ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 405 พวกเราไปขอทานกันเถิด เอาชามมาสองใบ
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 14 บทที่ 405 พวกเราไปขอทานกันเถิด เอาชามมาสองใบ
เลี่ยวซื่อและฟู่ซื่อเพิ่งไป เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งตรวจสอบสบู่ทุกก้อนโดยละเอียดรอบหนึ่งเสร็จ กำลังคิดจะไปกินอาหารที่อื่นก่อน ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ไม่เร็วไม่ช้า
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก พุ่งพรวดออกไป “เซียวยวี่…”
“อาหลัว ข้าเอง รีบเปิดประตู! ” คนข้างนอกได้ยินเสียงเรียกด้วยความดีอกดีใจของเซี่ยยวี่หลัว ก็ยิ้มอย่างเบิกบานใจเช่นกัน
พอเปิดประตู เซียวยวี่ก็โผเข้ากอดนางด้วยความดีใจ ตอนนี้ยังอยู่ข้างนอก เซียวยวี่เองก็มีความกังวล เพียงประทับจุมพิตลงบนหน้าผากนาง จากนั้นจึงกล่าว “เข้าไปด้านในเถิด! ”
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งรู้ตัวว่าพวกเขายังอยู่ข้างนอก เมื่อกอดกันเช่นนี้ จึงรู้สึกเขินอายขึ้นมา รีบถอยออกห่าง เพิ่งเห็นว่าข้างเท้าเซียวยวี่มีข้าวของอยู่ไม่น้อย ทั้งเครื่องปรุงอย่างน้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู รวมถึงของใช้จำพวกกระบวย ถาด ชาม และตะเกียบ
ภายในโรงผลิตมีห้องครัวขนาดเล็ก ภายในนอกจากกระทะเหล็กหนึ่งใบและฟืนจำนวนหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรอีก
ทว่า มีห้องครัวหนึ่งห้องก็เพียงพอแล้ว
เขาซื้อข้าวของอื่นๆ มา เย็นนี้สามารถทำอาหารให้อาหลัวกินได้แล้ว
“หิวหรือยัง? รอข้าจัดเก็บของเหล่านี้เสร็จ พวกเราก็เริ่มทำอาหารกินกัน” เซียวยวี่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด
แต่เซี่ยยวี่หลัวกลับรู้สึกเห็นใจ เซียวยวี่ต้องเร่งรีบเดินทางมา ทั้งยังต้องทำอะไรมากมายถึงเพียงนี้ ข้าวของที่ต้องใช้ภายในเรือน เขาก็จดจำได้แทบจะทุกอย่างและซื้อกลับมาทั้งหมด
นางเดินขึ้นหน้าไปโยกแขนเซียวยวี่ “เย็นวันนี้ไม่กินข้าวที่บ้านดีหรือไม่? บะหมี่ที่เจ้านำกลับมาเมื่อวานอร่อยมาก พวกเราไปกินบะหมี่กันไม่ดีหรือ? รอให้พวกเรากินจนอิ่ม ค่อยกลับมาจัดเก็บ พรุ่งนี้ค่อยทำอาหาร เจ้าว่าอย่างไร? ” หลังจากกินบะหมี่ นางยังคิดจะพาเซียวยวี่ไปสั่งทำเสื้ออีกสักสองตัว!
