ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 380 ดื่มน้ำด้วยกันหรือไม่ โดยการประกบปาก
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 380 ดื่มน้ำด้วยกันหรือไม่ โดยการประกบปาก
เซียวจินฉวยโอกาสขึ้นภูเขาตอนที่คนล่าสัตว์ยังไม่ขึ้นภูเขา
มักจะได้ไก่ป่า กระต่ายป่า หรือเป็ดป่ามา คนที่บ้านได้กินเนื้อทุกสามวันห้าวัน เซียวจินรู้สึกว่านี่เป็นงานดีที่ไม่ต้องเปลืองแรงทั้งยังได้กินเนื้อด้วย พอถึงเวลาจึงขึ้นภูเขาอย่างมุ่งมั่นทุกวัน
วันนี้เขาเองก็ฉวยโอกาสขึ้นภูเขาไปก่อนที่คนล่าสัตว์จะขึ้นภูเขาเหมือนเคย เดินอยู่นานเพิ่งเก็บไก่ป่ามาได้หนึ่งตัว ถึงแม้ตัวจะไม่ใหญ่ แต่ต่อให้เล็กเหมือนยุงก็ยังเป็นเนื้อ ยิ่งไปกว่านั้น ไก่ป่าตัวนี้ก็ตัวใหญ่กว่ายุงมากนัก
เซียวจินจับเหยื่อเดินลงภูเขามาอย่างดีอกดีใจ
เพียงแต่ ไม่รู้ว่าเพราะวันนี้เดินไกล หรือเพราะเซียวจินดีใจเกินไป ไม่ได้จำทาง เดินไปเดินมา เซียวจินก็พบความผิดปกติ ปกติใช้เวลาเพียงสองถ้วยชาก็กลับถึงบ้านแล้ว เหตุใดวันนี้เดินนานถึงเพียงนี้ ยังอยู่ในป่าเล่า?
ยามนี้แสงจันทร์สลัว เห็นเส้นทางตรงหน้าไม่ชัดนัก
เซียวจินถือโคมไฟ มองข้างหน้าทีหนึ่ง มองข้างหลังทีหนึ่ง เพิ่งตระหนักว่าตัวเองมายังสถานที่ที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ทั้งยังไม่มีทางเดิน จึงสบถว่าซวยจริงอย่างอดไม่ได้
เมื่อไม่มีทางเดิน ก็ได้แต่เดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ทาง ยังดีที่ไม่ใช่บนภูเขา ดงต้นไม้ที่หนาทึบนี่ ขอเพียงเดินตรงไปข้างหน้า สุดท้ายย่อมเดินออกไปได้
เมื่อเหยียบไปบนใบไม้ชั้นหนาก็ก่อให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ เซียวจินมองแสงสว่างเพียงน้อยนิดที่ตัวเองมี ก่อนเหลียวหน้ามองหลังที่มีเพียงความมืดมิด ต่อให้เป็นชายชาตรีหัวใจก็เต้นแรงราวกับรัวกลอง
สาวเท้าก้าวเดินเร็วขึ้นอย่างอดไม่ได้ พอเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ เบื้องหน้าก็ค่อยๆ โล่งขึ้น เดินออกจากดงต้นไม้ ก็เห็นพื้นที่โล่งกว้างผืนใหญ่ ก่อนมองดูเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์สลัว เซียวจินผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
แม่เจ้า ทำไมถึงเดินมาศาลบรรพชนได้
สิ่งที่ตั้งบูชาอยู่ภายในศาลบรรพชนล้วนแต่เป็นป้ายวิญญาณของคนในหมู่บ้านสกุลเซียว ยิ่งเดินเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกว่าลมเย็นวาบ หากเป็นยามปกติ เซียวจินต้องเดินอ้อมแน่นอน
แต่จู่ๆ เซียวจินก็นึกขึ้นได้ว่าเซียวหยวนและเซียวหมิงจูยังถูกขังอยู่ในศาลบรรพชน หัวใจที่เต้นแรงราวกับรัวกลองพลันสงบลง
มีคนตัวเป็นๆ ถูกขังอยู่ในศาลบรรพชนถึงสองคน เขาอยู่ข้างนอก จะกลัวอะไร
ขอเพียงเดินผ่านศาลบรรพชน เดินตรงไปข้างหน้าก็เป็นหมู่บ้านแล้ว เซียวจินจึงไม่กลัว ถือโคมไฟเดินตรงไปข้างหน้า
