ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 321 เจ้าปรารถนาในร่างกายของเขา
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 11 บทที่ 321 เจ้าปรารถนาในร่างกายของเขา
แววตาของเซียวยวี่แทบมีเปลวเพลิงลุกโชน
ส่วนนั้นอึดอัดจนแม้แต่ตอนเดินยังลำบาก ไม่ง่ายเลยกว่าจะสะกดเปลวเพลิงในใจ ต้มบะหมี่ให้นางหนึ่งชาม เพื่อไม่ให้เซี่ยยวี่หลัวเห็นความผิดปกติของเขา เซียวยวี่ได้แต่นั่งอยู่ห่างๆ ใช้ผ้านวมปกปิดความผิดปกติของร่างกายเอาไว้ แต่สายตาน้อยเนื้อต่ำใจที่เซี่ยยวี่หลัวส่งมาเป็นครั้งคราว กลับกระตุ้นให้เพลิงปรารถนาที่เซียวยวี่พยายามสะกดไว้ตลอดลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
ประหนึ่งราดน้ำมันบนกองไฟ เพลิงปรารถนาที่เพิ่งดับจนเหลือประกายไฟเพียงเล็กน้อย กลับลุกโชนโหมไหม้ราวกับสามารถถล่มฟ้าทลายดินได้
เซี่ยยวี่หลัวกำลังกินบะหมี่ตรงหน้า ไม่ทันสังเกตเลยว่า ตัวเองก็ตกเป็นเป้าหมายที่อีกคนหนึ่งอยากฉีกทึ้งกินลงท้องไปเสีย
มองไม่ได้จริงๆ ยิ่งมองยิ่งเหมือนไฟลามทุ่ง
เซียวยวี่ใช้ผ้านวมห่อตัว ถอยหลังไปอีกสองก้าว
เซี่ยยวี่หลัวสัมผัสได้ กินบะหมี่ไปหนึ่งคำ ได้แต่กลืนลมหายใจที่จะทอดถอนใจออกมากลับเข้าไปอีกครั้ง จบกัน…
กินยาไปสองชุด เซี่ยยวี่หลัวดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
สามารถลงจากเตียงเดินไปเดินมาได้แล้ว ทุกคนกินอาหารเช้าพร้อมกันที่ห้องโถง
เซียวยวี่เห็นว่านางหายแล้ว จึงผ่อนลมหายใจยาวทีหนึ่ง
เซียวจื่อเซวียนมองรอยแผลบนจมูกพี่ใหญ่ด้วยความประหลาดใจ ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ จมูกของท่านเป็นอะไรไปขอรับ? ”
เซียวจื่อเมิ่งก็มองอย่างตั้งอกตั้งใจ หลังจากมองแล้ว จึงกล่าวด้วยท่าทีสงสัย “พี่ใหญ่ นี่เป็นรอยฟันนี่เจ้าคะ ใครกัดหรือเจ้าคะ? ”
เซี่ยยวี่หลัวแทบอยากมุดหน้าลงไปในชาม
เซียวยวี่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ยกชามขึ้นกินข้าวหนึ่งคำ “ข้ากัดเอง! ”
ใบหน้าเซี่ยยวี่หลัวขึ้นสีแดงอีกครั้ง
เมื่อครู่นางมองดูแล้ว เป็นรอยฟันที่เห็นอย่างชัดเจน ฟันของนางดีเกินไปแล้วกระมัง หวนคิดถึงเรื่องที่เมื่อคืนนางบอกว่าตัวเองหิว เซี่ยยวี่หลัวแอบตั้งฉายาให้ตัวเองว่า คนบ้ากาม
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งต่างอ้าปาก คิดอยากลองกัดจมูกตัวเอง
แต่ลองอยู่นาน อย่าว่าแต่ฟันเลย แม้แต่ลิ้นยังไม่อาจแตะโดนจมูก
ทั้งสองคนมองพี่ใหญ่ด้วยท่าทีฉงนสงสัย รู้สึกประหลาดใจเสียยิ่งกว่าอะไร ฟันของพี่ใหญ่เก่งกาจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? สามารถกัดจมูกตัวเองได้ด้วย!
น่าแปลก น่าแปลก ช่างน่าแปลกเสียจริง!
ช่วงสองวันนี้โจวซื่อก็เก็บเกี่ยวถั่วอยู่ในแปลงนา เซียวซานรับผิดชอบหาบถั่วกลับบ้าน สองแม่ลูกไม่ได้ให้ผู้ใดมาช่วย พยายามกัดฟันทนทำงานกันเพียงสองคน
กลางวันเก็บเกี่ยวต้นถั่ว กลางคืนเด็ดถั่วอยู่ที่บ้าน สองแม่ลูกขยันขันแข็ง หลังจากทำงานมาหนึ่งวัน ก็เก็บถั่วมาได้สองตะกร้า
โจวซื่อรู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร คิดจะพยายามให้มากขึ้น เก็บเกี่ยวถั่วในแปลงมาให้หมดเพื่อนำไปขาย
บ้านไหนเก็บเกี่ยวต้นถั่ว ขอเพียงไปในแปลงทุกคนก็จะเห็น เมื่อเห็นแปลงนาของบ้านโจวซื่อก็ใกล้ถูกเก็บเกี่ยวจนหมด ทุกคนต่างก็รู้สึกสงสัย
เซียวยวี่ไม่รู้ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวเร็วเกินไปก็พอเข้าใจ แต่โจวซื่อปลูกถั่วมาสิบกว่าปีแล้ว จะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!
เมื่อเห็นสองแม่ลูกไปเก็บเกี่ยวถั่วในแปลงอีกครั้ง ทุกคนต่างก็เข้ามารุมล้อมเพื่อถามสาเหตุ
โจวซื่อรู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวจะรับซื้อถั่วจากคนทั้งหมู่บ้าน จึงไม่ได้ปิดบังอะไร บอกเรื่องที่เซี่ยยวี่หลัวขายถั่วแระได้จินละสี่อีแปะให้ทุกคนฟัง
“เจ้าว่าอะไรนะ? แม่เซียวซาน ข้าไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง ถั่วที่ยังชื้นแฉะนี่ขายพร้อมกับฝักถั่ว ขายได้จินละสี่อีแปะ? เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าพูดเรื่องจริง? ” ยังมีคนไม่อยากจะเชื่อ ใครจะทำการค้าที่ขาดทุน ถั่วฝักสดเช่นนี้รับซื้อไปจะเอาไปทำอะไรได้
โจวซื่อพยักหน้าด้วยความดีใจ “มีสิ มีสิ พวกเจ้าไม่เห็นหรือ ว่าถั่วบ้านเซียวยวี่ก็เก็บหมดแล้ว? ถั่วบ้านพวกเขาขายออกไปหมดแล้ว ข้าจึงบอกกับยวี่หลัว ให้ช่วยรับของบ้านข้าด้วย นางจึงให้ข้าเก็บเกี่ยว บอกว่าอีกสองวันจะมีคนมารับไป”
“มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือ? ทำไมถึงไม่เคยได้ยินภรรยาเซียวยวี่พูดถึงมาก่อน? ”
“เหมือนว่านางจะป่วย” ข้างๆ มีคนกล่าว
“ป่วยหรือ? ป่วยได้อย่างไร? ” โจวซื่อได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวป่วย ก็เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
“เมื่อวานในแปลงนา เหมือนว่านางจะตกใจกลัวงูจนหมดสติไป” มีคนเห็นเข้า จึงหัวเราะพลางกล่าว คนรอบข้างต่างก็พากันหัวเราะครืนใหญ่
สมกับเป็นคุณหนูผู้ดีจริงๆ
โจวซื่อโยนเคียวและตะกร้าทิ้งไว้ก่อนวิ่งไปยังบ้านเซี่ยยวี่หลัว ด้านหลังยังมีคนตามมาด้วยไม่น้อย ต่างก็ตามไปด้วย พวกเขาก็คิดจะไปหาเซี่ยยวี่หลัว พวกเขาเองก็อยากขายถั่ว
เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวกำลังพักผ่อน เด็กสองคนกำลังฝึกเขียนหนังสือในห้องของเซียวยวี่ เซียวยวี่ถูกเซี่ยยวี่หลัวบังคับให้อ่านตำราอยู่ที่บ้าน มือของเขายังไม่หาย หากไปทำงานในไร่นา ถ้าบาดแผลติดเชื้อจนอักเสบย่อมไม่ใช่เรื่องเล่น
เซียวยวี่เองก็กลัวว่าเด็กสองคนจะดูแลเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ จึงอยู่บ้านอ่านตำราอย่างว่าง่าย
เพียงแต่ อ่านตัวอักษรในตำราได้ไม่มากนัก
ใช่ว่าไม่ยินยอมจะอ่าน เพียงแต่ไม่มีแก่ใจจะอ่าน
เขารู้แก่ใจว่าคราวนี้โอกาสที่จะสอบผ่านนั้นแสนริบหรี่ แต่ก็ไม่อยากให้ข้อตกลงระหว่างเขาและเซี่ยยวี่หลัวเกิดผล
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะขยันเรียนการเกษตร ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องหาเลี้ยงครอบครัวให้ได้ ต่อให้เขาต้องทำไร่ไถนา ก็ต้องให้พวกเขามีกินมีอยู่
รอให้แผลบนมือหายแล้ว นอกจากจะปลูกพืชผล เขายังคิดจะไปบุกเบิกพื้นที่รกร้างอีกส่วนหนึ่ง เพื่อปลูกพืชผลเพิ่มขึ้น
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังมาจากด้านนอก “ยวี่หลัว ยวี่หลัว…”
เป็นเสียงของโจวซื่อ
เซียวยวี่รีบไปเปิดประตูก่อน ด้วยเกรงว่าเสียงจากด้านนอกจะรบกวนเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังหลับสนิทอยู่ด้านใน
พอเปิดประตู ก็เห็นว่ามีคนอยู่หน้าประตูเจ็ดถึงแปดคน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านป้าโจว นี่พวกท่าน…”
โจวซื่อเห็นเซียวยวี่ กลับรู้สึกตกใจสะดุ้ง ได้แต่กลืนประโยคที่กำลังจะถามว่าเจ้าเป็นอะไรไปกลับเข้าไป
บนจมูกมีรอยฟัน จะเป็นอะไรได้?
คงไม่ใช่ตัวเองกัดเอง หากไม่ใช่ตัวเองกัด เช่นนั้นเป็นผู้ใดกัด เรื่องนี้ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
เรื่องลับในห้องระหว่างสองสามีภรรยา นางจะสนใจใคร่รู้ไปทำไม
“อายวี่ ได้ยินว่ายวี่หลัวล้มป่วย ข้ามาเยี่ยมนาง! ” โจวซื่อกล่าวด้วยความร้อนใจ “เหตุใดอยู่ๆ ถึงถูกงูทำให้ตกใจจนล้มป่วยได้เล่า? ”
เซียวยวี่ไม่คิดจะปล่อยให้คนเข้าไปรบกวนเซี่ยยวี่หลัว จึงกล่าว “ท่านป้าโจวช้าก่อน อาหลัวกำลังพักผ่อน” เสียงของเขาเบามาก ราวกับไม่อยากรบกวนเซี่ยยวี่หลัว
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวกำลังนอนอยู่ โจวซื่อจึงเอ่ยถามด้วยอาการร้อนใจ “ภรรยาเจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? ”
“กินยาไปสองชุด ดีขึ้นมากแล้วขอรับ ท่านป้าโจวไม่ต้องเป็นห่วง”
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน งูเพ่นพ่านไปทั่ว อย่าให้ภรรยาเจ้าไปในแปลงนาอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเจองูเข้าอาจตกใจอีก” โจวซื่อกล่าวเตือน
เซียวยวี่พยักหน้าพลางกล่าวตอบ เดิมทีเขาเองก็ไม่เคยคิดจะให้เซี่ยยวี่หลัวไปในไร่นาอยู่แล้ว
เมื่อชาวบ้านห้าถึงหกคนด้านหลังเห็นพวกเขาคุยเสร็จแล้ว จึงเริ่มกล่าว “อายวี่ ได้ยินว่าถั่วฝักสดบ้านเจ้าสามารถขายทั้งฝักได้จินละสี่อีแปะหรือ พวกเราก็อยากขาย เจ้าคิดว่าจะได้หรือไม่…”
หมู่บ้านสกุลเซียวปลูกถั่วแระแทบทุกบ้าน หากทุกบ้านล้วนเก็บเกี่ยวพร้อมกัน เกรงว่าเซียนจวีโหลวคงรับซื้อวัตถุดิบมากถึงเพียงนั้นไม่ได้
รับมากเกินไปอีกฝ่ายซื้อไม่ไหว ปล่อยทิ้งไว้ในบ้านก็จะเน่าเสีย มิสู้ปล่อยทิ้งไว้ในแปลง รอให้สุกแล้วยังสามารถขายเป็นถั่วเหลืองได้
เซียวยวี่นิ่งเงียบครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ปริมาณที่เซียนจวีโหลวต้องใช้ในแต่ละวัน ได้แต่รอให้คนของเซียนจวีโหลวมาในวันพรุ่งนี้ ถึงจะรู้ว่าแต่ละวันต้องการเท่าใด ทุกท่านอย่าเพิ่งใจร้อน รอให้ถึงพรุ่งนี้ ต้องการวันละเท่าใด ข้าก็จะบอกกับทุกคน ถึงเวลาเซียนจวีโหลวต้องการกี่จิน หากหมู่บ้านของเรามีคนอยากขาย ทุกบ้านก็แบ่งมาขายส่วนหนึ่ง”
ถึงเวลาก็แบ่งเฉลี่ยให้บ้านที่มีการปลูกถั่ว นำมาขายคนละเล็กน้อย จะได้ไม่กระทบกับการค้าของเซียนจวีโหลว และทำให้ทุกคนหาเงินได้
เมื่อเห็นเซียวยวี่ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง ชาวบ้านต่างกล่าวขอบคุณก่อนกลับไป
ยังมีคนหันกลับมามองดูจมูกของเซียวยวี่ ก่อนแย้มรอยยิ้มแฝงความนัยลึกซึ้ง
ภรรยาเซียวยวี่เกิดปีสุนัขกระมัง?
เหตุใดถึงกัดจมูกของเซียวยวี่จนมีสภาพเช่นนี้
มองจนเซียวยวี่คลำจมูกตัวเองอย่างอดไม่ได้