ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 410 นอนหลับเหมือนสุกรก็มิปาน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 14 บทที่ 410 นอนหลับเหมือนสุกรก็มิปาน
เมื่อถึงในตัวเมือง เซียวยวี่ก็ให้เก๋อวั่งไปก่อน เขาพาเด็กสองคนไปที่ตลาด ซื้อเนื้อหมูและผักจำนวนหนึ่ง แล้วจึงเดินกลับบ้าน
เด็กสองคนเพิ่งเคยมาบ้านในตัวเมืองเป็นหนแรก
พวกเขารู้เพียงว่าพี่สะใภ้ใหญ่ซื้อโรงผลิตแห่งหนึ่ง แต่มีลักษณะเป็นเช่นไรและอยู่ที่ไหน พวกเขาเองก็ไม่รู้
พี่ใหญ่นำทางอยู่ด้านหน้าตลอดทาง เด็กสองคนเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความตื่นเต้นดีใจ วิ่งอ้อมด้านหน้าทีหนึ่งด้านหลังทีหนึ่งอย่างมีความสุข ตื่นเต้นถึงขีดสุด
เซียวยวี่เห็นท่าทางดีอกดีใจของเด็กสองคนก็หัวเราะตาม
ทว่าหลังจากหัวเราะเสร็จ เขาก็ยิ้มไม่ออกอีกเลย
เฮ้อ มีเด็กสองคนอยู่ ในสายตาอาหลัวก็จะไม่มีเขาอีก
เซี่ยยวี่หลัวที่กำลังทำงานอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นจากด้านนอก
“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่…”
“พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเรามาเยี่ยมท่านแล้ว! “
เป็นจื่อเซวียนกับจื่อเมิ่ง!
เซี่ยยวี่หลัวไม่มีแก่ใจจะเก็บของด้วยซ้ำ นางพุ่งพรวดออกไป วิ่งพลางตะโกนตอบ “มาแล้วมาแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่มาแล้ว”
เซียวยวี่ “…” ทุกครั้งที่เขามา ยังไม่เคยเห็นนางตื่นเต้นเช่นนี้เลย!
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งเปิดประตู เด็กสองคนก็เบียดกันเข้ามา โผเข้าอ้อมอกเซี่ยยวี่หลัวทันที “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน! “
ไม่ได้พบกันสี่ถึงห้าวันแล้ว เซี่ยยวี่หลัวก็คิดถึงเด็กสองคนนี้มากเช่นกัน
“พี่สะใภ้ใหญ่ก็คิดถึงพวกเจ้าเช่นกัน” เซี่ยยวี่หลัวกอดเด็กสองคนไว้ กล่าวอย่างสะเทือนอารมณ์ “รอให้พี่สะใภ้ใหญ่ทำงานที่นี่เสร็จ พี่สะใภ้ใหญ่ก็จะกลับบ้าน ไม่แยกจากพวกเจ้าอีก! “
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งล้วนเป็นเด็กรู้ความ รู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ทำงานอยู่ในตัวเมืองเพียงลำพังเพื่อหาเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล่าวอะไร เพียงรอให้มีเวลาว่างแล้วค่อยมาเยี่ยมพี่สะใภ้ใหญ่ ในที่สุดก็มีโอกาสแล้ว
เซียวจื่อเมิ่งกอดคอเซี่ยยวี่หลัวไว้ ยิ้มหวานพร้อมกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ คืนนี้ข้าจะนอนกับท่าน คืนพรุ่งนี้ก็จะนอนกับท่านเจ้าค่ะ! “
เซียวยวี่ยืนอยู่ด้านหลัง ในมือยังหิ้วผักที่ซื้อมาไว้ รู้สึกปวดใจราวกับกำลังหลั่งโลหิต “…”
ไม่เหลือให้เขาสักคืนเลยหรือ!
เซี่ยยวี่หลัวหันมองแวบเดียวก็เห็นใบหน้าของเซียวยวี่ที่แสดงสีหน้าอัดอั้นตันใจและจนใจ จู่ๆ นางก็รู้สึกอยากหัวเราะ “ได้”
เซียวยวี่พูดไม่ออก “…” จบกัน!
