ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 10 บทที่ 298 ปลาตัวใหญ่ติดเบ็ดแล้ว
เซียวหยวนหิ้วของหนึ่งตะกร้า หลังจากเข้าหมู่บ้านก็มุ่งตรงไปยังบ้านเซียวหมิงจู
ท่านป้าสี่ยังอยู่ที่บ้าน เห็นเซียวหยวนหิ้วของจำนวนมากมาหา ก็กล่าวเป็นเชิงตำหนิ “เจ้ามากินข้าวก็มาสิ จะซื้อของมากมายขนาดนี้ทำไม? ”
ในตะกร้ามีเนื้อหมูและไก่ ทั้งยังมีขนมอีกหลายห่อ ถึงแม้ท่านป้าสี่จะกล่าวตำหนิ แต่ภายในใจกลับรู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร หิ้วตะกร้ายิ้มจนตาหยี
เซียวหยวนเด็กคนนี้ รู้จักเอาอกเอาใจคนอื่น เรียกเขามากินข้าว ยังมักจะหิ้วอาหารมาหนึ่งตะกร้า อาหารก็เป็นของดี ถ้าไม่ใช่เนื้อหมูก็เป็นไข่ และมักจะมีขนม
อีกฝ่ายเอาใจใส่ครอบครัวตัวเองยิ่งนัก
เหมือนแม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ
“หมิงจูอยู่ในห้อง เจ้าเข้าไปนั่งเป็นเพื่อนนางก่อน ป้าสี่ทำอาหารเสร็จแล้วค่อยไปเรียกพวกเจ้า” ท่านป้าสี่หิ้วตะกร้าเข้าห้องครัวไป
เซียวหยวนจัดเสื้อผ้าทีหนึ่ง ก่อนเคาะประตู
เซียวหมิงจูกำลังนั่งร่ำไห้เพียงลำพังอยู่ภายในห้อง นึกว่าเป็นมารดาของตัวเอง รีบเก็บเสื้อสีเทาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาอย่างลุกลี้ลุกลน เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า หยิบเข็มขึ้นมาอีกครั้ง แสร้งทำทีเป็นกำลังปักผ้าเช็ดหน้า “เข้ามาได้”
เซียวหยวนเข้าไปในห้อง
เซียวหมิงจูเงยหน้าขึ้น พอเห็นคนที่มา หยาดน้ำตาที่ฝืนสะกดไว้พลันไหลรินออกมาราวน้ำที่ไหลทะลัก “พี่อาหยวน…”
“หมิงจู…” เห็นสตรีผู้งดงามตรงหน้าหลั่งน้ำตาอีกครั้ง เซียวหยวนรู้สึกสงสารยิ่งนัก แทบอยากเข้าไปโอบกอดนางไว้ในอ้อมอก ปลอบโยนดีๆ แต่เขาไม่ได้เคลื่อนไหว แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนไร้ที่สิ้นสุด น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยความรักลึกซึ้ง อ่อนโยนราวกับจะมีน้ำหยดออกมา
กลับยังคงมีมารยาท ไม่กระทำการล่วงเกินแม้แต่น้อย
เซียวหมิงจูร่ำไห้สะอึกสะอื้น ร่ำไห้ด้วยความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซียวหยวนเห็นนางร้องไห้ ย่อมคาดเดาสาเหตุที่นางร้องไห้ได้ทันที
แววตาเซียวหยวนฉายประกายเบื่อหน่ายและรังเกียจแวบหนึ่ง ก่อนหายไปอย่างรวดเร็ว แววตาที่เมื่อครู่ยังฉายประกายเบื่อหน่าย บัดนี้กลับดูอ่อนโยนดุจสายน้ำ “หมิงจู ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง! พอเจ้าร้องไห้ หัวใจของข้าก็แทบแตกสลาย”
เซียวหยวนจ้องมองเซียวหมิงจูราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ยิ่งเห็นใจ ยิ่งสงสาร เซียวหมิงจูก็ยิ่งรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ
“พี่อาหยวน ทำไมเขาถึงไม่ชอบข้า? ข้าชอบเขาถึงเพียงนั้น” เซียวหมิงจูร่ำไห้พลางระบายความในใจ “หากเขาเห็นใจข้าได้สักกึ่งหนึ่งของท่าน ต่อให้ข้าต้องตายตรงหน้าเขา ข้าก็รู้สึกว่าคุ้มแล้ว! ”
ใบหน้าของเซียวหยวนที่ดูแสนจะธรรมดาทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย ก่อนจะผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว แสดงท่าทางอ่อนโยนดุจสายน้ำอยู่ตลอดเวลา “หมิงจู เจ้าดีถึงเพียงนี้ เขาจะเข้าใจเอง เขาเข้าใจแน่”
“เขาจะเข้าใจหรือ? ข้าจริงใจต่อเขา กลับไม่อาจเทียบกับเซี่ยยวี่หลัวในช่วงไม่กี่เดือนนี้! ” เซียวหมิงจูยิ้มอย่างเย็นเยียบพร้อมกล่าว “เขามีคนอื่น ก็ไม่เคยนึกถึงข้าอีกเลย”
เซียวหยวนเอื้อมมือไป คิดจะโอบกอดเซียวหมิงจู แต่ก็ไม่กล้า จึงชักมือกลับ ราวกับตัดสินใจบางอย่างเด็ดขาด “หมิงจู เจ้าชอบเซียวยวี่ถึงเพียงนั้น ขอเพียงเซี่ยยวี่หลัวไม่อยู่ข้างกายเขา เซียวยวี่จะไม่มองเจ้าเชียวหรือ? เจ้าว่าจริงหรือไม่? ”
แม้ฟังดูเหมือนเป็นเพียงการพูดหยอกล้อ แต่หลังจากเซียวหมิงจูได้ฟังกลับหยุดร้องไห้ หันคอที่แข็งทื่อมองไปทางเซียวหยวน “พี่อาหยวน ท่านว่าอะไรนะ? ”
เซียวหยวนกัดริมฝีปาก ทำท่าทางอ่อนใจ “ขอเพียงเซี่ยยวี่หลัวไปจากเซียวยวี่ พวกเขาไม่อยู่ด้วยกันแล้ว ข้างกายเซียวยวี่เหลือเพียงเจ้า เขาย่อมต้องหันมองเจ้า ถูกต้องหรือไม่? ”
แววตาของเซียวหมิงจูที่ดูมืดหม่นมาตลอดพลันลุกวาว แต่ไม่นานก็มืดหม่นลงอีกครั้ง “ข้าก็เคยคิด เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไร? ” เซียวหยวนเอ่ยถามอย่างเร่งรีบ
สีหน้าของเซียวหมิงจูดูย่ำแย่มาก บอกเล่าเรื่องที่ตัวเองไปหาซินแสสวี่ครั้งก่อน “เซี่ยยวี่หลัวเปลี่ยนไปมาก ข้ารู้สึกสงสัย จากนั้นจึงไปหาซินแสสวี่ด้วยเงินเก็บทั้งหมดของข้า ซินแสสวี่บอกว่าเซี่ยยวี่หลัวถูกปีศาจสิงสู่”
“ว่าไงนะ? เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงไม่ไปบอกหัวหน้าหมู่บ้าน? ” เซียวหยวนอ้าปากตาค้าง “นอกจากนั้น ซินแสสวี่นั่นทำไมถึงไม่มาจับปีศาจ? ”
เซียวหมิงจูกัดริมฝีปากก่อนกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ข้า… ข้าเชิญซินแสสวี่ไม่ไหว ข้า… ข้าไม่มีเงิน”
ซินแสสวี่เป็นซินแสชื่อดังที่สุดในเมืองโยวหลัน หรือเรียกได้ว่าชื่อดังที่สุดในอำเภอกว่างชางก็ว่าได้ ขอเพียงเป็นเรื่องที่ผ่านมือนาง ไม่มีเรื่องใดที่นางทำนายไม่แม่นยำ ดังนั้น ซินแสสวี่จึงเก็บค่าทำพิธีแพงมาก แค่ครั้งก่อนที่ไปพบนาง เซียวหมิงจูก็เสียเงินไปห้าตำลึงแล้ว หากจะเชิญนางมาทำพิธีที่หมู่บ้านสกุลเซียว ต้องใช้เงินห้าสิบตำลึง
ห้าสิบตำลึง นั่นเป็นตัวเลขสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว!
