ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 386 เจ้าหมาป่าน้อย รีบแปลงกายเถอะ
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 386 เจ้าหมาป่าน้อย รีบแปลงกายเถอะ
หลังจากเปิดเผยทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองให้เซียวยวี่รู้แล้ว เซียวยวี่จะไปทำงานในแปลงนาอีก เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่ขวางเขาแล้ว
นางไม่สนใจว่าเขาจะเป็นท่านราชบัณฑิตที่สูงส่ง หรือจะเป็นชาวนาในชนบท ขอเพียงเป็นเซียวยวี่ ก็เพียงพอแล้ว
ส่วนเซียวยวี่ เซี่ยยวี่หลัวให้เวลากับเขา ให้เขาค่อยๆ ไตร่ตรอง
ขอเพียงเคยพยายาม ก็จะไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง
เซียวยวี่ยังคงไปทำงานในแปลงนา
ทว่า ถึงแม้จะทำการเกษตร เขาก็ไม่ลืมที่จะอ่านตำรา
ด้านหนึ่งเป็นการใช้ชีวิต อีกด้านหนึ่งคือความฝัน เซียวยวี่คิดจะทำทั้งสองด้าน
เขาตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง กลับหน้าดินจนเสร็จด้วยความมุ่งมั่น กินอาหารเช้าเสร็จก็ไม่ออกไปอีก เก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือ ช่วงบ่ายรอจนแสงแดดไม่แรงมากแล้ว เซียวยวี่จึงแบกจอบไปในแปลงนาอีกครั้ง
พอฟ้ามืดจึงกลับมา
กินอาหารเย็นเสร็จ ไฟในบ้านดับหมดแล้ว มีเพียงไฟในห้องของเซียวยวี่ที่ยังสว่างอยู่จนดึกดื่น
หลังจากได้เห็นความโดดเด่นของเซี่ยยวี่หลัว เซียวยวี่จึงรู้ว่าสายตาของตนเองคับแคบเพียงใด
ถูกต้อง ถึงแม้เขาจะเล่าเรียนมาสิบกว่าปี แต่เมื่อเทียบกับเซี่ยยวี่หลัว เขายังคงคับแคบ
นางบอกว่าขอเพียงเล่าเรียน ในชีวิตก็จะมีโอกาสนับหมื่น แต่หากไม่เล่าเรียน ก็จะไร้ซึ่งทางเลือก
เซียวยวี่ไม่ได้คิดไตร่ตรองนานเท่าไร ก็ตัดสินใจแล้ว ว่าเขาต้องสอบเป็นซิ่วไฉให้ได้
เมื่อสอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉ ก็สามารถเป็นอาจารย์สอนหนังสือได้
ความคิดของเซียวยวี่นั้นง่ายมาก ตอนนี้มีเพียงเซี่ยยวี่หลัวที่เป็นเสาหลัก เรื่องที่เขาอยากทำในตอนนี้ คืออยากรับภาระดูแลครอบครัว อยากให้เซี่ยยวี่หลัวมีชีวิตที่ดี
อยากให้เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่า เขาก็สามารถทำให้นางมีความสุขได้เช่นกัน!
นี่เป็นความมุ่งมั่นเพียงหนึ่งเดียวของเขาในตอนนี้!
เซียวยวี่หาวทีหนึ่ง หลับตาด้วยอาการสติเลื่อนลอย แต่เขาง่วงเกินไปจริงๆ
หลายวันที่ผ่านมาเขาอ่านตำราจนเกือบเช้า ทว่า ถึงเขาจะรู้สึกง่วง แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
เซียวยวี่ลุกขึ้น ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น บีบบังคับให้ตัวเองมีสติแจ่มชัดขึ้นไม่น้อย ก่อนกลับไปนั่งลงหน้าโต๊ะหนังสือ ไม่ปล่อยให้เสียเวลาอ่านตำราแม้แต่วินาทีเดียว
เซี่ยยวี่หลัวไม่ค่อยตื่นกลางดึก และไม่เคยรู้ว่าไฟในห้องของเซียวยวี่สว่างจนถึงช่วงดึกดื่น
เย็นวันนี้ดื่มน้ำแกงมากเกินไป อากาศก็ค่อนข้างเย็น เซี่ยยวี่หลัวจึงตื่นขึ้นเพราะปวดปัสสาวะ หลังจากจัดการเสร็จด้วยอาการสะลึมสะลือ ขณะที่เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะเอนตัวนอนลงบนเตียง จู่ๆ ก็เดินไปยังริมหน้าต่าง อยากมองดูท้องฟ้าภายนอก ที่ไหนได้ พอเหลือบมองห้องของเซียวยวี่ ก็เห็นว่าห้องหนังสือยังสว่างอยู่ ห้วงภวังค์สะลึมสะลือของเซี่ยยวี่หลัวพลันแจ่มชัดขึ้นทันที
นี่เป็นยามโฉ่ว [1] แล้ว เซียวยวี่ยังไม่นอน! พอคิดว่าทุกครั้งที่นางตื่นนอน ก็ไม่เคยเห็นเซียวยวี่ ตอนนั้นนางจึงคาดเดาว่า บางทีเขาคงตื่นตั้งแต่ยามหยิน
ยามโฉ่วไม่นอน ยามหยินก็ตื่นแล้ว แม่เจ้า เซียวยวี่ วันหนึ่งเจ้านอนกี่ชั่วโมงกัน!
