ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 7 บทที่ 204 หน้าตาดีก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 7 บทที่ 204 หน้าตาดีก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง
ตอนกวั่นซื่อไปหาเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวกำลังนึ่งซาลาเปาอยู่ที่บ้าน
กลิ่นหอมจากห้องครัวโชยมาแตะจมูก นึ่งเสร็จหนึ่งเข่งพอดี เซี่ยยวี่หลัวนำซาลาเปาสองลูกใส่ไว้ในจานให้กวั่นซื่อชิม
กวั่นซื่อรับมา ไม่ได้กิน วางไว้ข้างๆ
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งนั่งกินซาลาเปาลูกใหญ่อยู่ข้างๆ กินจนน้ำมันเต็มปาก ซาลาเปาไส้หมูลูกใหญ่ที่เพิ่งออกจากเข่ง ทั้งร้อนทั้งหอม เด็กสองคนร้อนจนส่งเสียงร้องแต่ก็ยังใส่เข้าปากอย่างอดไม่ได้
“พวกเจ้ากินช้าหน่อย ระวังจะลวกลิ้น” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยเตือนพวกเขาด้วยท่าทางไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่พวกเขายังคงกินเหมือนเดิม เพราะซาลาเปาไส้หมูอร่อยเกินไป
แป้งบางไส้เยอะ อร่อยกว่าซาลาเปาไส้หมูที่ซื้อจากในตัวเมืองเสียอีก
“ท่านป้า ท่านก็กินสิเจ้าคะ! ” เซี่ยยวี่หลัวเห็นกวั่นซื่อไม่กิน จึงรีบยิ้มพร้อมกล่าว
กวั่นซื่อแสยะปาก เผยรอยยิ้มที่ดูฝืนยิ่งนัก เซี่ยยวี่หลัวค่อยๆ หุบยิ้มที่มุมปาก “ท่านป้า เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? ”
กวั่นซื่อมองเด็กสองคน เซี่ยยวี่หลัวเข้าใจทันที รีบไปห้องครัวหยิบซาลาเปาไส้หมูมาสี่ลูกให้พวกเขานำไปให้เซียวยวี่ แล้วจึงพากวั่นซื่อเข้าห้องของตัวเอง “ท่านป้า เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ? ”
ดูจากท่าทางของกวั่นซื่อ คาดว่าจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับนางแน่!
กวั่นซื่อจ้องมองเซี่ยยวี่หลัวอย่างตั้งใจตาไม่กะพริบ ราวกับจะจับพิรุธอะไรจากใบหน้าของนาง
“ท่านป้า ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไมเจ้าคะ? ”
“ยวี่หลัว เจ้าบอกป้ามาตามตรง เจ้าทำอะไรที่ผิดต่อเซียวยวี่ลับหลังเขาหรือไม่? ” กวั่นซื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงเอ่ยถาม
ไม่ว่าอย่างไร เห็นแก่ที่เมื่อก่อนเซี่ยยวี่หลัวเคยสอนนางทำอาหารที่ถนัดหลายอย่าง วันนี้อย่างไรนางก็ต้องบอกเซี่ยยวี่หลัว หลังจากเตือนนางแล้ว นางก็จะไม่ไปมาหาสู่กับสตรีผู้นี้อีก
เซี่ยยวี่หลัวผงะไป “ท่านป้า วาจาของท่าน เหตุใดข้าถึงฟังไม่เข้าใจเลย? ”
กวั่นซื่อทอดถอนใจ “ยวี่หลัว ในเมื่อเจ้าไม่ยอมบอกข้าตามตรง เช่นนั้นข้าก็จะไม่บีบบังคับเจ้า วันนี้ ข้ามาเพื่อเตือนเจ้า มีคนเห็นเจ้าพาชายชู้เข้าบ้านระหว่างที่เซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน! ”
เซี่ยยวี่หลัวแสดงสีหน้างุนงง “อะไรนะ? ”
ชายชู้?