“ทว่า พี่สะใภ้ใหญ่ก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่ด้วย คืนนี้ข้าอยู่กับจื่อเมิ่ง คืนพรุ่งนี้ข้าอยู่กับพี่ใหญ่ ดีหรือไม่? “
เซียวยวี่ดีใจอย่างออกนอกหน้า
มีเพียงภรรยาที่รักเขาที่สุด
เซียวจื่อเมิ่งทำหน้ามุ่ย เบ้ปากพร้อมกล่าว “พี่ใหญ่มาทุกวัน พี่สะใภ้ใหญ่ยังอยู่กับพี่ใหญ่ไม่พออีกหรือเจ้าคะ? “
นางมานอนแค่สองคืน พี่สะใภ้ใหญ่ยังจะแบ่งเวลาให้พี่ใหญ่หนึ่งวันอีก นางรู้สึกเสียใจนัก
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “…”
เซียวยวี่กลับดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร เดินขึ้นหน้าไปอุ้มนางออกจากอ้อมอกของเซี่ยยวี่หลัว “ให้เวลาหนึ่งคืนก็เพียงพอแล้ว หากเรื่องมากอีก แม้แต่ช่วงเวลาหนึ่งคืนก็จะไม่ให้”
นั่นเป็นภรรยาของเขา ภรรยาของเขาก็ต้องอยู่กับเขาทุกวันทุกคืนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? คิดจะแย่งกับเขาได้อย่างไร ตอนนี้อาหลัวอยู่ข้างเขา นางไม่มีทางชนะ
เซียวจื่อเมิ่งได้แต่ทำหน้ามุ่ย “เจ้าค่ะ! หนึ่งคืนก็หนึ่งคืน” ได้หนึ่งคืนก็หนึ่งคืนแล้วกัน
ในภายหลัง เซียวจื่อเมิ่งพบว่าตัวเองแทรกเข้าไปแค่ครึ่งคืนยังไม่ได้ด้วยซ้ำ เห็นเพียงพี่ใหญ่ยึดครองพี่สะใภ้ใหญ่ไว้ ไม่ให้เวลาแม้แต่ครึ่งคืน เล่านิทานจบ พี่ใหญ่ก็ไล่พวกเขาไป เช่นนั้นถึงจะเรียกว่าทั้งรู้สึกเสียใจและอัดอั้นใจอย่างแท้จริง!
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่ดุเด็กๆ ก็ปิดปากหัวเราะตาม
จะว่าไปคนผู้นี้อาจเคยแช่ตัวในไหน้ำส้มสายชู [1] ก็เป็นได้ บนกายถึงเต็มไปด้วยกลิ่นเปรี้ยวเช่นนี้
หึงกระทั่งน้องชายและน้องสาวของตัวเอง ขี้หึงหวงเสียจริง
เพราะในโรงผลิตมีห้องเพียงสามห้อง อีกสองห้องเซี่ยยวี่หลัวใช้ทำงาน จึงเหลือเพียงห้องเดียว ปกตินางและเซียวยวี่นอนบนเตียงก็พอ แต่ตอนนี้มีเด็กเพิ่มขึ้นอีกสองคน และบนเตียงก็ไม่กว้างพอให้นอนได้ทั้งหมด จึงได้แต่ปูที่นอนบนพื้น
สตรีสองคนย่อมต้องนอนบนเตียง ส่วนเซียวยวี่และเซียวจื่อเซวียนนอนบนพื้น
อาบน้ำให้เด็กสองคนก่อน หลังจากเซี่ยยวี่หลัวอาบน้ำเสร็จจึงกลับห้องไปเล่านิทานให้พวกเขา เซียวยวี่อาบเป็นคนสุดท้าย พร้อมทั้งซักเสื้อผ้าของทุกคน
หลังจากทำงานทั้งหมดเสร็จ เซียวยวี่กลับไปที่ห้อง เห็นพวกเขายังเล่านิทานกันอยู่ ลองตั้งใจฟัง น้ำเสียงของอาหลัวแหบเล็กน้อย
เล่านิทานไปกี่เรื่องกัน!
เซียวยวี่รู้สึกเห็นใจยิ่งนัก รีบรินน้ำอุ่นมา กล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจ “ไม่ต้องเล่าแล้ว ฟังเสียงของเจ้าสิ แหบแล้ว! “
เซี่ยยวี่หลัวเล่านิทานไปห้าเรื่อง คิดเสียว่าชดเชยส่วนที่เด็กสองคนไม่ได้ฟังในช่วงก่อนหน้านี้ จึงเล่าทีเดียวห้าเรื่อง น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อยจริง รู้สึกคอแห้งผาก นางไม่ได้เอื้อมมือไปรับ ดื่มตามมือของเซียวยวี่ที่ป้อนให้
เซียวยวี่เห็นนางดื่มลงท้องไปถ้วยหนึ่ง “ยังเอาอีกหรือไม่? “
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “ไม่เอาแล้ว”
กล่าวจบก็จะเล่าอีก เซียวยวี่กลับดุเด็กสองคน “เหตุใดถึงยังไม่นอน? ดึกเกินไปแล้ว” เขาไม่ได้สงสารเด็กสองคนที่ดึกถึงเพียงนี้แล้วยังไม่นอน แต่สงสารอาหลัวของเขา เล่าจนเสียงแหบแล้ว จะรู้สึกทรมานเพียงใด!