เซียวหมิงจูไม่กล้าขอเงินจากบิดามารดา นางรู้ว่าบิดามารดาไม่มีทางให้ ดังนั้นนางจึงปักผ้าเช็ดหน้าเพื่อเก็บเงินมาตลอด เมื่อไรที่นางเก็บเงินครบห้าสิบตำลึง ก็จะเชิญซินแสสวี่มาจับปีศาจทันที ให้พี่อายวี่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซี่ยยวี่หลัว
เซียวหมิงจูรู้สึกผิดยิ่งนัก “ข้าปักผ้าเช็ดหน้าแทบเป็นแทบตาย บัดนี้เพิ่งเก็บเงินได้เพียงสองร้อยอีแปะ”
มือคู่ของนางถูกเข็มทิ่มไปหลายจุด เพื่อการเก็บเงิน เซียวหมิงจูปักผ้าเช็ดหน้าอย่างไม่รู้วันไม่รู้คืน แต่ก็ยังเก็บเงินได้ช้า
ทว่า เซียวหมิงจูไม่เคยนึกเสียใจ ขอเพียงนางค่อยๆ เก็บเงิน ต้องเก็บจนพอแน่ ถึงเวลาซินแสสวี่มา ปีศาจอย่างเซี่ยยวี่หลัวก็ต้องตายไร้ที่ฝัง
นอกจากนั้น นางลำบากนานถึงเพียงนี้ เก็บเงินเองทีละหนึ่งอีแปะ ก็เพื่อให้เซียวยวี่ได้เห็น ว่านางจริงใจต่อเขา ไม่เคยเปลี่ยนใจมาก่อน
ดังนั้น นี่คือเหตุผลที่เซียวหมิงจูเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจมาตลอด
ซินแสสวี่ยังบอกอีกว่า ตอนนี้พลังของปีศาจตัวนี้ยังอ่อนแอมาก ยังทำร้ายผู้คนรอบข้างไม่ได้ รอให้นางเก็บเงินได้มากพอแล้วค่อยไปหานางก็ได้เหมือนกัน
วาจาของซินแส เซียวหมิงจูย่อมเชื่อ
“กว่าเจ้าจะเก็บเงินครบห้าสิบตำลึง…” เซียวหยวนส่ายหน้าพร้อมยิ้มขม “ไม่แน่ว่าเซียวยวี่อาจถูกเซี่ยยวี่หลัวที่เป็นปีศาจกินไปแล้ว” เขามองกล่องเหล็กที่ใช้เก็บเงินของเซียวหมิงจู ในนั้นเก็บเงินเหรียญอีแปะไว้ไม่น้อย แต่หากเทียบกับเงินห้าสิบตำลึง… ก็ยังเป็นตัวเลขสูงเสียดฟ้า
“ข้ารู้” เซียวหมิงจูเกิดความลังเล “แต่ข้าไม่มีวิธีอื่นจริงๆ ถึงแม้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าจะมีเงิน แต่หากให้พวกท่านรู้ว่าข้านำเงินห้าสิบตำลึงไปเชิญซินแสสวี่มา พวกท่านต้องถลกหนังข้าแน่”
เซียวหยวนผงะไป “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านลุงสี่และท่านป้าสี่เก็บเงินได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ”
“แค่นี้ที่ไหนกัน? ” เซียวหมิงจูยิ้มขมพร้อมกล่าว “ท่านพ่อของข้าเข้าไปในตัวเมืองซื้อของให้คนอื่นมานานปี ไปกลับแต่ละครั้ง วันหนึ่งหาเงินได้หลายสิบอีแปะ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านแม่ของข้าใช้จ่ายอย่างประหยัด ทั้งยังขยันขันแข็ง ที่ไหนหาเงินได้นางก็ไปที่นั่น บวกกับเงินที่ข้าเก็บเองก่อนหน้านี้ ในบ้านอย่าว่าแต่ห้าสิบตำลึงเลย คาดว่ามีเกินเจ็ดแปดสิบหรืออาจถึงร้อยตำลึงด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกท่านซ่อนไว้ที่ไหน ข้าเองก็หาไม่พบ”
เซียวหมิงจูแสดงสีหน้าจนใจ
เซียวหยวนเหลือบมองออกไปด้านนอกแวบหนึ่ง แววตาฉายประกายละโมบและปรารถนาที่เซียวหมิงจูไม่ทันเห็น เมื่อเก็บคืนสายตา ก็กลับสู่ท่าทางอ่อนโยนใสซื่อเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะรีบไปหาซินแสให้มาช่วยจับปีศาจ ในเมื่อเซี่ยยวี่หลัวถูกปีศาจสิงสู่ เจ้าก็ควรรีบไล่นางไปเสีย จะได้ไม่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เจ้าอยู่กับเซียวยวี่เร็วขึ้น เขาก็จะได้เห็นความดีของเจ้าเร็วขึ้น เจ้าเองก็ไม่ต้องเสียใจอีก” เซียวหยวนกล่าว