นางเคยพาชายชู้เข้าบ้านตั้งแต่เมื่อไรกัน?
ทำไมนางถึงไม่รู้
“เจ้าไม่ได้ทำจริง หรือกำลังแสร้งทำเป็นเลอะเลือนต่อหน้าข้า? มีคนเอาเรื่องของเจ้าไปฟ้องที่บ้านข้าแล้ว! ” กวั่นซื่อกล่าวอย่างไม่พอใจ “ยวี่หลัว ต่อให้เจ้ามีปากเสียงกับสามีของเจ้า ทะเลาะจนฟ้าถล่มทลาย ก็ยังเป็นสามีภรรยากันได้ แต่หากเจ้าทำเรื่องที่ผิดต่อเซียวยวี่ ต่อให้ท่านเทพเทียนหวงมาอยู่ที่นี่ เซียวยวี่ก็ไม่มีทางทนเจ้าต่อ! ”
เซี่ยยวี่หลัวแบมือสองข้าง “ท่านป้า ข้ากล้าสาบานต่อสวรรค์ ข้าไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อเซียวยวี่! ”
เพียงแต่ ก่อนนางจะทะลุมิติมา เจ้าของร่างเดิมเคยทำหรือไม่?
“หรือจะเป็นคนรู้ใจของเจ้าก่อนออกเรือน? ” ท่านป้ากวั่นเอ่ยถามซึ่งหน้า
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ข้าไม่ได้ทำจริงๆ เจ้าค่ะ”
ท่านป้ากวั่นมองเซี่ยยวี่หลัวครู่หนึ่ง รู้ว่านางคงไม่พูดแน่ ได้แต่ทอดถอนใจ “ยวี่หลัว ระยะนี้ข้าพบว่าเจ้าเป็นหญิงสาวที่ดี หญิงสาวที่ดีควรเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง เข้าใจหรือไม่? ข้าหวังว่าที่เจ้าบอกข้าเมื่อครู่จะเป็นความจริง แต่ป้าต้องบอกเจ้า ว่าพรุ่งนี้เถ้าแก่ซ่งจากเซียนจวีโหลวจะมา บอกว่าเจ้าล่อลวงเขา จึงจะมาหาเจ้าเพื่อพูดคุยให้ชัดเจน สามีของข้าเดิมทีก็ไม่เชื่อ พอได้ยินว่าเถ้าแก่ซ่งจะมา เขาจะไม่เชื่อก็ไม่ได้แล้ว! ”
เซี่ยยวี่หลัวตกใจเล็กน้อย “เขาบอกว่าข้าล่อลวงเขา? ”
สวรรค์ทรงโปรด นี่นางยิ้มจนสื่อความหมายผิด กะพริบตาผิด หรือพูดอะไรผิดไป นางล่อลวงเถ้าแก่ซ่งตั้งแต่เมื่อไรกัน?
