ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 313 เซี่ยยวี่หลัว เจ้าเป็นภรรยาของข้า
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 11 บทที่ 313 เซี่ยยวี่หลัว เจ้าเป็นภรรยาของข้า
“ข้าเพียงแค่รู้สึกว่า อย่างนี้ไม่ค่อยสะอาดนัก” เซี่ยยวี่หลัวยอมอ่อนข้อ
ของที่คนอื่นเคยกินแล้ว ตัวเองมากินต่อ ภายในใจย่อมมีความรู้สึกไม่ชอบใจไม่ใช่หรือ
นางไม่ได้รู้สึกรังเกียจ เพียงแค่รู้สึกว่าควรใส่ใจสุขอนามัย ท่านราชบัณฑิตน้อยเป็นโรครักสะอาด ไม่มีทางไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้ — สกปรกมาก
สุดท้ายก็รังเกียจที่จะใช้ของที่เขาเคยใช้แล้ว!
เพียงแต่ ระหว่างสามีภรรยา ควรจะรักใคร่ลึกซึ้งหลอมรวมเป็นหนึ่ง ใกล้ชิดประหนึ่งเป็นคนเดียวกันไม่ใช่หรือ?
ความรักระหว่างสามีภรรยา ที่แท้นางมองว่าเป็นสิ่งสกปรก
เซียวยวี่ก้มหน้าขมวดคิ้วมุ่น เขาเงยหน้าก่อนกล่าว “ข้าหยอกเจ้าเล่น ข้าล้างชามสะอาดแล้ว กินข้าวเถอะ ข้าวจะเย็นแล้ว”
เซี่ยยวี่หลัว ฮะฮะ
หยอกข้าเล่น?
ท่านราชบัณฑิตน้อยที่เจนจัดหนักแน่น ล้อเล่นเป็นด้วย?
เซียวยวี่เงยหน้ามองนางเป็นครั้งคราว เห็นนางท่าทางเหม่อลอย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
คนอื่น?
เซี่ยยวี่หลัว เจ้าเป็นภรรยาของข้า!
ดวงตามืดหม่นของเขาลู่ลง ภายในใจคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิม
ประโยคสุดท้ายนั่น เขาไม่กล้ากล่าวออกมา และรู้ว่าต่อให้เขากล่าวออกมา เซี่ยยวี่หลัวก็จะพูดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไป
หลังจากกินอาหารเย็น คนทั้งบ้านลงมือพร้อมกัน รวมโจวซื่อและเซียวซาน ทั้งหมดหกคน ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามก็เด็ดถั่วแระเสร็จทั้งหมด ได้ห้าตะกร้าเต็ม ตะกร้าใหญ่หนึ่งใบมีห้าสิบกว่าจิน ตะกร้าห้าใบรวมทั้งหมดสองร้อยห้าสิบกว่าจินเลยทีเดียว!
เพื่อเป็นการขอบคุณโจวซื่อ เซี่ยยวี่หลัวนำเงินออกมายี่สิบอีแปะ ยื่นให้โจวซื่อ “ท่านป้า วันนี้ขอบคุณท่านมาก หากไม่ได้ท่านกับเซียวซานช่วย ถั่วในแปลงนาของข้า วันนี้คงเก็บเกี่ยวไม่ได้ทั้งหมด”
โจวซื่อโบกมือ “ขอบคุณอะไรกัน เจ้าให้ข้ามาช่วย นั่นเพราะเชื่อใจข้า! ”
“นี่เป็นค่าแรงของท่านในวันนี้ ท่านรับไว้เถอะเจ้าค่ะ” เซี่ยยวี่หลัวยื่นส่งเงินให้
โจวซื่อมองครู่หนึ่ง ท่าทางลังเล ไม่ได้รับไว้ เหมือนมีอะไรจะกล่าว
เซี่ยยวี่หลัวพบว่าท่าทีของโจวซื่อแปลกไป จึงเอ่ยถาม “ท่านป้า ท่านมีเรื่องอะไรใช่หรือไม่? ”
โจวซื่อกัดฟันทีหนึ่ง ก่อนบอกความคิดของตัวเอง “ยวี่หลัว ข้ามีเรื่องอยากปรึกษากับเจ้า”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “ท่านป้า ท่านมีอะไรก็พูดมาได้เลยเจ้าค่ะ”
“ข้าเก็บเกี่ยวถั่วไปขายเหมือนเจ้าได้หรือไม่? คนที่รับซื้อถั่วจากเจ้า เขายังรับอยู่หรือไม่? ” โจวซื่อคิดมาครึ่งค่อนวัน รู้สึกว่านี่เป็นการค้าที่หาเงินได้มากกว่าการขายถั่วเหลือง ถั่วแระนั้นขายทั้งฝัก ทั้งยังมีความชื้น น้ำหนักมากกว่าถั่วเหลืองที่ตากแห้งแล้วเสียอีก
นอกจากนั้น ถั่วเหลืองยังต้องนำไปตาก ต้องเสียเวลามากกว่าขายถั่วแระ ขายถั่วแระได้เงินมากกว่าด้วย
โจวซื่อไม่ต้องไตร่ตรองด้วยซ้ำ นางคิดอยากขายเหมือนเซี่ยยวี่หลัว
วันนี้เซี่ยยวี่หลัวยุ่งอยู่กับงานในบ้านตัวเอง ยังไม่ได้บอกกับชาวบ้านในหมู่บ้าน ในเมื่อโจวซื่อเอ่ยขึ้นก่อน นางจึงกล่าวทันที “ได้เจ้าค่ะ คนผู้นั้นต้องการรับซื้อปริมาณมาก ข้ากำลังคิดจะคุยกับพวกท่านอยู่พอดี! ท่านเริ่มเก็บเกี่ยวตั้งแต่พรุ่งนี้ จัดการตระเตรียมเหมือนกับข้า ข้าให้ท่านจินละสี่อีแปะ”
โจวซื่อรู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก “ได้ได้ได้ ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ข้าจะไปเก็บเกี่ยวต้นถั่ว”
เซี่ยยวี่หลัวนำเงินใส่มือโจวซื่อ โจวซื่อกลับยืนกรานจะไม่เอา สุดท้ายเซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยอารมณ์โมโหเล็กน้อย “ท่านป้า ตกลงกันไว้แล้ว ท่านมาช่วยข้าทำงาน ให้เงินยี่สิบอีแปะ หากท่านไม่รับไว้ ต่อไปข้าคงไม่กล้าให้ท่านช่วยอีกแล้วเจ้าค่ะ”
โจวซื่อจนใจ รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวเพียงแสร้งทำโมโห ได้แต่รับไว้ “ยวี่หลัว เจ้าช่างเป็นสตรีที่ดีนัก ป้าขอบคุณเจ้ามาก”
ส่งสองแม่ลูกโจวซื่อออกไปแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงปิดประตู พอหันกลับมา เหมือนจะสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเพ่งมองตัวเอง นางหันมองไป เซียวยวี่ยืนอยู่ใต้ชายคา กำลังมองนางด้วยอาการเหม่อลอย
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม จากนั้นจึงสาวเท้าก้าวใหญ่เดินกลับห้องไป
มองจากใบหน้าด้านข้างของนาง คิ้วงามขมวดมุ่น เห็นได้ชัดว่ารู้สึกรำคาญ
บนกายเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นหืน รีบอาบน้ำเร็วหน่อยดีกว่า นางเองจะรังเกียจตัวเองอยู่แล้ว
เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวกลับเข้าห้องไป เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม เห็นแสงไฟในห้องนางสว่าง เสียงหัวเราะดีใจของอาเมิ่งดังแว่วมา คิ้วของเซียวยวี่ที่ขมวดมุ่นก็ขมวดหนักยิ่งขึ้นอีก
เขารู้สึกกลัวยิ่งนัก
อีกไม่กี่วันก็จะประกาศผลแล้ว เขารู้ว่าคราวนี้เขาต้องสอบไม่ผ่านแน่ แต่เขากลับยังคงคาดหวัง คาดหวังให้ชื่อตัวเองอยู่ในใบประกาศผลสอบผ่าน คาดหวังว่าตัวเองจะทำให้นางสมความปรารถนา
เช่นนั้น เขาก็สามารถขอหนังสือหย่าที่เคยเขียนให้นางคืนมาได้อย่างเปิดเผย เมื่อเซี่ยยวี่หลัวมีความหวัง ไม่แน่ว่านางคงไม่ไปอีก
มนุษย์นั้นมีใจละโมบ ละโมบจนตอนนี้เขาอยากได้ทุกสิ่ง!
อยากประสบความสำเร็จ ทั้งยังอยากได้หญิงงามมาไว้ในอ้อมอก
แต่นางรังเกียจไม่ชอบให้เขาเข้าใกล้
เซี่ยยวี่หลัวเคยกล่าวไว้ ว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งกับคนที่ทำงานคลุกดินโคลน
ยามเขามีกลิ่นเหม็นเหงื่อทั่วกาย เบื้องลึกแววตานางฉายประกายรังเกียจ ยามนางนึกว่านางใช้ชามที่เขาเคยใช้แล้ว ความตกตะลึงเบื้องลึกแววตา ก็บ่งบอกถึงความรังเกียจของนางเช่นกัน
แม้แต่ตอนกินข้าว นางเอ่ยเรียกชื่อของทุกคน กลับไม่เรียกเขาสักคำ
เซียวยวี่ยิ้มขมด้วยความจนใจ
เขาควรรู้อยู่แล้วว่านางเป็นคนเช่นนี้ เมื่อก่อนไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้…
ตอนนี้เป็นช่วงสิ้นเดือนห้าแล้ว ดวงจันทร์ขาวผ่อง ธารดาราทอประกายแสงสว่างพร่างพราย ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดตรงขอบฟ้าทอแสงระยิบระยับ กลับไม่อาจส่องหนทางอนาคตของเซียวยวี่ให้สว่างได้เลย
เซี่ยยวี่หลัวอาบน้ำเสร็จ รู้สึกสบายไปทั้งตัว
นอนอยู่บนเตียง เด็กน้อยข้างๆ นอนจนส่งเสียงกรนนานแล้ว เซี่ยยวี่หลัวใช้มือค้ำศีรษะขณะมองเซียวจื่อเมิ่ง ยื่นนิ้วชี้ออกไป แต้มไปตรงปลายจมูกของนาง ก่อนตวัดริมฝีปากแย้มรอยยิ้มบาง
วันนี้เซียวยวี่ไปทำงานในแปลงนา เกรงว่าคงเหนื่อยแย่แล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาพักผ่อนหรือยัง ด้วยอุปนิสัยของเซียวยวี่ที่เห็นตำราสำคัญประหนึ่งชีวิต วันนี้เสียเวลาไปกับการทำเกษตรทั้งวัน ไม่ได้อ่านตำราแม้แต่หน้าเดียว เขาคงไม่คิดจะจุดตะเกียงอ่านยามค่ำคืนกระมัง?
เซี่ยยวี่หลัวเกรงว่าเซียวยวี่จะมุ่งมั่นกับการอ่านตำราจนเสียสุขภาพ พอคิดดังนั้นจึงลุกขึ้น เห็นไฟในห้องของเซียวยวี่ยังสว่างอยู่ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกไม่อาจทนดูดาย ครุ่นคิดอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะไปเตือนท่านราชบัณฑิตน้อย
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง การพักผ่อนนั้นสำคัญยิ่ง
จะปล่อยให้เสียสุขภาพเพื่อการร่ำเรียนไม่ได้
เซี่ยยวี่หลัวคิดได้ดังนี้ จึงสาวเท้าก้าวเดินออกจากห้อง เพิ่งเดินถึงหน้าประตู ประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็เปิดออกดัง “แกร่ก”
เซียวยวี่สวมใส่เสื้อผ้าชั้นในสีขาวผ่องดุจหิมะ เส้นผมยาวสีดำสนิทดุจน้ำหมึกปล่อยสยายอยู่ด้านหลัง ยังเปียกชุ่มอยู่ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งอาบน้ำ
ตอนบ่ายเขาอาบน้ำแล้วไม่ใช่หรือ?
เหตุใดถึงอาบอีกรอบ?
เป็นโรครักสะอาดจริงด้วย!
เซี่ยยวี่หลัวชิงพูดก่อน ทั้งคู่อยู่ค่อนข้างห่าง “คือ เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน พักผ่อนเสร็จแล้วพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาอ่านตำราก็เหมือนกัน”
วันนี้เซียวยวี่เป็นคนที่งานยุ่งที่สุดในบ้าน ตอนนี้ทุกคนจะนอนแล้ว เขายังจะอ่านตำรา ทั้งงานยุ่งและลำบากที่สุดจริงๆ
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง “เจ้าก็รีบพักผ่อน”
เซี่ยยวี่หลัวหันตัวจะกลับเข้าห้อง
“ช้าก่อน…” จู่ๆ เซียวยวี่ก็เรียกให้นางหยุด “เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไร? ”