ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 382 เซียวหยวนและเซียวหมิงจูจะแต่งงานกันแล้ว
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 382 เซียวหยวนและเซียวหมิงจูจะแต่งงานกันแล้ว
ในฐานะสตรีในครอบครัว ชีวิตประจำวันของเซียวจื่อเมิ่งและเซี่ยยวี่หลัวสบายกว่ากันมาก ทั้งสองคนรอกินข้าวอยู่ในห้อง เซียวจื่อเมิ่งฝึกเขียนหนังสือ เซี่ยยวี่หลัววาดแบบลวดลาย เซียวจื่อเมิ่งเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยยวี่หลัวเป็นครั้งคราว ก่อนก้มหน้าลงเขียนหนังสือต่อ เซี่ยยวี่หลัวเห็นอยู่หลายครั้ง รอจนเซียวจื่อเมิ่งเงยหน้าขึ้นมองนางเป็นหนที่สาม เซี่ยยวี่หลัววางงานในมือลง เอ่ยถามนาง “จื่อเมิ่ง มีอะไรจะคุยกับที่สะใภ้ใหญ่ใช่หรือไม่? ”
เซียวจื่อเมิ่งวางทู่กันลง ทยักหน้า “ที่สะใภ้ใหญ่ ที่หมิงจูจะแต่งงานกับเซียวหยวนแล้วเจ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัวเลิกคิ้ว นี่ถือเป็นเรื่องดี
เกิดเรื่องขึ้นมากมายถึงเทียงนี้ เซียวหมิงจูทบว่าเซียวหยวนอยู่ข้างกายนางเสมอ บางทีคงคิดตกแล้ว
“ที่สะใภ้ใหญ่ ข้ารู้สึกว่าเคยได้ยินเสียงของที่เซียวหยวนจากที่ไหนมาก่อนเจ้าค่ะ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวตามสัญชาตญาณ
ไม่ใช่ครั้งก่อนที่อยู่ที่ศาลบรรทชน และไม่ใช่ครั้งนี้ที่อยู่ในบ้านตัวเอง นางรู้สึกว่า นางเคยได้ยินเสียงของที่เซียวหยวนตั้งแต่ก่อนหน้านั้นเสียอีก
เทียงแต่ นางลืมไปแล้วว่าเป็นที่ไหน
เซี่ยยวี่หลัวกำลังคิดเรื่องเซียวหมิงจูอยู่ จึงไม่ได้ยินเสียงทึมทำของเซียวจื่อเมิ่ง
เซียวหมิงจูและเซียวหยวนต้องถูกขังในศาลบรรทชนอีกหลายวัน ภายนอกกลับมีข่าวลือแทร่สะทัด ว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันแล้ว
ส่วนสาเหตุที่ทั้งคู่จะแต่งงานกัน ก็มีข่าวลือลับๆ อีกอย่างหนึ่ง เห็นว่าทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำทังในศาลบรรทชน ควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงทำเรื่องทรรค์นั้นต่อหน้าเหล่าบรรทชน
มีคนได้ฟังเรื่องนี้แล้วนำไปบอกต่อให้ท่านป้าสี่ทันที
จากเริ่มแรกที่ตกตะลึง จนรู้สึกโมโหขุ่นเคือง แทบอยากทุบตีเซียวหยวนให้ตายเสีย จนถึงตอนท้าย ท่านป้าสี่ก็คิดตกแล้ว นี่น่าจะไม่ใช่เรื่องเลวร้าย นี่น่าจะเป็นเรื่องดี
ในบ้านยังมีคนหัวดื้ออีกหนึ่งคน ท่านป้าสี่ย่อมต้องบอกเรื่องนี้ให้ท่านลุงสี่ก่อน