เซียวยวี่เข้าใจเจตนาของเซี่ยยวี่หลัว ตวัดนิ้วตรงปลายจมูกโด่งของนาง ก่อนกล่าวด้วยความเอ็นดู “ได้ แต่ตอนนี้ ให้ข้ากินสิ่งอื่นก่อน! ”
เซี่ยยวี่หลัวยังไม่ทันคิดว่าเขาจะกินอะไร เซียวยวี่ก็ ‘กิน’ ริมฝีปากและลิ้นของนางเข้าไปแล้ว
“…อือ”
เซี่ยยวี่หลัวตอบรับริมฝีปากและลิ้นของเซียวยวี่ คลอเคลียเกี่ยวกระหวัดตาม
จวบจนเกิดสายใยสีเงินขึ้นระหว่างริมฝีปากของทั้งคู่ เซียวยวี่จึงปล่อยเซี่ยยวี่หลัวออก ปลายจมูกแตะกันเบาๆ เซียวยวี่ใช้ปลายลิ้นสัมผัสริมฝีปากเซี่ยยวี่หลัวเบาๆ วาดเป็นรูปริมฝีปากทรงงามออกมา
ที่นี่ไม่มีผู้ใดมารบกวน มีเพียงพวกเขาสองคน ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไปจวบจนถึงพรุ่งนี้เช้า จะมีเพียงพวกเขาสองคน
เซียวยวี่รู้สึกพึงพอใจเสียยิ่งกว่าอะไร จากนั้นจึงปล่อยเซี่ยยวี่หลัวออก
หากไม่ใช่เพราะเกรงว่านางจะหิว มีหรือที่เขาจะยอมพานางออกไป
มีเพียงช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่กันตามลำพัง ที่เซียวยวี่รู้สึกว่าไม่ว่าจะนานเพียงใด ก็ยังน้อยเกินไปอยู่ดี
เมื่อทั้งสองคนเตรียมตัวเสร็จ จึงใส่กุญแจประตูก่อนออกไป
เซียวยวี่ถือชามสองใบที่ก่อนหน้านี้นำกลับมาเพื่อทานบะหมี่ไว้ในมือ นิ้วมือข้างซ้ายเกี่ยวประสานกับมือของเซี่ยยวี่หลัว มือขวาถือชามสองใบ โยกไปโยกมา จู่ๆ เซี่ยยวี่หลัวก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
“อะไรหรือ? ” เซียวยวี่เห็นนางหัวเราะ จึงหันไปมองนางด้วยความรักใคร่เอ็นดู
เซี่ยยวี่หลัวชี้ไปยังชามสองใบในมือเซียวยวี่ “ประหนึ่งว่าพวกเราจะออกไปขอทานอย่างไรอย่างนั้น นำชามมาสองใบ! ”
เซียวยวี่หันมองชามในมือ คล้ายว่า… เป็นเช่นนั้นจริง!
เขาเองก็หัวเราะตาม แสร้งทำเป็นกล่าวด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ “เช่นนั้นทำอย่างไรดี ต้องให้เจ้าไปขอทานกับข้าเสียแล้ว”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ถ้าอย่างไรกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยมาใหม่ดีหรือไม่? ”
เซียวยวี่ยังไม่เข้าใจ “เหตุใดต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า? ”
“พวกเราแต่งตัวเสียสะอาดเรียบร้อย ดูคล้ายขอทานที่ไหนกัน หากจะเป็นขอทานก็ต้องดูคล้ายกับขอทานด้วย ถูกต้องหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวหยอกล้อเขา
เซียวยวี่ยิ้มตาม “เด็กโง่ ในหัวของเจ้าใส่อะไรไว้บ้างกันแน่…”
มักจะหยอกเย้าจนเขามีความสุขได้เสมอ นางเป็นเสมือนผลไม้แห่งความสุข ขอเพียงได้กัดกินหนึ่งคำ ก็จะมีความสุขอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงตรงหน้าแผงขายบะหมี่ ที่แผงขายบะหมี่มีลูกค้านั่งอยู่ประปราย เมื่อเถ้าแก่เห็นเซียวยวี่มา ก็เอ่ยปากทักทายทันที “คุณชายมากินบะหมี่หรือ? ”
เซียวยวี่วางชามลงบนโต๊ะเบาๆ ยิ้มพร้อมกล่าว “อืม สองชาม”
“ได้ คราวนี้ยังจะนำกลับไปอีกหรือไม่? ” เถ้าแก่รีบต้มบะหมี่สำหรับสองชามในหม้อที่มีน้ำเดือด
“ไม่ต้อง กินที่นี่” เซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว ชี้ไปยังโต๊ะที่อยู่ข้างๆ “ข้าจะนั่งตรงนี้”
เถ้าแก่แผงขายบะหมี่มองไปตามนิ้วของเซียวยวี่ที่ชี้ไป ก็เห็นว่าตรงข้ามเขามีสตรีผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดสีขาวผ่องดุจหิมะ กำลังมองเซียวยวี่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
นางยิ้มอย่างเบิกบานใจ ดูสดใสประหนึ่งบุปผางามที่บานสะพรั่ง งดงามจนทำให้รู้สึกตกตะลึง
มิน่าล่ะ คุณชายน้อยผู้นี้ถึงเอาใจใส่เพียงนี้
มือของเถ้าแก่แผงขายบะหมี่สั่นทีหนึ่ง เหยาะน้ำมันหอมเพิ่มสองหยดโดยไม่ตั้งใจ
แต่ไม่เป็นอะไร รอยยิ้มของนางดูดีถึงเพียงนี้ เถ้าแก่แผงขายบะหมี่รู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก จึงเหยาะน้ำมันในชามอีกใบหนึ่งเพิ่มสองหยดเช่นกัน
ยกบะหมี่ใส่น้ำแกงที่ร้อนจัดมาให้สองชาม เซี่ยยวี่หลัวลองสูดดมกลิ่น ก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เถ้าแก่ บะหมี่นี่ช่างหอมนัก! ”
เถ้าแก่แผงขายบะหมี่กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “หากฮูหยินรู้สึกว่าอร่อย ก็มาได้ทุกวัน ขอเพียงไม่ใช่ช่วงดึกดื่นเที่ยงคืน แผงขายบะหมี่ของข้าก็เปิดตลอด”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางตอบกลับว่าได้ ก่อนคีบบะหมี่ไปใส่ในชามของเซียวยวี่สองที
“เป็นอะไรไป? ” เซียวยวี่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เซี่ยยวี่หลัวคีบไปให้อีกหลายที ภายในชามเหลือเพียงกึ่งหนึ่ง ก่อนกล่าว “เยอะเกินไป กินไม่หมด”
มองดูบะหมี่ในชามตัวเองที่แทบจะล้นออกจากชาม เขายิ้มพลางคีบเนื้อหมูในชามตัวเองไปใส่ในชามของนาง
เซี่ยยวี่หลัวแสร้งทำเป็นไม่พอใจ “ข้าเองก็มี” ในชามมีเนื้อหมูอยู่!
เซียวยวี่ “เนื้อหมูเพียงไม่กี่ชิ้น ทานลงไปไม่กินพื้นที่ในท้องหรอก! ”
เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้า คีบขึ้นมากิน พร้อมขานตอบเสียงเบา
อาจเพราะบุรุษและสตรีคู่นี้เด่นสะดุดตาเกินไป ลูกค้าที่อยู่รอบข้างจึงต่างหันไปมอง เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของสองสามีภรรยา ต่างก็กล่าวชื่นชม
เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก เป็นคู่สร้างคู่สม!
หลังกินอาหารเย็น เซี่ยยวี่หลัวก็พาเซียวยวี่ไปฮวาหม่านยี
ฮวาหม่านยียังเปิดอยู่ ภายในมีลูกค้าประปราย เมื่อเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวมา ก็มีคนออกมาต้อนรับทันที ทั้งยังเข้าไปเชิญฮวาเหนียงจากด้านหลัง ฮวาเหนียงวางสมุดบัญชีลงแล้วจึงรีบมาทันที
เพิ่งเลิกผ้าม่านขึ้น ก็เห็นเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังเลือกผ้าอยู่
นางกำลังถือผ้าดิ้นสีครามที่ปักลายสีเข้มหนึ่งพับเทียบกับตัวเซียวยวี่ ทั้งยังกล่าวว่าดูดีไม่หยุด
ฮวาเหนียงหัวเราะทีหนึ่ง แม่หนูนี่ น่าจะพาสามีของนางมาสั่งทำเสื้อ!
“ยวี่หลัว คุณชายเซียว…” ฮวาเหนียงออกมาก็กล่าวทักทายทันที
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ฮวาเหนียง ท่านช่วยใช้ผ้าดิ้นพับนี้ตัดเสื้อให้เขาตัวหนึ่ง! ”
เมื่อครู่นี้เซียวยวี่ปล่อยให้อาหลัวนำผ้ามาเทียบบนกายเขา แต่กลับไม่เคยคิดจะซื้อเสื้อ จึงรีบปฏิเสธทันควัน “ครั้งก่อนเจ้าตัดเย็บเสื้อให้ข้าสองชุด เพียงพอแล้ว”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวเป็นเชิงไม่พอใจด้วยความแง่งอน “เสื้อชุดเดียวจะพอได้อย่างไร? เจ้ามีเสื้อผ้าเพียงสองชุด ต้องเดินทางไปกลับ หากกลางคืนฝนตก เสื้อผ้าไม่แห้งจะทำอย่างไร? ”
เมื่อวานจับเสื้อของเขาก็ยังเปียกชื้นอยู่ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอึดอัดมาทั้งวัน
ฮวาเหนียงที่อยู่ข้างๆ กล่าว “ภรรยาของท่านช่างรักท่านยิ่งนัก! ”
เซียวยวี่ย่อมรู้ มองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความเอ็นดู ก่อนยิ้มพร้อมกล่าว “ได้ ตัดคนละหนึ่งตัว! ”
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “ข้าไม่เอา เสื้อผ้าของข้ามีมากเพียงพอแล้วจริงๆ! ”
พอคิดถึงเสื้อผ้าของนางที่มีอยู่เต็มตู้ เซี่ยยวี่หลัวก็ได้แต่ทอดถอนใจ