ขณะจะเดินผ่านศาลบรรพชน จู่ๆ เสียงร้องของสตรีผู้หนึ่งก็ทำให้ฝีเท้าของเซียวจินหยุดชะงัก
จากนั้น เสียงร้องแหลมดังต่อเนื่องก็ลอยตามสายลมเข้ามาในโสตประสาทของเซียวจิน
เซียวจินเบิกตากว้างทันที จ้องมองไปทางศาลบรรพชนเขม็ง
ภายในศาลบรรพชนมีเพียงเซียวหยวนและเซียวหมิงจู หรือว่า…
เซียวจินเป็นคนที่เคยมีประสบการณ์ เสียงที่ดังจากด้านในใช้นิ้วเท้าคิดยังรู้ว่าบุรุษและสตรีด้านในกำลังทำอะไร
คิดไม่ถึงเลย ว่าการเดินหลงทางครั้งนี้จนมายังศาลบรรพชนโดยบังเอิญ กลับทำให้ได้รู้ถึงการคบชู้ของทั้งสองคน
ไม่ถูก จะเรียกว่าคบชู้ไม่ได้ ควรเรียกว่าความสัมพันธ์ชู้สาว อย่างไรเสียบุรุษและสตรีต่างก็ยังไม่ได้แต่งงานทั้งคู่
เซียวจินเหมือนจะได้รู้เรื่องราวใหญ่โตอะไรเข้า หันขวับเดินไปทันที
เซี่ยยวี่หลัวซักผ้าที่ริมแม่น้ำเสร็จจึงกลับบ้าน เมื่อไปยังห้องของเซียวยวี่ ก็ไม่เห็นคนแล้ว พอไปที่ห้องเก็บฟืน จอบก็หายไปเช่นกัน ดูท่าเขาคงไปที่แปลงนาอีกแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวโมโหแต่ก็อับจนหนทาง เดิมทีคิดจะบอกเซียวยวี่ว่านางหาเงินได้ไม่น้อย เขาไม่ต้องไปหาเงิน แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เขารู้สึกเสียศักดิ์ศรี อาหารการกินและเสื้อผ้าของเด็กๆ ต่างดีขึ้นเรื่อยๆ เซียวยวี่น่าจะคาดเดาได้ว่านั่นมาจากเงินที่นางหาได้ แต่เขาไม่เคยถาม แม้แต่ของรางวัลที่ได้จากการจับหัวขโมยครั้งก่อน เขาก็ไม่ดูด้วยซ้ำ
เซียวยวี่มีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเองเป็นอย่างมาก
บัดนี้ในมือเขาไม่มีทรัพย์สินใดๆ ของกินของใช้และเสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนเป็นของที่เซี่ยยวี่หลัวเตรียมให้ เช่นนี้จะให้เขายอมรับได้อย่างไร?
ดังนั้น เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าบอกตามตรงว่านางมีเงิน เพียงแต่ คิดมานานหลายวันก็ยังไม่รู้ว่าควรเกลี้ยกล่อมเซียวยวี่ไม่ให้ไปในทำงานในแปลงนาอย่างไร
ระหว่างที่กำลังโมโหคุกรุ่น จู่ๆ นางก็ลุกขึ้น กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แม้แต่หมวกก็ไม่ได้สวม เตรียมน้ำเสร็จจึงหยิบจอบอีกอันหนึ่งไปในแปลงนาทันที
เห็นเซียวยวี่กำลังเหวี่ยงจอบบุกเบิกพื้นที่รกร้างแต่ไกล
เซี่ยยวี่หลัวมองจากระยะไกลครู่หนึ่ง เงาแผ่นหลังที่สูงโปร่งดูดีนั่น ยามถือตำราดูดีประหนึ่งคุณชายผู้งามสง่า แม้แต่ยามถือจอบ ก็ดูสง่าสุนทรีย์
เดินเข้าไปยืนใกล้ๆ มองอีกครู่หนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวจึงลงไปในผืนนาโดยไม่ส่งเสียงใดๆ พรวนดินอยู่ด้านหลังเซียวยวี่
นางพลิกปรับหน้าดินที่เซียวยวี่พรวนไว้อีกรอบหนึ่ง เช่นนี้ดินจะเรียบยิ่งขึ้น
คนหนึ่งขุดอยู่ด้านหน้า อีกคนปรับหน้าดินอยู่ด้านหลัง