คิดว่าร่างกายมนุษย์ทำจากเหล็กไหลหรืออย่างไร?
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย คลุมเสื้อตัวหนึ่งก็ไปห้องของเซียวยวี่ทันที
เซียวยวี่ยังกำลังอ่านตำราอยู่ อ่านอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ทันรู้ตัวว่าเซี่ยยวี่หลัวเข้ามาแล้ว
“เจ้ากำลังทำอะไร? ” จู่ๆ เซี่ยยวี่หลัวก็พุ่งพรวดเข้ามา เซียวยวี่ตกใจจนเกือบโยนตำราในมือทิ้งไป
“อาหลัว เหตุใดเจ้าถึงยังไม่นอน? “
“ข้านอนแล้วเพิ่งตื่น ยังดีที่คืนนี้ข้าปวดปัสสาวะ จึงลุกขึ้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้ ว่าเจ้าอ่านตำราจนดึกดื่นถึงเพียงนี้! เจ้ารู้หรือไม่ การอดนอนไม่ดีต่อสุขภาพมากเพียงใด เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรืออย่างไร? ” เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกปวดใจจนแทบทนไม่ไหว
น้ำเสียงถึงกับสะอื้น
เซียวยวี่เห็นว่าสตรีตัวน้อยน้ำเสียงสะอื้น ก็ตกใจจนรีบลุกไปโอบเซี่ยยวี่หลัวไว้ “ไม่ต้องร้องแล้ว เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงร้องไห้เล่า? “
“เพราะเจ้าอย่างไร” เซี่ยยวี่หลัวร้องไห้พร้อมกล่าว “เจ้าไม่รู้จักดูแลรักษาสุขภาพของตัวเอง ข้าจะร้องไห้บ้างไม่ได้เชียวหรือ? ไม่ได้ให้เจ้าร้องไห้เสียหน่อย! “
เซียวยวี่ “…” สมกับเป็นเด็กจริงๆ
“เด็กดี ไม่ร้องแล้ว” เป็นเด็ก ก็ต้องเอาอกเอาใจ
เซี่ยยวี่หลัวเงยหน้า หยาดน้ำตาคลอในเบ้าตา มองอะไรก็ดูพร่ามัว “เจ้ารีบไปนอน ไปนอนแล้วข้าจะไม่ร้องไห้”
“ได้ได้ได้ ข้าจะไปนอนเดี๋ยวนี้! ” เซียวยวี่รู้สึกว่าตัวเองมักจะเป็นฝ่ายยอมถอย ไม่ว่าอาหลัวกล่าวอะไร ก็ล้วนแต่ถูกต้อง!
ยกตะเกียงน้ำมันขึ้น เซียวยวี่จะส่งนางกลับไป เซี่ยยวี่หลัวกัดริมฝีปาก “ส่งอะไรกัน เจ้ารีบไปนอนเสีย นอกจากนั้น วันนี้ห้ามตื่นเช้าขนาดนั้น หากให้ข้ารู้ เราได้เห็นดีกันแน่! “
สตรีตัวน้อยกัดฟันกรอด ราวกับเป็นหมาป่าตัวน้อยที่จะกินคนอย่างไรอย่างนั้น
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เหตุใดถึงไม่รีบแปลงกายเป็นหมาป่าตัวน้อยเล่า?
เขาถือไฟไว้ มองส่งเซี่ยยวี่หลัวถึงตรงประตู
นางเข้าไปแล้ว เซียวยวี่จึงคิดจะกลับห้อง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นจากข้างหลัง เซียวยวี่หันขวับอย่างฉับพลัน เห็นเซี่ยยวี่หลัววิ่งมา “ไม่ได้ ข้าไม่วางใจ ข้าจะดูเจ้านอน! “
นางคิดว่าหากตัวเองไปทั้งอย่างนั้น เกรงว่าพรุ่งนี้เซียวยวี่ก็จะตื่นแต่เช้าไปทำงานในแปลงนาอีก
เซียวยวี่ยิ้มอย่างเบิกบานใจ
จริงด้วย ต้องคอยดูจริงๆ
ขอเพียงมีนางอยู่ข้างกาย ให้เขานอนบนเตียงชั่วชีวิตก็ยังได้
ทั้งคู่เข้าไปในห้อง เซี่ยยวี่หลัวที่ตอนแรกยังกล่าววาจาอย่างห้าวหาญว่าจะคอยดูเซียวยวี่นอน บัดนี้กลับเหมือนลูกยางที่ถูกปล่อยลมออก จ้องมองเตียงที่มีเพียงหลังเดียว มันช่าง…
ยากจะบรรยายได้ในประโยคเดียว
เหตุใดตอนนั้นนางถึงกล่าววาจาเช่นนั้นออกมาได้
ตอนนั้นเซี่ยยวี่หลัวเพียงกลัวว่าเซียวยวี่จะลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง กลางคืนนอนไม่ถึงสามชั่วโมง ร่างกายจะรับไหวได้อย่างไร ดังนั้น นางจึงวิ่งมา เฝ้าจับตาดูให้เซียวยวี่นอนมากขึ้น
ช่วงกลางวันยังพอไหว สามารถนั่งข้างๆ คอยเฝ้ามองเขานอนหลับ แต่กลางดึกเช่นนี้… จะเฝ้ามองอย่างไร?
ไม่ต้องนอนหลับหรือ? เช่นนั้นนางก็ทนอดนอนไม่ไหวเหมือนกัน!
มีเตียงเพียงหลังเดียว
เซี่ยยวี่หลัว สมองเจ้ามีปัญหา มารนหาที่เอง!
“คือ ถ้าอย่างไรเจ้านอนเองเถอะ ข้าเกรงว่าจื่อเมิ่งตื่นมาไม่เห็นข้าแล้วจะกลัว” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวจบ หันขวับจะไปทันที
เพียงแต่ ลูกแกะน้อยที่มารนหาที่เอง คิดจะมานั้นง่าย คิดจะไป ก็ไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้นแล้ว
เซียวยวี่ดึงนางไว้ รั้งนางไว้ในอ้อมอก คางของเขาค้ำอยู่ตรงซอกคอของนาง น้ำเสียงงัวเงีย “อาหลัว ข้าง่วงแล้ว”
ง่วงแล้วก็ไปนอน
เซี่ยยวี่หลัวขานตอบทีหนึ่ง “เช่นนั้นเจ้ารีบไปนอนเถอะ! ”
เจ้านอนแล้วข้าจะได้ไป
เซียวยวี่ตอบเสียงเบา “ได้ นอนหลับ”
กล่าวจบ เขาโอบเซี่ยยวี่หลัวไว้ เดินขึ้นหน้าสองก้าว ก่อนจะล้มตัวลงด้านหลัง
เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ ก็เห็นเซียวยวี่กอดนางพลางหมุนตัวทีหนึ่ง ตัวเขาเองล้มลงบนเตียง เซี่ยยวี่หลัวถูกเซียวยวี่กอดไว้แน่น ล้มลงบนตัวเขา
ตอนล้มลงไป มือข้างหนึ่งของเซียวยวี่ยังประคองหลังศีรษะนางไว้แน่น มืออีกข้างหนึ่ง ก็โอบเอวของนางไว้แน่น
เซี่ยยวี่หลัวล้มอยู่บนตัวเซียวยวี่ ท่าชวนคิดเช่นนี้ ทำให้นางตกใจจนความง่วงหายไปจนสิ้น
ยังไม่ทันคิดไตร่ตรองโดยละเอียด ก็ถูกอีกฝ่ายดันตัวขึ้นด้านบนจนล้มนอนลงไป
คราวนี้ ศีรษะนอนอยู่บนหมอน
เซียวยวี่นอนอยู่ข้างกายนาง มือข้างหนึ่งยังอยู่ตรงหลังคอของเซี่ยยวี่หลัว เหมือนยังกอดนางอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เซี่ยยวี่หลัว “คือ…”
นางกำลังจะกล่าวอะไร ก็ได้ยินเซียวยวี่ที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงกรนเบาหวิวแล้ว นอนหลับไปแล้วหรือ?
ง่วงนอนเพียงใดกัน?
เชิงอรรถ
[1] ยามโฉ่ว คือ 1 ใน 12 ชั่วยามของจีน เป็นช่วงเวลาระหว่าง 1:00 ถึง 3:00 น.