สตรีผู้นั้น ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก
ไม่เพียงแค่เกะกะขวางทาง ยังยื่นมือไปยุ่งเรื่องคนอื่นไกลถึงเพียงนั้น ช่างน่ารังเกียจเสียจริง
“แต่ข้า…”
“เรื่องเงินเจ้าไม่ต้องห่วง ที่ข้ามี” เซียวหยวนกล่าว
เซียวหมิงจูผงะไป “แต่ข้าจะขอเงินจากท่านได้อย่างไร? ”
เซียวหยวนสีหน้าแฝงเร้นด้วยความรักลึกซึ้ง แววตาอ่อนโยนดุจสายน้ำ “เด็กโง่ ขอเพียงเป็นเรื่องของเจ้า อย่าว่าแต่เงินเลย ต่อให้เป็นชีวิตของข้า ข้าก็จะมอบให้เจ้า”
เซียวหมิงจูรู้สึกเศร้าโศกยิ่งนัก “พี่อาหยวน ทำไมท่านถึงดีกับข้าถึงเพียงนี้? ”
“เพราะเจ้าคือหมิงจูอย่างไรเล่า เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าในวัยเด็ก เจ้ามักจะวิ่งตามข้างหลังข้าอยู่เสมอ? ” เซียวหยวนแย้มรอยยิ้ม ใบหน้าที่แสนธรรมดา ความรักลึกซึ้งที่ฉายประกายจากเบื้องลึกแววตาดูน่าหลงใหลเป็นที่สุด “ข้าเคยบอกกับเจ้า ขอเพียงเจ้าอยากได้ ต่อให้เป็นดวงดาวบนท้องฟ้าข้าก็จะคิดหาวิธีเก็บมาให้เจ้า”
เรื่องผ่านไปนานมากแล้ว เซียวหมิงจูจำไม่ค่อยได้ แต่คำมั่นสัญญาลึกซึ้งที่เซียวหยวนกล่าวออกมาจากใจ ทำให้หยาดน้ำตาของเซียวหมิงจูที่หยุดไหลไปแล้วไหลทะลักออกมาอีกครั้ง ท่ามกลางหยาดน้ำตาที่คลอเต็มเบ้า เซียวหมิงจูกล่าวพึมพำ “พี่อาหยวน คนที่ข้าชอบ ทำไมถึงไม่เป็นท่าน? ”
หากเป็นท่าน คงดีไม่น้อย! ข้าต้องเป็นคนที่มีความสุขที่สุดบนโลกใบนี้แน่
มองผ่านดวงตาที่พร่ามัวเพราะหยาดน้ำตา เซียวหมิงจูมองบุรุษตรงหน้าที่อ่อนโยนและซื่อสัตย์ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า ใบหน้าธรรมดาที่นางไม่ชอบมาตลอด บัดนี้กลับดูสดใสแจ่มชัดขึ้น
เมื่อเห็นแววตาสตรีที่อยู่ตรงหน้าฉายประกายรู้สึกผิดเต็มประดา ภายในใจเซียวหยวนรู้สึกได้ใจเสียยิ่งกว่าอะไร ปลาตัวใหญ่ ติดเบ็ดแล้ว
“อาหยวน หมิงจู รีบมากินข้าวได้แล้ว” เสียงดีอกดีใจของท่านป้าสี่ดังขึ้นจากด้านนอก
เซียวหยวนเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของเซียวหมิงจู
บนใบหน้าของนางยังมีคราบน้ำตาอยู่ เซียวหยวนช่วยเช็ดให้นาง
เดิมทีเซียวหมิงจูคิดจะถอยหลัง แต่พอคิดถึงเรื่องที่เซียวหยวนดีต่อนาง นางจึงฝืนสะกดความรู้สึกไม่สบายใจไว้ ปล่อยให้มือของเซียวหยวนที่เช็ดคราบน้ำตาให้นางเสร็จแล้วลูบใบหน้าของนางต่อ
ท่าทางระมัดระวังนั่น ทำให้เซียวหมิงจูหวนคิดอีกครั้ง ว่าหากเซียวยวี่มีความรักต่อนางแม้เพียงกึ่งหนึ่งของเซียวหยวน คงดีไม่น้อยเลย ต่อให้นางต้องตายก็คุ้มค่าแล้ว
ทั้งสองคนเดินออกไป เซียวหยวนเดินตามข้างหลัง กวาดสายตามองผ่านร่างบางอรชรของเซียวหมิงจูด้วยแววตาละโมบ ปลายนิ้วเหมือนจะยังมีกลิ่นหอมบนกายสตรีหลงเหลือ เขายกนิ้วมาวางตรงปลายจมูก แววตาอ่อนโยนพลันแปรเปลี่ยนเป็นแววตาฉายประกายชั่วร้าย ความปรารถนาในแววตาทำให้เห็นแล้วรู้สึกเย็นสันหลังวาบ