คนหนึ่งไม่ทันรู้ตัวว่าด้านหลังมีคนตามอยู่ อีกคนหนึ่งไม่ส่งเสียงด้วยความขุ่นเคือง ขุดที่หนึ่งร่องจนจะถึงปลายด้านหนึ่งแล้ว เซียวยวี่หันกลับมา เพิ่งเห็นเงาร่างบอบบางร่างหนึ่ง ยืนเหวี่ยงจอบอยู่ข้างหลังตัวเอง
“อาหลัว…” เซียวยวี่ทั้งตื่นเต้นทั้งเป็นห่วง “เจ้ามาได้อย่างไร? ”
ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ใช่ช่วงเที่ยง แสงแดดไม่ได้ร้อนแผดเผาถึงเพียงนั้น แต่เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้สวมอะไรมาเลย ใบหน้าถูกแดดเผาจนแดงก่ำ
เซียวยวี่รู้สึกปวดใจจนแทบทนไม่ไหว หยิบหมวกฟางของตัวเองลงมาสวมไว้บนศีรษะเซี่ยยวี่หลัว ก่อนดึงนางไปยังใต้ต้นไม้เพื่อหลบแดด “เจ้ามาได้อย่างไร? ”
เซี่ยยวี่หลัวเช็ดเหงื่อทีหนึ่ง ยื่นส่งน้ำให้เซียวยวี่พร้อมแย้มรอยยิ้มพราว “เจ้าจะมาทำงานในแปลงนา ข้าจะไม่มาได้อย่างไร? สามีทำอะไรภรรยาย่อมต้องทำตาม ต่อไปเจ้าไปที่ไหน ข้าก็จะตามเจ้าไปที่นั่น ต่อไปเจ้าจะทำอะไร ข้าก็จะทำตาม! ”
นี่เป็นวิธีที่นางนึกขึ้นได้กะทันหัน เซียวยวี่อยากทำงานในไร่นาไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นนางก็จะตามไป ลองดูว่าสภาพนางที่ตากแดดเหนื่อยจนเหงื่อท่วมหลัง เซียวยวี่จะเห็นใจหรือไม่
นี่คือสิ่งที่นางคิดได้ ใช้ตัวเองไปเดิมพันกับความเห็นใจของเซียวยวี่
เซียวยวี่จะไม่เห็นใจได้อย่างไร เมื่อเห็นใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวที่ขาวเนียนมาตลอดถูกแดดเผาจนแดงก่ำ จะไม่เห็นใจได้อย่างไร เขาปวดใจแทบตายแล้ว
“เจ้าช่างโง่นัก! ” เซียวยวี่ฟังวาจาของเซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกใจอ่อนยวบ เขารับน้ำมา ไม่ได้ดื่ม หลังจากเปิดแล้วจึงยื่นส่งให้เซี่ยยวี่หลัว “เจ้าดื่มก่อน”
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “ไม่ เจ้าดื่มก่อนเถอะ! ” เขาเหนื่อยกว่า และกระหายกว่า
เซียวยวี่มองดูเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ตรงหน้า นางเงยหน้ามองเขา ภายในดวงตาใสสะอาดของนาง มีภาพสะท้อนของเขา ในนั้นเต็มไปด้วยความสงสารเห็นใจ
เซียวยวี่ปวดใจจนขมวดคิ้วมุ่น เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เช่นนั้นพวกเราดื่มด้วยกัน” ก่อนแหงนหน้าดื่มน้ำหนึ่งคำ
“อะไรนะ? ” เซี่ยยวี่หลัวฟังไม่เข้าใจ สองคนจะดื่มน้ำหนึ่งถุงพร้อมกันได้อย่างไร เพิ่งเอ่ยถาม คางของนางก็ถูกเซียวยวี่ประคองไว้
จุมพิตประทับลงมา เซียวยวี่ป้อนน้ำที่ตัวเองเพิ่งดื่มเข้าไปในปากเซี่ยยวี่หลัว
น้ำนั่นไหลลงไปผ่านลำคอ ความร้อนถูกน้ำที่ไหลเข้ามาชะล้างจนหายไปในชั่วพริบตา มีเพียงกลิ่นหอมหวานที่หลงเหลือ ใบหน้าแดงก่ำ
เซี่ยยวี่หลัวอายจนหน้าแดงถึงใบหู ที่แท้นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าดื่มด้วยกัน
“จะดื่มอีกหรือไม่? ” เซียวยวี่น้ำเสียงแหบพร่า
ต่อให้เซี่ยยวี่หลัวอยาก มีหรือจะกล้า
กลางวันแสกๆ ใช่ว่าไม่มีคนเสียเมื่อไร