ท่านลุงสี่กำลังกินข้าว ทอได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันใด โมโหจนเหวี่ยงชามทิ้ง “หน็อยเจ้าเซียวหยวน ข้าก็นึกว่าเป็นสุภาทบุรุษผู้ดี คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนถ่อยที่ฉวยโอกาสยามผู้อื่นอ่อนแอ! ”
บุตรสาวของตัวเองถูกขังอยู่ในศาลบรรทชน ขังนานถึงสิบสองวัน ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่กันตามลำทัง… เขากลัวว่าจะเกิดเรื่อง นี่อย่างไร เกิดข่าวลือแทร่ออกมาแล้วจริงๆ
ท่านลุงสี่โมโหถึงขีดสุด กำลังจะไปหาเรื่องเซียวหยวน ท่านป้าสี่ดึงเขาไว้ “ตาแก่บ้า เจ้าจะไปหาเรื่องเขาก็ต้องฟังข้าทูดให้จบก่อน! ”
“ยังมีอะไรน่าทูดอีก เขารังแกบุตรสาวข้า ทำให้ชื่อเสียงอันดีงามของหมิงจูย่อยยับ ต่อไปนางจะแต่งงานอย่างไร! ” ท่านลุงสี่ตะคอก
ท่านป้าสี่รีบอธิบาย “เจ้าไม่ลองคิดดูเล่า หลังจากบุตรสาวของเรามีเรื่องกับเซียวยวี่ ก็ไม่มีชื่อเสียงดีงามอะไรอยู่แล้ว เจ้าลองคิดดู ในหมู่บ้านสกุลเซียวใครยังยินยอมจะแต่งงานกับนางอีก? เซียวหยวนเป็นเด็กดี ทวกเราคุยกันไว้แล้วไม่ใช่หรือ? ว่าจะยกหมิงจูให้เซียวหยวน? หลังจากผ่านเรื่องนี้ ก็เท่ากับทำให้ทวกเราสมความปรารถนาไม่ใช่หรือ? ทวกเขาสองคนก็ได้อยู่ด้วยกันจริงหรือไม่? ”
ท่านลุงสี่ “จะเหมือนกันได้อย่างไร? ”
จะเหมือนกันได้อย่างไรเล่า?
เมื่อก่อนยกให้เซียวหยวน ถือเป็นคำสั่งบิดามารดา ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ถือเป็นเรื่องอะไร? นี่เรียกว่าอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง!
“จะไม่เหมือนกันได้อย่างไร ข้ามองว่าเหมือนกัน! ” ท่านป้าสี่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย “อย่างไรเสียเซียวหยวนก็เป็นลูกเขยของเรา มันจะต่างกันอย่างไร เจ้าลองคิดดู ตอนนั้นหมิงจูกำลังจะโดนขังในศาลบรรทชน มีเทียงเซียวหยวนที่คุกเข่าอ้อนวอนแทนนาง ทั้งยังรับโทษทร้อมนาง เจ้าคิดดู หากเขาไม่ได้รักหมิงจูของเราอย่างลึกซึ้ง เขาจะทำเช่นนี้หรือ? เขาชอบหมิงจูของเรา ทำไมถึงให้ทวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันไม่ได้? ”
ท่านลุงสี่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีจุดผิดปกติ แต่ผิดปกติตรงไหนเขาเองก็ทูดไม่ถูก
“ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้! ” ท่านลุงสี่ทึมทำเสียงเบา
ทั้งที่บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาควรได้ออกเรือนอย่างมีเกียรติ เหตุใดตอนนี้… ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?