ท่านป้ากวั่นได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม “เจ้ายอมรับว่าเจ้ารู้จักเถ้าแก่ซ่งงั้นหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัว “ข้ารู้จักเขาเจ้าค่ะ เพียงแต่…”
“รู้จักก็ถูกแล้ว” ท่านป้ากวั่นถอนหายใจทีหนึ่ง “ยวี่หลัว ป้าก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ได้แต่มาบอกข่าวให้เจ้า ส่วนต่อไปเจ้าจะทำอย่างไร ก็ต้องคิดหาวิธีเอง แต่ป้าก็ต้องกำชับกับเจ้า ชื่อเสียงของสตรีนั้น สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของสตรีเสียอีก หากเป็นเพียงข้อกล่าวหา ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป แต่หากมีคนยืนยันว่าเป็นความจริง ต่อไปเดินไปถึงไหนก็จะมีแต่คนนินทาลับหลัง ชั่วชีวิตนี้เจ้าจะโงหัวไม่ขึ้นอีก เข้าใจหรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านป้า”
กวั่นซื่อหวังดีต่อนาง
“ข้าอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ข้าต้องกลับไปก่อน สามีของข้ายังไม่รู้ว่าข้ามาที่นี่ เจ้าลองคิดดูว่าพอจะหาวิธีได้หรือไม่ เพื่อให้ผ่านเรื่องนี้ไป! ” กวั่นซื่อกล่าวอย่างรีบร้อนก่อนจะไป
เซี่ยยวี่หลัวเรียกนางไว้ “ท่านป้า เอาซาลาเปาไปให้เด็กๆ กินด้วยสิเจ้าคะ? ”
กวั่นซื่อส่ายหน้า “ข้าไม่กินซาลาเปาแล้ว หากเจ้าบริสุทธิ์จริง หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป ป้าจะเชิญเจ้าไปที่บ้านเพื่อสอนข้าทำซาลาเปา พร้อมเลี้ยงอาหารเจ้า”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มทีหนึ่ง ลูบปอยผมตรงหน้าผาก “ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านป้า ข้าจะรอท่านเจ้าค่ะ! ”
นางไม่มีความกังวลใจแม้แต่น้อย ปลอดโปร่งโล่งใจ ไม่ได้เก็บคำพูดเมื่อครู่นี้ของกวั่นซื่อมาใส่ใจสักนิด
กวั่นซื่อเห็นรอยยิ้มของนาง ก็ผงะไปเล็กน้อย จู่ๆ ภายในใจก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
หากสตรีเช่นนี้คิดจะคบชู้สู่ชาย ต้องเป็นบุรุษที่โดดเด่นเพียงใด ถึงจะคู่ควรกับนาง!
กวั่นซื่อเพิ่งเดินออกจากห้อง ก็เงยหน้าหันมองไปทางซ้าย
เห็นร่างหล่อเหลายืนอยู่ริมหน้าต่างทางซ้ายพอดี
“เซียวยวี่เองหรือ! ” กวั่นซื่อยิ้มแก้เก้อ “ป้าไปก่อน”
เซียวยวี่พยักหน้า เพียงบอกว่าค่อยๆ เดิน
เซี่ยยวี่หลัวเดินตามออกมา หันมองเซียวยวี่แวบหนึ่ง จากนั้นจึงตามไปส่งกวั่นซื่อออกจากประตูบ้าน หลังจากปิดประตูบ้าน กลับไปที่ห้อง เซียวยวี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ใส่ใจคำพูดของกวั่นซื่อแม้แต่น้อย ตวัดริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางให้เซียวยวี่ ก่อนจะก้าวเท้าเดินไป
รอยยิ้มของนางเบาบางมาก แต่ดวงหน้าฉายประกายยินดี
เซี่ยยวี่หลัวเดินเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว ก่อนปิดประตูเบาๆ
เซียวยวี่กล่าวคำพูดที่ติดอยู่ในลำคอออกมา แผ่วเบาดุจเสียงยุง แต่หากฟังอย่างตั้งใจ ยังสามารถได้ยินวาจาที่เซียวยวี่เอื้อนเอ่ย
“ซาลาเปาอร่อยมาก! ”
เซี่ยยวี่หลัวหยิบซาลาเปาสี่ลูกให้เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งยกไปให้ เซียวยวี่เห็นซาลาเปาไส้หมู ก็ถึงกับขมวดคิ้ว
ซาลาเปาไส้หมูที่ใหญ่เท่ากำปั้น หยิบมาให้ถึงสี่ลูกในคราเดียว เซี่ยยวี่หลัวนี่เห็นตนเองเป็นสุกรหรืออย่างไร? เขาจะกินหมดได้อย่างไร
จวบจนเขากัดซาลาเปาไส้หมูหนึ่งคำ ซาลาเปาไส้หมูที่แป้งบางไส้เยอะ กัดเพียงคำเดียวก็กัดโดนไส้
ซาลาเปาไส้หมูนี้ แตกต่างจากที่เขาเคยกินมา
แป้งซาลาเปาที่เบาบาง ด้านในเป็นหมูสามชั้นที่มีส่วนเนื้อแดงและไขมันสลับกัน มันแต่ไม่เลี่ยน พอกัดลงไป น้ำจากเนื้อหมูไหลเยิ้มออกมา ร้อนจนเซียวยวี่ขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็เสียดายไม่อยากคายออกมา
หอมอร่อยเหลือเกิน ช่างหอมอร่อยยิ่งนัก
เซียวยวี่มั่นใจว่า เขามีชีวิตอยู่มาถึงอายุสิบเจ็ดปี ยังไม่เคยกินซาลาเปาไส้หมูที่อร่อยถึงเพียงนี้มาก่อน
ซาลาเปาไส้หมูที่มีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น กัดสี่ห้าคำก็หมดไปหนึ่งลูก เซียวยวี่เอื้อมมือไปหยิบอีกสองลูก กินลูกที่สองหมดแล้ว จึงกินลูกที่สาม…
เมื่อเซียวยวี่กินซาลาเปาคำสุดท้ายลงท้องไป หันมองในจานก็ว่างเปล่าแล้ว
เวลาเพียงครู่เดียว เขากินซาลาเปาไส้หมูทั้งสี่ลูกลงท้องไปหมด
ตอนแรกเขายังนึกว่าเซี่ยยวี่หลัวเห็นเขาเป็นสุกร แต่บัดนี้…
เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวเขาก็กินซาลาเปาไส้หมูสี่ลูกลงท้องไป ทั้งยังรู้สึกไม่หนำใจ หากนำมาอีกสี่ลูก เขาก็ยังกินได้!
เซียวยวี่ยังสัมผัสได้ถึงรสชาติที่คงค้าง และรู้สึกผิดที่คิดปรักปรำเซี่ยยวี่หลัวเมื่อครู่
เซียวยวี่มายังริมหน้าต่างด้วยสติเลื่อนลอย กำลังคิดอยู่ว่าควรกล่าวขอบคุณเซี่ยยวี่หลัวอย่างไร
ตอนที่ประตูห้องของเซี่ยยวี่หลัวเกิดเสียงแกร๊กดังขึ้น เซียวยวี่ผงะไป ร่างกายแข็งทื่อราวกับลูกศรที่ถูกยิงออกไปอย่างไรอย่างนั้น วาจาที่ท่องอยู่ในใจหลายสิบรอบกำลังจะหลุดจากปากแล้ว ใครจะรู้ ผู้ที่ออกมาจะเป็นท่านป้ากวั่น
เซียวยวี่รีบกลืนวาจาเหล่านั้นกลับไป จนเซี่ยยวี่หลัวออกมา แล้วกลับมาที่ห้องอีกครั้ง
เหมือนนางจะพบว่าเขากำลังมองนาง หันมองเขาอย่างเรียบสงบแวบหนึ่ง ก่อนเผยรอยยิ้ม
ดวงหน้าเต็มไปด้วยประกายยิ้มแย้ม พอเห็นแล้ว รู้สึกราวกับได้อาบกายในสายลมฤดูใบไม้ผลิ จิตใจพลันสว่างและปลอดโปร่งในชั่วพริบตา
สุดท้ายเซียวยวี่ก็ไม่ได้กล่าววาจาเหล่านั้นออกไป น้ำเสียงแผ่วเบาดุจเสียงยุงของเขา มีแต่เขาเท่านั้นที่ได้ยิน
เขากลับห้องหนังสือด้วยความรู้สึกหดหู่ เมื่อเห็นจานที่วางซาลาเปาเมื่อครู่ ก็รู้สึกหงุดหงิดใจนัก
เซี่ยยวี่หลัวกลับห้องไป นั่งตรงขอบเตียงครู่หนึ่ง ครุ่นคิดสิ่งที่กวั่นซื่อกล่าวเมื่อครู่
ซ่งฉางชิงบอกว่านางล่อลวงเขา? ทั้งยังคิดจะมาตัดความสัมพันธ์กับนางให้ชัดเจน?
นางและเขาไม่เคยล้ำเส้นมาก่อน ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกให้ชัดเจน และไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร
แต่หากเขามาจริง นางก็ไม่มีอะไรต้องกลัว นางและซ่งฉางชิงบริสุทธิ์ นางไม่เคยทำอะไรที่ผิดต่อเซียวยวี่
สตรีในยุคสมัยนี้ แม้หน้าตางดงามก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีจริงๆ !
เซี่ยยวี่หลัวมองรูปโฉมของตัวเองที่แม้แต่ดวงจันทราและบุปผายังต้องอายในกระจก เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกปลงอนิจจัง หน้าตาดีเกินไปก็ถือเป็นความผิดอย่างหนึ่ง
อย่างไรหน้าตาก็เป็นเช่นนี้แล้ว จะแก้ก็แก้ไม่ได้ เซี่ยยวี่หลัวครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆ นานา สุดท้ายจึงเอนหลังนอนลงบนเตียง มองหลังคาสีดำสนิทที่อยู่เหนือศีรษะ กรอกตาไปมา หันมองตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ
นางมายังโลกใบนี้ แค่ชั่วพริบตาเดียวก็สามเดือนกว่าแล้ว
สามเดือนกว่านี้ นางมั่นใจว่าตัวเองเป็นพี่สะใภ้ที่ดีที่สุดแล้ว ดูแลเอาใจใส่เด็กสองคน ไม่เคยนึกเสียใจ หากบอกว่าสาเหตุกึ่งหนึ่งมาจากจุดจบอันน่ากลัวที่บรรยายไว้ในหนังสือ แต่สาเหตุอีกกึ่งหนึ่งก็เป็นเพราะนางชอบเด็กสองคนนี้
ชื่นชอบจากใจจริง
นางอยากเลี้ยงดูเด็กสองคนนี้ให้เติบใหญ่ ให้พวกเขาหลีกเลี่ยงจากชะตากรรมที่ต้องตายอย่างอนาถ
เซี่ยยวี่หลัวมองตู้เสื้อผ้าด้วยอาการเหม่อลอย จู่ๆ ก็ลุกขึ้นนั่ง เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบของสิ่งหนึ่งออกจากกล่องที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า
นั่นคือหนังสือแยกทางที่เซียวยวี่เขียนไว้ให้นาง
เดิมทีนางคิดมาตลอดว่าต้องรอให้นางเอกปรากฏตัว นางถึงจะนำของสิ่งนี้ออกมา เท่าที่ดูคงรอถึงตอนนั้นไม่ได้แล้ว จากอุปนิสัยของเซียวยวี่ที่ไม่อาจรับจุดด่างพร้อยได้แม้แต่น้อย พรุ่งนี้นางย่อมไม่อาจอยู่ต่อ
จะได้อาศัยจังหวะนี้ไปจากเซียวยวี่พอดี เช่นนี้ก็ไม่ต้องหวั่นใจตลอด ทุกครั้งที่คิดถึงจุดจบอันน่าเวทนาของตนเองที่เขียนไว้ในหนังสือ เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกมีเหงื่อเย็นซึมชื้น
ตายอย่างน่าเวทนาเกินไปแล้ว!
เซี่ยยวี่หลัวพับหนังสือแยกทางก่อนวางกลับที่เดิม ใส่กุญแจตู้เสื้อผ้าไว้
สุดท้ายจึงมองดูบ้านหลังนี้อีกครั้ง บางทีพรุ่งนี้ บ้านหลังนี้ นางคงกลับมาไม่ได้อีกแล้ว