เซี่ยยวี่หลัวก็สงสารเด็กสองคน “ไม่เป็นอะไร ข้าไม่อยู่บ้านนานถึงเพียงนี้ แค่เล่านิทานเพิ่มเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เป็นอะไรเสียหน่อย! “
เซียวยวี่ “…” แต่ข้าปวดใจ “เช่นนั้นเจ้าเล่าเรื่องนี้ให้จบ ก็ไม่ต้องเล่าอีกแล้ว พวกเขาควรนอนได้แล้ว เจ้าเองก็ควรนอนเช่นกัน มิเช่นนั้นพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหว”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวตอบว่าได้
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งหันสบตากัน รู้สึกว่าวาจาของพี่ใหญ่คล้ายจะว่าพวกเขานอนดึกเกินไป แต่หากลองฟังโดยละเอียด ก็ดูจะมีจุดที่ผิดปกติอยู่ ประหนึ่งว่าพี่ใหญ่กำลังกล่าวโทษพวกเขาที่ทำให้พี่สะใภ้ใหญ่นอนดึก ทั้งยังตำหนิพวกเขาที่ทำให้เสียงของพี่สะใภ้ใหญ่แหบอีกด้วย
เด็กสองคนล้วนเป็นเด็กรู้ความ เมื่อได้ยินเสียงของพี่สะใภ้ใหญ่แหบแล้ว ต่างก็รู้สึกเห็นใจยิ่งนัก หลังจากฟังนิทานเรื่องนี้จบ จึงคลานขึ้นที่นอนของตัวเองนอนหลับอย่างว่าง่ายทันที
เซียวยวี่ตากเสื้อเสร็จเข้ามา ภายในห้องไม่มีเสียง เด็กสองคนนอนหลับแล้ว
ส่วนเซี่ยยวี่หลัวยังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง เหมือนว่ากำลังรอเขากลับมา
“เหตุใดถึงยังไม่นอน? ” เซียวยวี่เอ่ยถามด้วยความเอ็นดู
“รอเจ้ากลับมา ข้าก็จะนอนแล้ว” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง “เช่นนั้นเจ้านอนก่อน ข้าดับไฟแล้วค่อยนอน”
“ได้ เจ้าเดินช้าหน่อย ระวังอย่าเตะโดนจื่อเซวียน”
ที่นอนถูกปูไว้บนพื้น เซียวจื่อเซวียนนอนฝั่งที่อยู่ติดเตียง
เซียวยวี่ลุกขึ้นยืน มองดูเตียง ก่อนมองดูที่นอนบนพื้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่ง
เขาเดินขึ้นหน้าลากทั้งผ้านวมและตัวคนมา เซียวจื่อเซวียนยังคงหลับสนิท
ดึงผ้านวมมา จากนั้นจึงเห็นเซียวยวี่สะบัดผ้านวมทีหนึ่ง คนที่เดิมทีนอนอยู่ทางซ้าย ถูกสะบัดไปอยู่ทางขวา
เซียวจื่อเซวียนที่ยังคงจมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราพลิกตัวทีหนึ่ง ก่อนจะนอนหลับต่อ
เคลื่อนไหวแรงถึงเพียงนี้ เด็กคนนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย หลับสนิทเหมือนสุกรก็มิปาน
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่กระทำอย่างไม่เกรงใจถึงเพียงนี้ ก็ได้แต่กุมขมับรู้สึกกล่าวอะไรไม่ออก
เซียวยวี่ดับไฟ เอนตัวลงนอน หันหน้าเข้าหาเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่บนเตียง ยิ้มพลางยื่นมือออกมา
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งเข้าใจในตอนนี้เอง การกระทำของเซียวยวี่ ที่แท้ทำไปเพื่อสิ่งนี้
นางไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จึงได้แต่ยื่นมือออกไป
ถึงแม้คนหนึ่งจะนอนบนเตียงอีกคนนอนบนพื้น แต่ยังสามารถแนบชิดกันได้
เซี่ยยวี่หลัวมองดูเซียวยวี่ที่อยู่บนพื้น ฟ้ามืดจึงไม่เห็นใบหน้าของเซียวยวี่อย่างชัดเจน มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ยังคงเป็นประกาย ประหนึ่งดวงดาราที่สุกสกาวก็มิปาน
เซียวยวี่เองก็จ้องมองคนบนเตียงอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน แววตาแฝงเร้นด้วยความรักลึกซึ้งดุจมหาสมุทร
เชิงอรรถ
[1] น้ำส้มสายชู ในภาษาจีน คำว่ากินน้ำส้มสายชู กลิ่นน้ำส้มสายชูแรง หมายถึง อาการหึงหวง หรือเป็นคนขี้หึง