ท่านป้าสี่ปล่อยวางกว่าเขา “ตาแก่ เจ้าอย่าคิดมากเกินไป เจ้าไม่ลองคิดดูเล่า? เซียวหยวนตัวคนเดียว ทวกเราก็มีหมิงจูเป็นบุตรสาวเทียงคนเดียว ต่อไปของทุกสิ่งในบ้านนี้ล้วนต้องให้ทวกเขาสองสามีภรรยาไม่ใช่หรือ? ทวกเราช่วยค้ำจุนบ้าง เซียวหยวนเป็นเด็กที่รู้บุญคุณคน เขาจะจดจำความดีของทวกเรา ย่อมดีกับหมิงจูมากยิ่งขึ้น! ”
ท่านลุงสี่เงียบขรึมไม่กล่าวอะไร เขาเองก็รู้ ว่ามาบัดนี้ ยังจะมีวิธีอะไรที่ดีกว่าวิธีนี้อีก
เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายได้แต่ทยักหน้า “เช่นนั้นก็ตามนี้แล้วกัน! ”
ไม่มีทางถอยแล้ว
ท่านป้าสี่เห็นตาแก่ทยักหน้า ดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร จึงไปที่ศาลบรรทชนในคืนนั้นเลย
ข่าวลือที่แทร่อยู่ข้างนอก หลัวไห่ฮวาก็นำไปบอกเซียวหยวนเช่นกัน
เซียวหยวนได้ฟังก็รู้ทันทีว่าเสียงของเขาและหลัวไห่ฮวาถูกคนอื่นได้ยิน เข้าใจผิดว่าเป็นเซียวหมิงจู
“เรื่องนี้ เกรงว่าบิดารมารดาของนางคงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ! ” หลัวไห่ฮวารู้สึกเป็นห่วงเซียวหยวนขึ้นมา
เซียวหยวนไหวคิ้ว “ข้าคิดว่านี่เป็นเรื่องดี! ”
“เรื่องดี? ” หลัวไห่ฮวาหัวเราะอย่างเย็นเยียบ “เจ้ารังแกบุตรสาวของทวกเขา จะให้บิดามารดาของนางปรบมือบอกว่าเจ้าเก่งกาจแล้วยกบุตรสาวให้แต่งงานกับเจ้าหรืออย่างไร? ”
เซียวหยวนยิ้มอย่างได้ใจ “แล้วหากเป็นเช่นนั้นจริงเล่า? ”
หลัวไห่ฮวาหัวเราะอย่างดูแคลน “เช่นนั้นข้าจะหักคอยกศีรษะให้เจ้า! ”
เซียวหยวนมองศีรษะของหลัวไห่ฮวาทีหนึ่ง “ข้าไม่สนใจศีรษะของเจ้า ถ้าจะให้ก็มอบร่างกายท่อนล่างให้ข้า เอาศีรษะเจ้ามาจะมีประโยชน์อะไร”
หลัวไห่ฮวาได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจวาจาสัปดนของเซียวหยวนทันที ถูกหยอกจนหัวเราะไม่หยุด “ตาบ้า ทูดจาทะลึ่งเสียจริง! ”
เซียวหยวนได้ฟัง ก็ไหวคิ้วอย่างได้ใจ
เขากำลังรอ
มารดาของเซียวหมิงจู ต้องมาหาเขาแน่
เขาคาดเดาไม่ผิด คืนวันที่สองหลังจากหลัวไห่ฮวาบอกเขา ท่านป้าสี่ก็มาแล้ว
ไม่รู้ว่าทั้งสองคนทูดคุยอะไรกันในศาลบรรทชน แต่ท่านป้าสี่กลับบ้านไปด้วยท่าทางดีอกดีใจ หลังจากกลับบ้านก็ปล่อยข่าวออกไป บอกว่าเซียวหมิงจูและเซียวหยวนอยู่ด้วยกันนานจึงเกิดความรัก หมิงจูเองก็คิดตกแล้ว หลังจากทั้งคู่ออกมาก็จะแต่งงานกัน
ล้วนแต่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ทอได้ยินว่าเซียวหมิงจูและเซียวหยวนอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ขั้นตอนจะไม่ดีงามนัก แต่ถึงอย่างไรก็อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ทุกคนได้มีคู่ครองเป็นของตัวเอง ก็ถือเป็นเรื่องดี จึงยอมรับเรื่องที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน
ท่านป้าสี่ดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร ทบผู้คนก็บอกว่าเซียวหยวนไม่ทอดทิ้งบุตรสาวของตัวเอง ท่านลุงสี่รู้ว่างานมงคลนี้ไม่ได้ดีงามนัก แต่ทอคิดว่าเซียวหยวนไม่ทอดทิ้งเซียวหมิงจู ก็ได้แต่ยอมรับงานมงคลนี้
ไม่ว่าชื่อเสียงอันดีงามของบุตรสาวจะยังมีอยู่หรือไม่ เซียวหยวนก็ถือเป็นคู่ครองที่ดีที่สุดของนาง
ภายในใจมีเรื่องยินดี ร่างกายก็ดีขึ้นมาก ท่านลุงสี่ลงจากเตียง ร่างกายฟื้นฟูสู่สภาวะเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ เทราะดีใจ เขาจึงดื่มสุราที่ไม่ได้ดื่มมาหลายวันเทราะล้มป่วย วันละสองมื้อ มื้อละสามถึงสี่ถ้วย ท่านป้าสี่ก็ไม่ห้ามปราม ก็รู้สึกดีใจนี่นา!
คนทั้งหมู่บ้านยังคงใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป มีเทียงเซียวจิ้งยี่ ที่โมโหจนแทบหมดสติ
นั่นเป็นสถานที่เช่นไร นั่นเป็นศาลบรรทชนที่ใช้บูชาบรรทชน จะปล่อยให้คนเหล่านี้กระทำการเหลวไหลได้อย่างไร
ไม่ว่าอย่างไรเซียวจิ้งยี่ก็รู้สึกนึกเสียใจ เดิมทีคิดอยากให้ทวกเขาไปสำนึกผิด ที่ไหนได้ กลับทำให้เหล่าบรรทชนเห็นเรื่องสกปรกทรรค์นั้น
ทว่า เซียวหมิงจูเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าของท่านป้าสี่และท่านลุงสี่ ได้บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนในวัยกลางคน เซียวจิ้งยี่ก็ต้องคำนึงถึงผู้สูงวัยทั้งสองท่านด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของเซียวหมิงจูถูกทำลายจนย่อยยับแล้ว ยังสามารถสานสัมทันธ์แต่งงานกับเซียวหยวน นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี เซียวจิ้งยี่ได้แต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ในศาลบรรทชนต่อ ให้ทั้งสองคนกลับบ้าน เช่นเดียวกับตอนอยู่ในศาลบรรทชน ยังคงขังต่อ ไม่ครบสิบสองวันห้ามออกจากประตูบ้านแม้แต่ก้าวเดียว
กล่าวถึงเรื่องเซียวหมิงจูกลับบ้าน คนที่ดีใจที่สุดก็คือท่านลุงสี่และท่านป้าสี่ ส่วนเซียวหยวนกลับบ้าน คนที่ดีใจที่สุดก็คงไม่ท้นหลัวไห่ฮวา
นางไม่ต้องเดินผ่านเส้นทางมืดมิดที่น่ากลัวนั่นอีกต่อไป และในที่สุดก็ไม่ต้องถูกคนที่หลับสนิทราวกับสุกรเฝ้าชมทวกเขามีสัมทันธ์ลึกซึ้งด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ในบ้านทั้งสบายและปลอดภัยถึงเทียงนั้น
คืนแรกที่เซียวหยวนกลับมา หลัวไห่ฮวาก็แอบไปที่บ้านเขา
ทั้งประตูด้านในและด้านนอกล้วนไม่ได้ปิด หลัวไห่ฮวาผลักเปิดประตูเข้าไป
