิตร่วมกับเซี่ยยวี่หลัวมานานปีทั้งยังเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ยังกล่าวเช่นนี้ นั่นก็เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนเห็นแก่ตัว และยโสโอหัง
แต่ตอนนี้ทำไมนางถึงเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเล่า?
เซียวยวี่ไม่เข้าใจ ทางเซี่ยยวี่หลัวหาเสื้อผ้าสะอาดมาแล้ว คิดจะเปลี่ยนให้เซียวยวี่
เซี่ยยวี่หลัวถือเสื้อตัวยาวไว้ พร้อมขมวดคิ้ว
เปลี่ยนอย่างไร?
เซียวยวี่สวมชุดยาวอยู่ ต้องถอดออกทั้งตัว เซียวยวี่สวมใส่เสื้อซับในไว้ก็จริง เพียงแต่เสื้อซับในก็เปียกแล้ว ต้องเปลี่ยนเช่นกัน!
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร นางสามารถป้อนน้ำแกงสร่างเมาและป้อนน้ำให้เซียวยวี่ดื่มได้ แต่ให้นางถอดเสื้อผ้าให้บุรุษที่ไม่สนิท ทั้งยังต้องถอดทั้งหมดจนเปลือยเปล่า เซี่ยยวี่หลัวยังไม่ได้เตรียมใจถึงขั้นนั้น
คิดไปคิดมา ได้แต่มอบหมายให้เซียวจื่อเซวียนทำเรื่องนี้ “จื่อเซวียน ข้ากำลังทำอาหารที่ห้องครัว เกรงว่าไฟอาจเผาจนกระทะเสียหาย ปกติเจ้าถอดเสื้อเอง เสื้อของพี่ใหญ่เจ้าก็ถอดด้วยวิธีเดียวกัน ถ้าอย่างไรเจ้าก็ถอดเสื้อให้พี่ใหญ่ของเจ้า นี่คือเสื้อสะอาด หากเจ้าใส่ไม่เป็น ก็นำผ้านวมมาห่มให้พี่ชายเจ้า รอให้เขาตื่นมาแล้วใส่เอง”
กล่าวจบ ก็วางเสื้อไว้ จูงมือจื่อเมิ่งวิ่งออกไปอย่างทุลักทุเล
เซียวยวี่ฟังถึงตรงนี้ แทบจะกระโดดลุกจากเตียง
วาจาของเซี่ยยวี่หลัวหมายความว่าอย่างไร?
รอเขาตื่นมาใส่เอง?
นี่นางคิดจะปล่อยให้เขานอนเปลือยกายล่อนจ้อนเช่นนั้นหรือ?
เซียวจื่อเซวียนกล่าวพึมพำ “ถอดง่ายอยู่หรอก แต่คาดว่าคงใส่ยาก ทำตามที่พี่สะใภ้ใหญ่บอกดีกว่า ถอดออกก่อน รอให้พี่ใหญ่ตื่นแล้วใส่เอง”
ระหว่างที่คิดอยู่ เซียวจื่อเซวียนก็ยื่นมือไป กำลังปลดกระดุมเม็ดแรกของเซียวยวี่แล้ว
เซียวยวี่จับหมับเข้าที่มือของเซียวจื่อเซวียน พร้อมลืมตาอย่างฉับพลัน
“พี่ใหญ่ ท่านตื่นแล้วหรือขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวเสียงดังด้วยความดีใจ
เซียวยวี่แสดงสีหน้าเย็นชา “เจ้าจะทำอะไร? ”
เซียวจื่อเซวียนชี้เสื้อของเขา “พี่ใหญ่ เสื้อของท่านเปียกแล้วขอรับ ข้าจะช่วยเปลี่ยนเสื้อสะอาดให้”
เซียวยวี่ส่ายหน้า “ไม่ต้อง ข้าทำเอง”
“พี่ใหญ่ ท่านยังปวดหัวหรือไม่ขอรับ? สร่างเมาหรือยัง? ” เซียวจื่อเซวียนไม่เห็นเลยว่าพี่ใหญ่ของเขาทำสีหน้าบึ้งตึง “ให้ข้าช่วยถอดเสื้อหรือไม่ขอรับ? ”
เซียวยวี่ “…”
ทำไม ให้เจ้าช่วยถอดจนเปลือยล่อนจ้อน แล้วปล่อยทิ้งอยู่ที่นี่อย่างไม่แยแสเช่นนั้นหรือ?
“ไม่ต้อง เจ้าออกไป! ” สีหน้าเซียวยวี่ดูบึ้งตึงนัก
เซียวจื่อเซวียนวิ่งออกไปอย่างว่าง่าย “พี่ใหญ่ ข้าจะไปบอกพี่สะใภ้ใหญ่ว่าท่านตื่นแล้ว”
เซียวยวี่ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมา ข้อศอกยันตรงหัวเข่า ฝ่ามือค้ำตรงหว่างคิ้ว นี้เป็นครั้งแรกที่เขาแอบนึกดีใจที่ตัวเองไม่ได้ดื่มมากเกินไป ไม่ได้เมาสุรา หากเมาจริง จนไม่มีสติรับรู้แม้แต่น้อย เขาต้องถูกถอดเสื้อผ้าจนเปลือยล่อนจ้อน จากนั้นก็ปล่อยนอนบนเตียงอย่างไม่แยแสเป็นแน่
พอคิดถึงภาพที่ตัวเองนอนบนเตียงด้วยร่างเปลือยเปล่า เซียวยวี่ก็รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว