ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 6 บทที่ 153 บนรถม้ายังมีอีกคนหนึ่ง
ผ่านไปเพียงสองวัน ชั้นวางตำราและโต๊ะหนังสือก็ถูกส่งมา
ช่างไม้ในหมู่บ้านข้างๆ ทำชั้นวางตำราตามแบบภาพที่เซี่ยยวี่หลัวให้ไว้ ตรงตามเงื่อนไขที่เซี่ยยวี่หลัวต้องการทั้งหมด ตั้งชั้นวางตำราไว้ชิดกำแพง ส่วนโต๊ะหนังสือก็วางไว้หน้าชั้นวางตำรา
เช่นนี้อยากอ่านตำราอะไร ลุกขึ้นยืน หันตัวไปก็หยิบได้แล้ว
สะดวกมาก
เตียงที่เซียวยวี่เคยนอน เซี่ยยวี่หลัวยกเข้าไป ตู้เสื้อผ้าที่ทำขึ้นใหม่ก็วางไว้ด้านใน ถึงแม้จะปลูกเรือนไว้สองห้อง แต่ภายในห้องนอนด้านนอกยังมีห้องขนาดเล็กอีกหนึ่งห้อง ใช้เป็นที่อาบน้ำ
หากเซียวยวี่กลับมา ไม่มีที่อาบน้ำก็คงไม่ดี
บุรุษในยุคสมัยนี้ เมื่อถึงฤดูร้อนก็จะไปทำความสะอาดร่างกายในแม่น้ำ หรือไม่ก็ยกถังน้ำมาหนึ่งถัง ยืนอาบอยู่กลางลานบ้าน แต่เช่นนั้นจะน่าอายเพียงใดกัน!
พอเซี่ยยวี่หลัวคิดว่าชายชาตรีหนึ่งคนยืนเปลือยร่างกายท่อนบนอยู่กลางลานบ้านเพื่ออาบน้ำ นางก็รู้สึกอึดอัดใจนัก ดังนั้นตอนใกล้จะสร้างเสร็จ จึงแบ่งห้องเล็กออกมาหนึ่งห้อง
เซี่ยยวี่หลัวนำตำรากลับไปวางในห้องเซียวยวี่โดยไม่ได้พลิกเปิดแม้แต่หน้าเดียว วางเรียงไว้บนชั้นวางตำรา โดยแยกประเภทไว้ แท่นวางพู่กันและอุปกรณ์เครื่องเขียนก็วางไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ บนโต๊ะมีแจกันกระเบื้องเคลือบโบราณหนึ่งใบ ในแจกันมีดอกกุหลาบเลื้อยสีแดงสดที่ผลิบานแล้ว ซึ่งเด็ดมาจากสวนหลังบ้านเสียบอยู่
ดอกกุหลาบเลื้อยสีแดงคู่กับใบไม้สีเขียวมรกต ยังมีแจกันกระเบื้องเคลือบโบราณอีก หน้าต่างด้านนอกติดผ้าม่านโปร่งผืนบางเอาไว้ หากเปิดหน้าต่างไว้ เมื่อลมโบกพัดเข้ามา ผ้าม่านโปร่งผืนบางก็จะพลิ้วไหวไปตามสายลม ดูสุนทรีย์ยิ่งนัก
ผ้าที่ซื้อมา นางวัดตามขนาดของเครื่องนอน ทำปลอกผ้านวม ผ้าปูเตียง และปลอกหมอนที่เข้าชุดกัน ล้างสะอาดและตากจนแห้ง ใส่ปลอกผ้านวม ปูอยู่บนเตียงเซียวยวี่อย่างเป็นระเบียบ
ห้องของเซียวจื่อเซวียนก็ย้ายจากห้องก่อนหน้านี้มายังห้องเดิมของเซียวยวี่ เตียงยังเป็นเตียงเดิม เพิ่มตู้หนึ่งตู้ เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ถูกพับเก็บไว้ในนั้นอย่างเป็นระเบียบ
ถึงแม้ภายในจะยังคงเรียบง่ายดังเดิม แต่เก็บกวาดเรียบร้อย สะอาดหมดจด เพียงมองแวบเดียว ก็รู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก
ห้องนอนเดิมของเซียวจื่อเซวียน เซี่ยยวี่หลัวย้ายโต๊ะและเก้าอี้ในห้องตัวเองมาทั้งหมด ต่อไปจะกินอาหารในห้องนี้
ห้องของเซี่ยยวี่หลัวและเซียวจื่อเมิ่งไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากเท่าไร เพียงแค่มีผ้าม่านเพิ่มขึ้น
เมื่อเห็นบ้านที่เปลี่ยนไปมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน เสื้อผ้าที่สวมใส่ หรือที่อยู่อาศัย ล้วนดีขึ้นเรื่อยๆ ภายในใจเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกดียิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าตัวเองจะตายเร็วมาก ได้มีบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายกลอนกวีประหนึ่งภาพวาดเช่นนี้ ต่อให้ต้องใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเพียงลำพังในสถานที่ที่ราวกับสวรรค์บนดินเช่นนี้ ก็ถือว่าดีมากไม่ใช่หรือ?
สภาพอากาศในเดือนห้ายังคาดการณ์ได้ค่อนข้างง่าย ช่วงบ่ายมีลมโกรก ท้องฟ้ามืดครึ้ม
ซ่งฝูพบว่าในช่วงบ่ายคุณชายมองออกไปด้านนอกตลอด ทั้งยังเดินไปริมหน้าต่าง แหงนหน้ามองท้องฟ้าเป็นระยะ
“คุณชาย ท่านเกรงว่าอากาศจะเปลี่ยนหรือขอรับ? ดูไปแล้ว ท้องฟ้ามืดครึ้มมาครึ่งค่อนวัน น่าจะไม่มีฝนตกนะขอรับ” ซ่งฝูกล่าว
ซ่งฉางชิงพึมพำเสียงเบา “ไม่มีฝนตกงั้นหรือ? ”
ซ่งฝูพยักหน้า “น่าจะไม่ตกขอรับ”
ต่อให้มีฝนตก ก็น่าจะมีแค่ฝนตกปรอยๆ เท่านั้น
เมื่อถึงเวลากลางคืน ภายนอกยังมีลมโกรกเหมือนเดิม ซ่งฉางชิงผ่านความวุ่นวายมาหนึ่งวัน เวลานี้สงบลงแล้ว นอนอยู่บนเตียงแต่กลับไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
ทั้งที่ยุ่งมาทั้งวัน
ด้านนอกมีเสียงลมดังขึ้น โบกพัดมากระทบขอบหน้าต่างจนเกิดเสียงเล็กละเอียด
“ซ่าซ่า…”
ไม่ได้มีแค่เสียงลม!
ซ่งฉางชิงลุกพรวดขึ้นจากเตียงจนเกิดเสียงดังตึง เปิดม่านเตียงออก ไม่ได้สวมใส่รองเท้าด้วยซ้ำ ก็พุ่งพรวดไปที่ริมหน้าต่าง
เปิดหน้าต่างออก สายลมเย็นที่มีสายฝนปรอยๆ ปะปนอยู่โบกพัดมากระทบใบหน้า
ซ่งฉางชิงรู้สึกยินดียิ่งนัก
ฝนตกแล้ว ฝนตกแล้ว
ยามค่ำคืนมีฝนตกปรอยๆ อยู่พักหนึ่ง ตื่นมาตอนเช้าฟ้ายังมืดครึ้มอยู่ ลมพัดผ่านต้นไม้ เกิดเสียงดัง ‘วู้ววู้ว’ เมฆครึ้มค่อยๆ ลอยมาปกคลุม ดูเหมือนฝนกำลังจะตกอีกแล้ว
แต่ฝนน่าจะตกไม่หนักมากนัก
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวล้างหน้าบ้วนปากแล้ว จึงไปห้องครัว เริ่มทำอาหารเช้า
โจ๊กข้าว ต้มด้วยน้ำแกงที่ได้จากการเคี่ยวกระดูกที่นางซื้อมา ล้างไข่ไก่จนสะอาด ใส่เข้าไปในโจ๊ก หลังจากต้มด้วยไฟแรงจนเดือด จึงใช้ไฟอ่อนเคี่ยวต่อ นางไปสวนหลังบ้านเด็ดยอดถั่วลันเตามาหนึ่งกำ
เวลานี้เด็กสองคนก็มาแล้ว เซี่ยยวี่หลัวไปหวีผมให้เซียวจื่อเมิ่ง เซียวจื่อเซวียนรับผิดชอบล้างผัก
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวกลับถึงห้องครัว ยอดถั่วลันเตาก็ล้างจนสะอาดแล้ว วางอยู่ในกระชอนไม้ไผ่เพื่อกรองน้ำออก
โจ๊กในหม้อใหญ่ด้านในถูกเคี่ยวจนข้นแล้ว มีฟองอากาศผุดขึ้นมาเรื่อยๆ
ในอากาศมีกลิ่นหอมของเนื้อและข้าวลอยล่อง แค่ได้กลิ่นก็แทบน้ำลายไหล
ยอดถั่วลันเตาที่ผัดเสร็จแล้วเป็นสีเขียวมรกต ยังมีหน่อไม้ดองอีกหนึ่งจานที่แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายไหลแล้ว
ทั้งสามคนเพิ่งนั่งลงเพื่อกินอาหาร ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตู “ก๊อกก๊อกก๊อก” ดังขึ้น
เช้าขนาดนี้ ใครกัน
เซียวจื่อเซวียนวิ่งไปเปิดประตู ถามว่าเป็นใคร ยังไม่ได้เปิด แต่วิ่งกลับไปบอกเซี่ยยวี่หลัว “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านซ่งน้อยจากเซียนจวีโหลวมาขอรับ”
เขามาทำไม?
เซี่ยยวี่หลัววางชามที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ ตามเซียวจื่อเซวียนมาหน้าประตู หลังจากเปิดประตู คนที่ยืนอยู่หน้าประตู ไม่ใช่ซ่งฝูยังจะเป็นใครอีก
เขามาหาถึงบ้านตนเองได้อย่างไร?
“ท่านซ่งน้อย? ”
“ฮูหยินเซียว เมื่อคืนฝนตก วันนี้มีผักตี้เอ่อให้เก็บหรือไม่? ” เมื่อครู่ซ่งฝูไปบ้านท่านปู่เซียวมา แต่ท่านปู่เซียวไม่อยู่ที่บ้าน เขาลองถามคนอื่น จึงรู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวอาศัยอยู่ที่นี่
เซี่ยยวี่หลัว “เมื่อคืนมีเพียงฝนปรอยๆ ไม่มีให้เก็บหรอก ต้องมีฝนตกสองถึงสามวันถึงจะเก็บได้”
ไหนว่าหาคนจัดหาวัตถุดิบได้แล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงมาหาถึงบ้านเสียนี่!
ซ่งฝูแสดงสีหน้าผิดหวัง เพียงขานตอบทีหนึ่ง
เซี่ยยวี่หลัวได้รับเงินจากเซียนจวีโหลว อีกฝ่ายยังมาเสียเที่ยวเพราะเรื่องนี้ นางรู้สึกเห็นใจนัก “ถ้ามีเมื่อไร ข้ารับซื้อได้ ต้องส่งไปให้ท่านแน่นอน! เพียงแต่ หากอากาศร้อนขึ้น ผักตี้เอ่อก็จะหาได้ยาก”
ซ่งฝูเพียงบอกว่าไม่เป็นอะไร “ฮูหยินเซียว ครั้งก่อนท่านไปเซียนจวีโหลวหาคุณชายข้า ในภายหลังเหตุใดไม่เห็นท่านไปอีก? ไม่ทราบว่าท่านหาคุณชายของข้ามีธุระอันใดงั้นหรือ! ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ระยะนี้งานยุ่ง หากคุณชายของท่านอยู่ ครั้งหน้าข้าค่อยไป”
“เช่นนั้นมิสู้ไปวันนี้เลย ข้ามีรถม้าพอดี ฮูหยินเซียวก็ไปพร้อมข้าเป็นอย่างไร? ” ซ่งฝูชี้ไปทางรถม้าด้านนอก
เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของเขา นางเองก็คิดจะไปเซียนจวีโหลวอีกรอบจริงๆ เพียงแต่ระยะนี้ยุ่งกับการตัดเสื้อให้เด็กสองคน จึงยังไม่ได้ไป ตอนนี้อีกฝ่ายมาหาถึงบ้าน นางก็ควรจะไป
“เช่นนั้นท่านซ่งน้อยกินอาหารหรือยัง? ”
“ยังไม่ได้กิน! ” ซ่งฝูกล่าว โดนคุณชายปลุกแต่เช้า จะมีเวลากินอาหารได้อย่างไร ไม่ใช่แค่เขาที่ยังไม่ได้กิน คนที่อยู่บนรถม้าก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน!
“ถ้ายังไม่ได้กิน เช่นนั้นก็มากินก่อนแล้วค่อยไป”
ซ่งฝูหันกลับไปมองรถม้า เห็นว่าคนบนรถม้าไม่ได้กล่าวอะไร เช่นนั้นก็คือตอบตกลงจะอยู่กินอาหารก่อน
ซ่งฝูประสานมือทำท่าคำนับ “เช่นนั้นก็ขอรบกวนด้วย”
เซี่ยยวี่หลัวเชิญซ่งฝูเข้ามา ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้ามา กลับหันตัวไป กล่าวผ่านผ้าม่านบนรถ “คุณชาย ท่านก็ยังไม่ได้ทานอาหารเช้า จะลงมาทานสักหน่อยหรือไม่ขอรับ? ”
อะไรนะ?
บนรถม้ายังมีอีกคนงั้นหรือ?