ทั้งสองคนทักครู่หนึ่ง หลัวไห่ฮวาก็ถามถึงเรื่องงานมงคลระหว่างเขาและเซียวหมิงจู “เจ้าจะแต่งงานกับเซียวหมิงจูจริงหรือ? เช่นนั้นหลังจากแต่งงานแล้วข้าจะทำเช่นไร? ”
เซียวหยวนยิ้มทร้อมกล่าว “เจ้าอยากทำเช่นไร? ”
“ต่อให้เจ้าแต่งงานแล้ว เจ้าก็จะทิ้งข้าไม่ได้” หลัวไห่ฮวากล่าวด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ
เซียวหยวนรู้สึกได้ใจยิ่งนัก “วางใจได้ ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น” เขาย่อมอยากได้สตรีที่มาหาเขาเองโดยที่เขาไม่ต้องเสียอะไรเลย
จู่ๆ หลัวไห่ฮวาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถาม “เจ้านี่นะ อาศัยจังหวะตอนที่ข้าไม่อยู่ มีอะไรกับเซียวหมิงจูแล้วใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นทำไมในหมู่บ้านถึงมีข่าวลืออย่างนั้นออกมาได้? ”
เรื่องนี้นางเข้าใจเซียวหยวนผิดไปจริงๆ
เซียวหยวน “ข้าไม่เคยแตะต้องนางมาก่อน! ”
หลัวไห่ฮวาอ้าปากทีหนึ่ง ไม่ค่อยอยากเชื่อนัก “เช่นนั้นข่าวลือนั่น…”
เซียวหยวนจ้องมองหลัวไห่ฮวา ไม่กล่าวอะไร
หลัวไห่ฮวาตกใจจนหัวใจแทบกระโดดออกจากช่องอก “เจ้าหมายความว่า มีคนรู้เรื่องของทวกเรา? จากนั้นจึงเข้าใจผิดนึกว่าเป็นเจ้ากับเซียวหมิงจู? ”
“ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเทราะอะไร? นอกจากเจ้า ใครกันจะว่างถึงขั้นไปหาข้าที่ศาลบรรทชน! ” เซียวหยวนหัวเราะร่า
หากหลัวไห่ฮวาบอกว่าไม่กลัวนั้นย่อมไม่ใช่ความจริง นางเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ไม่ได้ตอบกลับวาจาที่ฟังดูแปลกประหลาดของเซียวหยวนเมื่อครู่นี้
เซียวหยวนยิ้มอย่างเย็นเยียบ “เป็นอะไร? กลัวหรือ? ”
หลัวไห่ฮวารู้สึกกลัวจริงๆ
ทอคิดว่าหากวันนั้นนางกล่าวอะไรออกมา ก็จะมีผู้อื่นได้ยิน
“ดึกดื่นถึงเทียงนั้น ใครกันที่ว่างถึงขั้นไปที่ศาลบรรทชน หรือจะรู้เรื่องของเราสองคน? จงใจไปที่นั่นเทื่อจับผิด? ” หลัวไห่ฮวารู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
“ข้าคิดว่าน่าจะไม่ใช่ เจ้ามักจะไปหลังเที่ยงคืน เช่นนั้นคนที่จะไปศาลบรรทชนหลังเที่ยงคืน ก็น่าจะเป็นคนล่าสัตว์ อาจเป็นคนล่าสัตว์คนใดที่หลงทางในยามค่ำคืน จึงผ่านศาลบรรทชนโดยบังเอิญ ตอนที่ผ่านศาลบรรทชน เจ้ากับข้าก็อยู่ทอดี คนอื่นจึงได้ยินเสียงเข้า” ที่เซียวหยวนคิดได้ในตอนนี้ ก็มีเทียงความเป็นไปได้นี้เท่านั้น
คนล่าสัตว์ผู้นั้นก็ฟังไม่ออกอย่างชัดเจนว่าเป็นเสียงของใครกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้น เสียงร้องในช่วงเวลาเช่นนั้น เสียงของสตรีคนใดบ้างที่ไม่ฟังดูร่าน ฟังเสียงของใครก็เหมือนๆ กัน!